Table of Contents

REVIEW
ร้อยไหม-Thread-lifting-ยกกระชับ

ไม่ต้องรอให้สูงวัย ก็ร้อยไหมได้ ! เข้าใจการร้อยไหม ก่อนตัดสินใจทำ

เมื่อพูดถึงปัญหาหน้าหย่อนคล้อย หรือริ้วรอยบนใบหน้า ผู้คนมักนึกถึงการร้อยไหมเป็นอันดับแรก ๆ การร้อยไหมถือเป็นเทคโนโลยีในการยกกระชับผิวหน้า ที่เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายในประเทศไทย โดยคนส่วนใหญ่มักเข้าใจว่า การร้อยไหม เหมาะกับคนที่อายุเยอะ หรือมีผิวเหี่ยวย่นแล้วเท่านั้น แต่ในความเป็นจริงแล้ว การร้อยไหม สามารถทำได้กับคนหลากหลายวัย ตั้งแต่วัยทำงานไปจนถึงคนที่ความยืดหยุ่นของผิวหนังเริ่มเสื่อมสภาพ

ในบทความนี้ Lienjang จะพาผู้อ่านทุกท่าน ไปทำความรู้จักกับการร้อยไหมกันให้มากขึ้น ไขข้อสงสัยเกี่ยวกับการร้อยไหม ข้อมูลในการทำ และกระบวนการต่าง ๆ เพื่อประกอบการตัดสินใจ กับผู้ที่กำลังหาข้อมูลในการร้อยไหมยกกระชับใบหน้า

Table of Contents

สิ่งที่น่ารู้ในบทความนี้

  1. การร้อยไหมหรือ Thread Lifting คืออะไร ?
  2. ไหมที่ใช้ในการร้อยไหมมีทั้งหมดกี่ชนิด ?
  3. การร้อยไหม มีกระบวนการในการยกกระชับผิวหน้าอย่างไร ?
  4. ขั้นตอนในการร้อยไหมเบื้องต้น
  5. การเตรียมตัวและข้อควรระวังในการร้อยไหม
  6. การร้อยไหมแตกต่างจากเทคโนโลยีในการยกกระชับใบหน้าอื่นอย่างไร ?
  7. วิธีการเลือกสถานที่ให้บริการร้อยไหม

การร้อยไหมหรือ Thread Lifting คืออะไร ?

การร้อยไหมหรือที่รู้จักกันในชื่อว่า Thread Lifting คือการยกกระชับผิวหน้า โดยการร้อยไหมที่มีเงี่ยงลงไปในชั้นผิวหนัง โดยเงี่ยงของไหมจะเกี่ยวผิวหน้าให้ยกกระชับขึ้นมาตามทิศทางในการร้อย เปรียบเสมือนการทำให้ผิวยกกระชับ ด้วยวิธีการตรึงของไหมภายใต้ชั้นผิว นอกจากไหมจะทำหน้าที่ประคองให้ผิวยกกระชับแล้ว ยังสามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิวได้อีกด้วย

ผลลัพธ์ของการร้อยไหมจะสามารถคงอยู่ได้นานถึง 1 ปี ทั้งนี้ระยะเวลาจะขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้ชีวิตของแต่ละบุคคล ผู้เข้ารับการร้อยไหมจะเห็นผลหลังทำทันที และจะเห็นผลชัดเจนหลังจากทำไปประมาณ 1 เดือน

การร้อยไหมเหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวดังต่อไปนี้

  • ผู้ที่มีปัญหาริ้วรอย ผิวเหี่ยวย่น ต้องการให้ผิวเรียบตึง
  • ผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย ต้องการให้ผิวกระชับ
  • ผู้ที่ต้องการเก็บกรอบหน้า อยากมีรูปหน้าที่ชัดเจน
  • ผู้ที่ต้องการแก้ไขปัญหาผิวเหี่ยวย่น แต่ไม่ต้องการผ่าตัดดึงหน้า

ไหมที่ใช้ในการร้อยไหมมีทั้งหมดกี่ชนิด ?

