Table of Contents
โปรแกรม HIFU ยกกระชับ ปรับรูปหน้า แบบไร้การผ่าตัด !
หากจะพูดถึง เครื่องมือในการกำจัดผิวหย่อนคล้อย คนส่วนใหญ่มักนึกถึง การดึงผิวหน้าด้วยวิธีการผ่าตัด แต่ในความเป็นจริงแล้ว ในยุคปัจจุบันมีเทคโนโลยีมากมายที่สามารถช่วยยกกระชับผิวหน้าได้ แบบไม่ต้องเจ็บตัว !
Program HIFU (ไฮฟู หรือ ไฮฟู่) คืออีกหนึ่งเครื่องมือยกกระชับผิวหน้าที่ไม่ต้องใช้เข็มและการผ่าตัด ซึ่งกำลังได้รับความแพร่หลายอย่างมากในปัจจุบัน อย่างไรก็ตามการทำ HIFU แต่ละครั้ง จะมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง และในตลาดปัจจุบันมีเครื่องทำ HIFU หลากหลายชนิด เพราะฉะนั้นผู้ทำควรศึกษาข้อมูลอย่างถี่ถ้วนก่อนทำ เพื่อไม่ให้เสียเงินไปกับผลลัพธ์ที่ไม่น่าพึงพอใจ
สิ่งที่น่าสนใจ ในบทความนี้
- HIFU คืออะไร ช่วยแก้ปัญหาผิวใดบ้าง ?
- HIFU นิยมทำในจุดใดบ้าง ?
- การเตรียมตัวก่อนทำ HIFU และการดูแลหลังทำ HIFU
- ทำ HIFU เจ็บไหม ?
- เครื่องทำ HIFU ยี่ห้อใดที่ให้ผลลัพธ์ดีที่สุด
HIFU (ไฮฟู หรือ ไฮฟู่) คืออะไร ช่วยแก้ปัญหาผิวใดบ้าง ?
HIFU ย่อมาจาก High Intensity Focused Ultrasound คือการใช้คลื่นเสียง Ultrasound ยิงไปยังใต้ชั้นผิวหนัง เพื่อกระตุ้นให้มีการสร้างเนื้อเยื่อขึ้นมาใหม่ และผลิตคอลลาเจน แน่นอนว่าเมื่อมีการสร้างเนื้อเยื่อใต้ชั้นผิวหนัง และผิวหนังมีคอลลาเจน ก็จะทำให้ผิวหนังไม่หย่อนคล้อยและมีความยืดหยุ่นมากยิ่งขึ้น
HIFU ถูกใช้อย่างแพร่หลายในการแก้ไขปัญหาผิวหย่อนคล้อย ไม่จำเป็นจะต้องเป็นผู้ที่ผิวเหี่ยวย่นเท่านั้น แต่ยังใช้ในผู้ที่ต้องการให้กรอบผิวหน้าชัดเจนได้อีกด้วย HIFU ทำได้ไม่ต้องมีการพักฟื้น และไม่ยุ่งยากเท่าการผ่าตัด HIFU จึงเป็นเครื่องมือยกกระชับผิวที่แพร่หลายอย่างมากในปัจจุบัน โดยหลังจากทำจะเห็นผลได้ในทันที และจะเห็นผลเต็มที่ในระยะ 2 – 3 เดือน โดยผิวกระชับจากการทำ HIFU จะคงอยู่ประมาณ 5 – 6 เดือน สูงสุดอาจอยู่ได้นานถึง 1 ปี (ขึ้นอยู่กับการใช้ชีวิตของแต่ละคน) การทำ HIFU สามารถทำซ้ำได้ทุก ๆ 3 หรือ 6 เดือน ดังนั้นจึงแนะนำให้ทำซ้ำปีละ 2 – 3 ครั้ง
HIFU นิยมทำในจุดใดบ้าง ?