อย่างที่ทราบกันดี ว่าไหมที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน จะแบ่งออกเป็นสองประเภทหลัก ๆ ได้แก่ไหมละลาย และไหมไม่ละลาย โดยไหมละลายจะเป็นไหมประเภทที่สามารถย่อยสลายไปเองได้ ภายในระยะเวลาหนึ่ง ส่วนไหมไม่ละลายจะเป็นไหมประเภทที่ไม่สามารถย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ ไหมไม่ละลาย ไม่ค่อยถูกใช้ในปัจจุบันแล้ว เพราะไม่สามารถผ่านเครื่อง CT Scan หรือ MRI ได้ อีกทั้งยังไม่ทนความร้อน เมื่อโดนความร้อนอาจทำให้มีการเปลี่ยนรูปร่าง

ดังนั้นส่วนใหญ่แล้วการร้อยไหมจึงใช้ไหมละลายเป็นหลัก ซึ่งไหมที่ใช้ก็แบ่งออกเป็นหลายประเภท ตามลักษณะของไหม โดยไหมแต่ละรูปแบบ ก็จะเหมาะแก่การแก้ไขปัญหาผิวที่แตกต่างกันออกไป

ไหมแบบเรียบ (Mono Thread)

ไหมแบบเรียบแบ่งออกเป็นสองประเภท

    ไหมแบบเรียบตรง เป็นแบบที่ไม่มีเงี่ยง เหมาะกับการแก้ไขปัญหาหลุมสิว และรูขุมขน กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้ดี

    อีกแบบเรียกว่า ไหมแบบเกลียว คือไหมแบบเรียบที่พันรอบเข็มในลักษณะเกลียว ไหมในแบบนี้จะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และทำให้ผิวดูอิ่มฟู เพิ่มวอลลุมให้ผิว

ไหมแบบเงี่ยง (Barb Thread)

เป็นไหมเส้นใหญ่ มีเงี่ยงออกมา โดยเงี่ยงดังกล่าวจะทำหน้ายึดเกาะกับผิวหนัง ทำให้ไหมแบบนี้สามารถทำให้ผิวคงสภาพ เรียบตึงได้ดีกว่าไหมแบบเรียบ ไหมแบบเงี่ยงเหมาะกับการแก้ไขปัญหาผิวหย่อนคล้อย ปัญหาริ้วรอย และร่องแก้ม ไหมแบบเงี่ยงแบ่งออกไปสองแบบ ได้แก่

    ไหมเงี่ยงบาก เป็นไหมแบบที่ใช้เลเซอร์ในการบากให้เกิดเงี่ยงจากตัวไหม รอยเงี่ยงแบบนี้จะมีความยืดหยุ่นสูง เคลื่อนไหวได้ง่าย ไหมแบบเงี่ยงบาก จะมีทั้งการบากไปในทิศทางเดียวกัน บากไปสองทิศทาง และการบากแบบ รอบเส้นไหม

    ไหมเงี่ยงอีกรูปแบบ คือไหมเงี่ยงหล่อ เงี่ยงของไหมแบบนี้ จะเป็นแบบที่หล่อขึ้นมาเพิ่มบนไหม แน่นอนว่า เงี่ยงหล่อจะมีความแข็งแรงกว่า และยึดเกาะผิวได้ดีกว่า โดยเงี่ยงหล่อก็จะมีทั้งหมดสามประเภทเช่นกัน เป็นเงี่ยงแบบสามเหลี่ยม ทึบลักษณะคล้ายร่ม เงี่ยงแบบฟันฉลาม และเงี่ยงหล่อแบบรอบไหม

    ผู้ทำสามารถเลือกได้ว่า ต้องการใช้เงี่ยงรูปแบบไหน หากต้องการความยืดหยุ่น เงี่ยงบากก็จะเป็นแบบที่เหมาะสม ส่วนเงี่ยงหล่อ จะทำหน้าที่ได้ดีมากในด้านของความคงทน และการยึดเกาะกับผิว

ปรึกษาเรื่องการร้อยไหมกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อเข้ารับการรักษาได้แล้ววันนี้ คลิกที่นี่

ไหมกรวย

เป็นไหมแบบเงี่ยง แต่เงี่ยงมีลักษณะเป็นกรวย 3 มิติ โดยตัวกรวยจะสามารถยึดเกาะกับผิวได้เป็นอย่างดี ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และลดการบาดผิว ช่วยลดอาการอักเสบได้

อย่างไรก็ตามไหมแบบนี้ต้องการความเชี่ยวชาญค่อนข้างสูง เพราะใช้เทคนิคเยอะ จึงต้องการแพทย์ที่มีประสบการณ์เท่านั้น

ไหมโครงตาข่าย

เป็นไหมแบบเงี่ยงสองชั้น โดยชั้นในจะเป็นเงี่ยงแบบ 360 องศา รอบตัวไหม และชั้นนอกเป็นไหมตาข่าย ไหมเงี่ยงลักษณะนี้จะมีความแข็งแรงมาก และสามารถเกาะผิวได้เป็นอย่างดี นอกจากการที่เงี่ยงจะทำการยกกระชับผิวแล้ว การร้อยไหมโครงตาข่ายชั้นนอกยังกระตุ้นให้เกิดการสร้างเนื้อเยื่อ และคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ ทำให้ผิวอิ่มฟู เต่งตึง

ไหมน้ำ หรือ กลอลี่ (Glory)

เป็น สารสกัดจาก Polycaprolactone ช่วยกระตุ้นคอลลาเจน ย่อยสลายได้ ไม่ตกค้างในพื้นผิว กระจายตัวได้ดี ไม่จำเป็นต้องทำหลายจุด

วิธีการทำของไหมน้ำจะแตกต่างจากวิธีอื่น โดยจะคล้าย ๆ กับฟิลเลอร์ เบื้องต้นจะเป็นการนำ PCL เข้าไปสู่ใต้ชั้นผิวหนัง หลังจากนั้นผิวจะเริ่มกระตุ้นการทำงานของไฟโบบลาส ซึ่งเป็นตัวสร้างคอลลาเจน และอิลาสติน ทำให้ริ้วรอยลดลง ผิวเรียบตึงขึ้น วิธีนี้อาจเห็นผลช้าหน่อย ใช้เวลาประมาณ 3 – 6 เดือน ผลลัพธ์ที่ทำ ริ้วรอยต่าง ๆ จะได้รับการเติมเต็มอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่เป็นก้อน ไม่เป็นลำ และจะกระจายทั่วใบหน้า แตกต่างจากการทำฟิลเลอร์ ซึ่งจะเน้นไปที่การเติมแต่งเฉพาะจุด

    ขั้นตอนการ ทำไหมน้ำ หรือ กลอลี่ (Glory)
  1. ทำความสะอาดใบหน้า และทายาชาทิ้งไว้ประมาณ 15-30 นาที
  2. หลังจากนั้นหมอจะทำการเช็ดยาชาออก และเติมไหมน้ำ หรือกลอรี่ ไปในบริเวณที่คนไข้ต้องการ จะใช้เวลาประมาณ 20 นาที
  3. หลังจากการทำ แพทย์ผู้ทำการรักษาจะแจ้งวิธีการดูแล พร้อมแนวทางในการรักษาเพิ่มเติม

เมื่ออ่านมาถึงจุดนี้ หลายท่านอาจสงสัยว่า แล้วไหมละลายแต่ละรูปแบบทำมาจากวัสดุอะไร วัสดุในการทำไหมแบ่งออกเป็น 3 อย่างหลัก ๆ ได้แก่