- แก้ม – สำหรับผิวหย่อนคล้อยบริเวณแก้ม ในการทำ HIFU จะใช้ปริมาณ 200 – 300 Lines ขึ้นอยู่กับปัญหาผิวของแต่ละบุคคล ในกรณีที่ร่องแก้มลึก อาจต้องมีการฉีดฟิลเลอร์ร่วมด้วย
- เหนียง – การทำ HIFU บริเวณเหนียง จะทำเพื่อให้รูปหน้ามีความชัดเจนมากขึ้น ในบริเวณนี้จะใช้ HIFU ในปริมาณ 300 Lines เพื่อให้เห็นผลที่ชัดเจน
- ใต้ตา – ปัญหาผิวใต้ตาหย่อนคล้อย ถือเป็นสิ่งที่ส่งผลให้ใบหน้าโดยรวมดูไม่อ่อนวัย ในการแก้ไขปัญหาผิวหย่อนคล้อยริ้วรอยรอบดวงตา จะใช้ HIFU ประมาณ 100 Lines
- ทั่วหน้า และคอ – ในกรณีที่ทำ HIFU ในบริเวณคอ ร่วมกับ ใบหน้า จะใช้ HIFU ค่อนข้างสูงขึ้นมาหน่อย อยู่ในปริมาณ 500-600 Lines (ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล)
การเตรียมตัวก่อน และหลังทำ HIFU
- ควรมีการพักผ่อนให้เพียงพอ
- งดสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์
- เลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย (ทานอาหารให้ครบ 5 หมู่) เพื่อให้การสร้างเนื้อเยื่อใต้ชั้นผิวมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
- ทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูง ในบริเวณที่ทำ HIFU และต้องเผชิญกับแสงแดด เพื่อป้องกันผิวถูกทำร้าย
- ในกรณีที่มีอาการปวด สามารถทานยาแก้ปวดเพื่อลดอาการได้
- ไม่ใช้มือถูหรือสัมผัสบริเวณที่มีการทำ HIFU แรง ๆ
- ลดการดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ เพราะจะทำให้กระบวนการสร้างคอลลาเจนถูกรบกวน
ทำ HIFU ด้วย Ultraformer III เจ็บไหม ?
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ในการทำ HIFU จริง ๆ แล้ว ถ้าหากเป็นการทำที่ได้ผลจะมีอาการปวดตึงอยู่บ้าง โดยอาการดังกล่าวจะหายไปหลังจากการทำระยะหนึ่ง และสามารถทานยาแก้ปวดเพื่อลดอาการดังกล่าวได้ ก่อนทำจะมีการทำยาชา เพื่อลดอาการเจ็บปวดลง แต่หากเทียบกับการผ่าตัดแล้ว ก็จะพักฟื้นน้อยกว่าอย่างแน่นอน
เครื่องทำ HIFU ยี่ห้อใดให้ผลลัพธ์ดีที่สุด ?
ในปัจจุบันที่ Lienjang Thailand มีเครื่องทำ HIFU ยี่ห้อ Ultraformer lll ไว้คอยให้บริการทุกท่าน โดยเครื่องรุ่นนี้จะมีจุดเด่นตรงที่ใช้พลังงาน Macrofocus และมีหัวยิงหลากหลายชนิด ตามระดับความลึกของผิวที่ต้องการ โดยระดับความลึกของผิวที่ยิงคลื่นเข้าไปก็จะช่วยแก้ไขปัญหาผิวที่แตกต่างกันเช่น ความลึก 1.5 – 2.0 mm ก็จะช่วยแก้ไขริ้วรอย / ความลึก 3.00 mm จะช่วยลดไขมันใต้ชั้นผิว และเซลลูไลท์ กระชับใบหน้า / ความลึก 4.5 mm ใช้กับผิวชั้นที่ปกติจะใช้ผ่าตัดดึงหน้าให้กระชับ / และความลึก 2.0 mm ใช้ยกกระชับ รักษาริ้วรอย ยกคิ้ว ยกหนังตาตึก ดังนั้นคุณจะมั่นใจได้เลยว่าในการทำ HIFU กับเครื่อง Ultraformer lll จะช่วยแก้ไขปัญหาผิวอย่างครอบคลุมได้แน่นอน