  1. PDO (Polydioxanone) – เป็นวัสดุที่นิยมใช้มากที่สุด มีความยืดหยุ่นสูง และมีความแข็งแรง ทุกใช้อย่างแพร่หลายในวงการแพทย์ เช่น ในการผ่าตัดเย็บเส้นเลือดหัวใจ
  2. PLLA (Polylactic acid) – เป็นวัสดุที่มีความแข็งแรง คงทนอยู่ได้นาน แต่มีปัญหาในเรื่องของความเปราะ สามารถแตกหักได้ง่าย ไม่ค่อยมีความยืดหยุ่น
  3. PCL (Polycaprolactone) – เป็นวัสดุสีใส เหนียว มีความยืดหยุ่นสูง สามารถขยับได้ ตามการขยับใบหน้า ทำให้ไม่แตกหัก หรือขาด สามารถคงอยู่ได้ยาวนาน และเป็นส่วนกระกอบหลักในไหมน้ำ
ร้อยไหม-Thread-lifting-ยกกระชับ

การร้อยไหมมีกระบวนการในการยกกระชับผิวหน้าอย่างไร ?

การร้อยไหมถือเป็นหนึ่งในวิธีการยกกระชับใบหน้าโดยไม่ต้องผ่าตัดที่เห็นผลชัดเจนที่สุด การร้อยไหมจะมีจุดเด่น ในเรื่องของการช่วยลดริ้วรอย และผิวที่เหี่ยวย่น แตกต่างจากวิธีอื่น ๆ อย่าง HIFU และ ULTHERAPY ที่จะเป็นการกระตุ้นจากใต้ชั้นผิว ซึ่งเหมาะแก่ผู้ที่ไม่ได้มีริ้วรอยเยอะมาก มุ่งเน้นไปที่การยกกระชับผิว ดังนั้นหากท่านใดที่มีปัญหาริ้วรอย และความเหี่ยวย่นของผิว และต้องการเห็นผลชัดเจนโดยไม่ต้องการผ่าตัด การร้อยไหม ก็ถือเป็นวิธีที่ตอบโจทย์สำหรับคุณ

ปรึกษาเรื่องการร้อยไหมกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อเข้ารับการรักษาได้แล้ววันนี้ คลิกที่นี่

ขั้นตอนในการร้อยไหมเบื้องต้น

  1. ประเมินปัญหาผิว และแนวทางในการรักษาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
  2. แปะยาชาและฉีดยาชา ลงไปในบริเวณที่ต้องการทำการร้อยไหม
  3. เช็ดหน้าด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ
  4. ร้อยไหม
  5. กดไหม และจัดตำแหน่งไหม
  6. ตัดไหม

การเตรียมตัวและข้อควรระวังในการร้อยไหม

เนื่องจากการร้อยไหมถือเป็นหัตถการรูปแบบหนึ่ง ผู้เข้ารับการรักษาจึงควรมีการเตรียมตัวตามคำแนะนำดังต่อไปนี้

  1. ควรงดยา แอสไพริน, NSAIDs เช่น ibruprofen diclofenac ponstan เป็นเวลา 1 อาทิตย์ก่อนทำหัตถการ และควรปรึกษาแพทย์ที่รักษาอยู่ก่อนที่จะหยุดยานั้นๆ
  2. ควรงดวิตามิน St. Johns Wort, ginko biloba, primrose oil, garlic, ginseng, and Vitamin E เป็นเวลา 1 อาทิตย์ก่อนทำหัตถการ
  3. ควรงดยาทาชนิดผลัดเซลล์ผิว เช่น Tretinoin (Retin-A), Retinols, Retinoids, Glycolic Acid, หรือครีมในกลุ่ม “Anti-Aging” ทุกชนิด เป็นเวลา 3 วันก่อนทำหัตถการ
  4. ควรงดการแว็กผิว ผลัดเซลล์ผิว การดึงขนหรือโกนขนในบริเวณนั้นๆ เป็นเวลา 3 วันก่อนทำหัตถการ
  5. หากมีคอร์สทำหน้านวดหน้าหรือเลเซอร์ต่างๆ ที่ต้องทำเป็นประจำ ควรทำมาก่อนอย่างน้อย 3 วันก่อนร้อยไหม เพราะหลังทำต้องเว้นไปอีก 2 อาทิตย์
  6. หากมีโรคประจำตัว หรือยาที่กินเป็นประจำอื่นๆ ควรเตรียมข้อมูลไว้เพื่อแจ้งกับแพทย์ก่อนที่จะทำหัตถการ
  7. ควรงดกิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีด 24 ชม. ก่อนทำ เช่น เข้าซาวน่า ออกกำลังกายชนิด cardio
  8. ควรงดดื่มแอลกอฮอล์ 24 ชม. ก่อนทำ

หากท่านเป็นผู้ที่มีโรคเบาหวาน ความดันสูง โรคหัวใจ โรคแพ้ภูมิตัวเอง (SLE) และโรคไทรอยด์เป็นพิษ อาจต้องปรึกษาแพทย์อย่างละเอียดก่อนเข้ารับทำ และผู้ที่ร้อยไหมจะต้องมีอายุ 20 ปีขึ้นไป

หลังการทำอาจมีอาการบวมช้ำ และเลือดออกเล็กน้อย ควรทานยาและดูแลตนเองตามที่แพทย์แนะนำอย่างเคร่งครัด การร้อยไหมถือเป็นหัตถการที่ต้องการแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญสูง ควรใช้บริการกับสถานบริการที่ได้มาตรฐานเท่านั้น

การร้อยไหมแตกต่างจากเทคโนโลยีในการยกกระชับใบหน้าอื่นอย่างไร ?

การร้อยไหมถือเป็นหนึ่งในวิธีการยกกระชับใบหน้าโดยไม่ต้องผ่าตัดที่เห็นผลชัดเจนที่สุด การร้อยไหมจะมีจุดเด่น ในเรื่องของการช่วยลดริ้วรอย และผิวที่เหี่ยวย่น แตกต่างจากวิธีอื่น ๆ อย่าง HIFU และ ULTHERAPY ที่จะเป็นการกระตุ้นจากใต้ชั้นผิว ซึ่งเหมาะแก่ผู้ที่ไม่ได้มีริ้วรอยเยอะมาก มุ่งเน้นไปที่การยกกระชับผิว

ดังนั้นหากท่านใดที่มีปัญหาริ้วรอย และความเหี่ยวย่นของผิว และต้องการเห็นผลชัดเจนโดยไม่ต้องการผ่าตัด การร้อยไหม ก็ถือเป็นวิธีที่ตอบโจทย์สำหรับคุณ

วิธีการเลือกสถานที่ให้บริการร้อยไหม

อย่างที่ได้กล่าวไปด้านต้น การร้อยไหมจำเป็นจะต้องใช้แพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญสูง และจะต้องมั่นใจว่าวัสดุที่ใช้จะต้องได้มาตรฐาน มิเช่นนั้นอาจทำให้ก่อเกิดปัญหาตามมา อย่างเช่น เกิดริ้วไหม ไหมเคลื่อน ไหมขาด และอาการอักเสบ ดังนั้นผู้ทำจึงต้องมีการหาข้อมูลอย่างระมัดระวังก่อนทำทุกครั้ง

Lienjang คลินิกเสริมความงามจากประเทศเกาหลี ที่มีความเชี่ยวชาญในด้านการทำหัตถการ ที่สถานบริการของเรามีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญคอยให้บริการ และให้คำปรึกษา ดังนั้นคุณจึงสามารถมั่นใจได้ว่า ไหมที่ใช้ และแพทย์ผู้ทำหัตถการ มีมาตรฐานและสามารถไว้ใจได้อย่างแน่นอน

ที่คลินิกจะใช้ไหมที่ทำจากวัสดุ PDO (Polydioxanone) เป็นไหมที่มีมาตรฐานและได้รับการรับรองจาก FDA มีความยืดหยุ่นสูง ช่วยลดอาการไหมขาดหลังทำได้

ปรึกษาเรื่องการร้อยไหมกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อเข้ารับการรักษาได้แล้ววันนี้ คลิกที่นี่
REVIEW

บทความที่เกี่ยวข้อง

related Article

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *