ฟิลเลอร์ ปลอดภัยจริงไหม ? ยังน่าทำไหมในปัจจุบัน ?
โบท็อกซ์และฟิลเลอร์ถือเป็นสองตัวช่วยยอดฮิตในการลดเลือดริ้วลอยและร่องลึกบนใบหน้า โดยในปัจจุบันมีข่าวออกมามากมายถึง ผลร้ายในการใช้ฟิลเลอร์ปลอม เพราะฟิลเลอร์ปลอมจะเป็นซิลิโคนเหลว และไม่สามารถสลายออกไปได้เองทั้งหมด ต้องทำการผ่าตัดเพื่อแก้ไขเท่านั้น และถึงแม้จะแก้ไข ก็ไม่สามารถยืนยันได้ว่าจะเอาออกมาได้ทั้งหมดหรือไม่
มากไปกว่านั้นในการดำเนินการฉีดฟิลเลอร์แต่ละส่วนบนใบหน้า ก็ยังจะต้องเลือกใช้ฟิลเลอร์ชนิดที่มีความหนาแน่นแตกต่างกันออกไปอีกด้วย เพราะมิเช่นนั้นก็อาจทำให้ใบหน้าดูแข็ง ไม่เป็นธรรมชาติ
จากที่ได้กล่าวมาข้างต้น ทำให้เห็นว่าการฉีดฟิลเลอร์ควรดำเนินการโดยคลินิกที่ได้มาตรฐาน และทีมแพทย์ที่มีความชำนาญ โดยทาง Lienjang ได้ใช้ฟิลเลอร์ที่ได้รับการรับรองเท่านั้น อีกทั้งยังมีทีมแพทย์ฝีมือดี มากประสบการณ์ที่พร้อมจะมอบภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่คุณอีกด้วย
ฟิลเลอร์คืออะไร ?
ฟิลเลอร์ หรือสารเติมเต็มประเภทไฮยาลูรอนิค แอซิด Hyaluronic Acid หรือที่เรียกสั้น ๆ ว่า HA ลงไปใบเวณร่องลึกหรือบริเวณที่ต้องการเสริมเติมแต่งบนใบหน้า โดย HA จะสลายไปตามการเวลาขึ้นอยู่กับประเภทของฟิลเลอร์ และลักษณะในการใช้ชีวิต
บริเวณที่มักจะมีการทำฟิลเลอร์
-
- หน้าผาก การทำฟิลเลอร์บริเวณหน้าผาก คือการนำสารเติมเต็มเข้าไปในชั้นเยื่อหุ้มกระดูก เผื่อแก้ไขปัญหาหน้าผากแบน หน้าผากบุ๋ม หรือริ้วรอยที่หน้าผาก การทำในจุดดังกล่าวจึงจะต้องใช้ความเชี่ยวชาญสูงมิเช่นนั้นอาจทำให้เกิดปัญหาหน้าผากเป็นก้อนหรือไม่เรียบเนียนตามมาได้มักจะฉีด 1 – 5 CC โดยยี่ห้อที่นิยมใช้จะเป็น Juvederm และ Restylane
-
- ร่องแก้ม ร่องแก้มก็ถือเป็นอีกหนึ่งริ้วรอยที่ทำให้หน้าดูแก่กว่าวัย โดยการแก้ไขปัญหาดังกล่าวก็คือการทำฟิลเลอร์เพื่อเข้าไปเติมเต็ม ในบริเวณนี้มักจะฉีดในปริมาณ 2-3 CC ยี่ห้อที่นิยมใช้ได้แก่ Juvederm Restylane และ Yvoire
-
- จมูก การทำฟิลเลอร์ที่จมูก จะทำเพื่อปรับโครงสร้างจมูกให้มีความสวยงามตามต้องการ สามารถช่วยได้ทั้งการเสริมสันจมูก การเสริมปลายจมูก การแก้ไขความไม่เสมอกันของสันจมูก และอื่น ๆ อีกมากมาย อีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้การทำฟิลเลอร์ที่จมูกเป็นที่นิยมเป็นเพราะไม่ต้องทำการผ่าตัด เหมือนการเสริมจมูกด้วยซิลิโคน ใช้เวลาพักฟื้นค่อนข้างน้อย สำหรับการทำฟิลเลอร์ที่จมูกไม่ควรเกิน 1 CC และยี่ห้อที่ใช้กันอย่างแพร่หลายได้แก่ Juvederm Belotero Restylane และ Neuramis
-
- คาง เช่นเดียวกันกับการทำบริเวณจมูก ฟิลเลอร์ที่บริเวณคาง ทำเพื่อแก้ปัญหาคางสั้นหรือคางบุ๋ม การเติมสารเติมเต็มในบริเวณนี้มักทำเพื่อให้คางมีรูปร่างที่สอดรับกับใบหน้า ฟิลเลอร์ที่คางจะใช้ในปริมาณแค่ 1 CC เท่านั้น โดย Juvederm Restylane Belotero เป็นยี่ห้อที่เหมาะกับการใช้ในบริเวณนี้
-
- ขมับ ขมับตอบ ขมับลึก ขมับโหล คือปัญหาบนใบหน้ายอดฮิตที่มักเริ่มเกิดในวัยกลางคน แน่นอนว่าฟิลเลอร์ก็เป็นอีกหนึ่งทางแก้ปัญหา การฉีดฟิลเลอร์บริเวณขมับ มักทำคู่กับใต้ตา เพื่อทำให้หน้าบริเวณส่วนบนดูเต่งตึง และอ่อนวัย ปริมาณที่ใช้จะอยู่ที่ 1 – 2 CC และยี่ห้อที่นิยมใช้ได้แก่ Juvederm และ Restylane
-
- ปาก ปากอวบอิ่มถือเป็นอีกหนึ่งเทรนด์ที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากในปัจจุบัน สารเติมเต็มนอกจากจะช่วยให้เนื้อปากดูเต็มแล้วนั้น ยังแก้ปัญหาร่องปากที่ทำให้ดูแห้ง สุขภาพไม่ดีได้อีกด้วย สำหรับฟิลเลอร์บริเวณปาก คนมักจะนิยมเลือก Juvederm Restylane และ Bolotero โดยปริมาณมักจะไม่เกิน 1 CC
-
- ใต้ตา ในปัจจุบันการทำฟิลเลอร์ใต้ตา ไม่ได้ทำเพียงแค่เพื่อแก้ไขปัญหาใต้ตาลึก แต่ยังสามารถแก้ไขปัญหาถุงใต้ตา และใต้ตาคล้ำได้อีกด้วย เนื่องจากเป็นบริเวณที่ใกล้ดวงตา จึงต้องมีความเชี่ยวชาญเป็นอย่างสูง และฟิลเลอร์ที่ใช้จะต้องแน่ใจว่าเป็นของแท้ ยี่ห้อที่มีชื่อเสียงสำหรับบริเวณใต้ตาก็คือ Juvederm และ Restylane และปริมาณดจะอยู่ที่ 0.5 – 2 C
โปรแกรมฟิลเลอร์ที่ Lienjang มีให้บริการ
Program NEURA (โปรแกรมนอร่า) หรือ ฟิลเลอร์เกาหลี Neuramis
ฟิลเลอร์ Neuramis คือฟิลเลอร์ที่ผลิตจากประเทศเกาหลี รุ่นที่ได้รับความนิยมมีทั้งหมด 3 รุ่น คือรุ่น
- 1. Deep – เป็นรุ่นแรก มีความหนืดปานกลาง สามารถใช้ได้หลายจุด
2. Deep Lidocaine – หนืดปานกลาง แตกต่างกันที่มียาชาเป็นส่วนประกอบอยู่ด้วย 0.3% ช่วยลดความเจ็บในขณะที่ฉีดได้
3. Volume Lidocaine – มีความหนืดที่สุด คงตัวได้ดี มักใช้เพื่อลดริ้วรอย
ฟิลเลอร์ Neuramis จะอยู่ได้ประมาณ 6 – 12 เดือน
Program MADEMOISELLE (โปรแกรมมาดมัวแซล) หรือ ฟิลเลอร์ Yvoire
เช่นเดียวกับ Neuramis ฟิลเลอร์ Yvoire ถูกนำเข้าจากประเทศเกาหลีใต้ รุ่นที่ได้รับความนิยมมีทั้งหมด 3 รุ่น ได้แก่
- Classic Plus – เป็นรุ่นที่มีโมเลกุลเล็กและละเอียดที่สุด เหมาะกับการใช้ในผิวหนังชั้นบน มักใช้ในบริเวณตา หว่างคิ้ว และเบ้าตา อยู่ได้ประมาณ 6-9 เดือน
- Volume Plus – เหมาะกับผิวหนังชั้นกลาง มักใช้ในบริเวณ หน้าผาก ขมับ ร่องแก้ม ริมฝีปาก อยู่ได้ประมาณ 9-12 เดือน
- Contour – มีโมเลกุลขนาดใหญ่สุดใน 3 รุ่น เหมาะกับผิวหนังชั้นลึก มักใช้ในบริเวณ โหนกแก้ม คาง และกรอบหน้า ช่วยแก้ปัญหาเรื่องความหย่อนคล้อย อยู่ได้ประมาณ 12-18 เดือน
Program BETTY (โปรแกรมเบ็ตตี้) หรือ ฟิลเลอร์ Belotero
Belotero คือฟิลเลอร์ที่นำเข้าจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ รุ่นที่นิยมใช้มีทั้งหมด 4 รุ่น
- BELOTERO Soft – มีโมเลกุลเล็กและละเอียด เหมาะกับการเก็บรายละเอียด และบริเวณใต้ตาผิวชั้นตื้น
- BELOTERO Balance – มีความละเอียดรองลงมาจากตัวแรก เหมาะกับการแก้ไขปัญหาริ้วรอยระดับปานกลางเช่น หว่างคิ้ว ร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก และใต้ตาชั้นลึก
- BELOTERO Intense – มีความหนาแน่นสูง และสามารถคงตัวได้ดี เหมาะกับการยกกระชับใบหน้าและร่องแก้มในผิวหนังชั้นลึก และยังเหมาะกับส่วนปากอีกด้วย
- BELOTERO Volume – มักใช้ในการแก้ไขปัญหาหน้าตอบ สร้าง Volume ให้กับผิวหน้า ใช้ได้ทั้งบริเวณโหนกแก้ม ขมับ และคาง
สำหรับฟิลเลอร์ Belotero จะอยู่ได้ประมาณ 1 ปี ทั้งนี้ความยาวนานในการคงอยู่จะขึ้นอยู่กับการใช้ชีวิตของผู้ใช้บริการด้วย
Program RESTY (โปรแกรมเรสตี้) หรือ ฟิลเลอร์ Restylane
Restylane คือฟิลเลอร์นี่ได้รับการนำเข้าจากประเทศ สวีเดน ได้รับการยอมรับและแพร่หลายอย่างมากในปัจจุบัน รุ่นที่รู้จักกันในปัจจุบันมีอยู่ทั้งหมดประมาณ 7 รุ่นได้แก่
- Restylane Classic – รุ่นนี้จะมีเนื้อที่ค่อนข้างแน่นและแข็งแรง เหมาะสำหรับรอยพับที่เป็นร่องลึก เช่น ร่องแก้ม ร่องจมูก มุมปาก อยู่ได้นานถึง 18 เดือน
- Restylane Lyft – เหมาะแก่การเพิ่ม Volume ให้กับผิวหนัง ลดความหย่อนคล้อย ใช้ได้ทั้งผิวหน้าและผิวมือ มียาชาผสมอยู่ด้วยช่วยลดอาการเจ็บได้ เหมาะกับการใช้ยกกระชับแก้ม แก้ไขร่องแก้ม ใต้ตา และลดรอยย่นบริเวณมือ อยู่ได้ประมาณ 12 เดือน
- Restylane Refyne – มีส่วนผสมของยาชาเช่นเดียวกับรุ่น Lyft แต่มีความนิ่มมากกว่า จึงเหมาะกับผิวหนังชั้นตื้น มักใช้ในบริเวณร่องแก้ม อยู่ได้ประมาณ 8-12 เดือน
- Restylane Defyne – มีส่วนผสมของยาชาเช่นกัน เนื้อคล้ายกับรุ่น Refyne แต่มีความแน่นกว่า คงรูปได้ดีกว่า มักใช้ในบริเวณคาง เพื่อแก้ไขปัญหาคางสั้นคางถอย อยู่ได้นานถึง 18 เดือน
- Restylane Silk – รุ่นนี้ถูกออกแบบมาเพื่อสำหรับบริเวณปากโดยเฉพาะ มีความอ่อนนุ่มและยืดหยุ่น ทำให้ปากอวบอิ่มขึ้น และสามารถปรับปรุงรูปปากได้ สามารถอยู่ได้ประมาณ 6-12 เดือน
- Restylane Kysse – รุ่นนี้ถือเป็นรุ่นที่ค่อนข้างใหม่ ถูกออกแบบมาเพื่อปากเช่นเดียวกันกับ Silk แต่แตกต่างกันที่ รุ่น Silk จะมีความเนียนละเอียดมากกว่า เหมาะกับการเติมร่องปาก แต่ Kysse จะเหมาะกับการทำให้ปากดูอวบอิ่ม และยังช่วยทำให้ปากดูอมชมพูอีกด้วย อยู่ได้ประมาณ 12 เดือน
- Restylane Contour – รุ่นใหม่ล่าสุด ถูกออกแบบมาเพื่อปรับโครงหน้าโดยเฉพาะ เหมาะกับบริเวณแก้มและโหนกแก้ม อยู่ได้ประมาณ 12 เดือน
Program JUDY (โปรแกรมจูดี้) หรือ ฟิลเลอร์ Juvederm
Juvederm คือฟิลเลอร์ที่นำเข้าจากประเทศอเมริกา ถือเป็นตัวที่ได้รับความนิยมที่สุดในประเทศไทย ในปัจจุบันมีหลากหลายรุ่น ถูกนำมาใช้ในแทบทุกส่วนของใบหน้า โดยหลัก ๆ จะแบ่งเป็น 6 รุ่นได้แก่
- Juvederm Voluma – มีความแข็งและฟูปานกลาง เหมาะกับการใช้ในบริเวณ ร่องแก้มลึก แก้มตอบ คาง ขมับ และใต้ตา อยู่ได้ประมาณ 18 เดือน
- Juvederm Volift – มีเนื้อละเอียด สามารถเพิ่มความชุ่มชื้นได้ เหมาะแก่การปรับคุณภาพผิว ถูกใช้ในการลดริ้วรอยในผิวหนังชั้นตื้น ๆ ทำให้ผิวหน้าดูอิ่มฟู ใช้ในการลดร่องของริมฝีปาก และผิวใต้ตาชั้นตื้น อยู่ได้ประมาณ 8 – 12 เดือน
- Juvederm Volbella – เป็นรุ่นที่โมเลกุลมีความเล็กและละเอียด มีความนุ่ม เหมาะกับการใช้ในบริเวณหน้าผาก เติมเต็มริมฝีปาก และใต้ตา อยู่ได้นาน 12 เดือน
- Juvederm Volux – มีความหนาแน่นค่อนข้างสูง สามารถคงตัวได้ดี เป็นฟิลเลอร์เนื้อแข็ง เหมาะกับการใช้ในผิวหนังชั้นลึก มักใช้ในการปรับรูปหน้า บริเวณคาง และร่องแก้ม ใช้เพื่อลดความหย่อนคล้อยของผิวหนัง อยู่ได้ประมาณ 18 เดือน
- Juvederm Ultra Plus XC – มีความนุ่มและฟู กักเก็บน้ำได้ดี ทนต่อการขยับ แก้ไขปัญหาริ้วรอย และรอยพับบนใบหน้า บริเวณคางและร่องแก้ม ปากเพื่อเพิ่มความอวบอิ่ม และขมับ สามารถอยู่ได้นาน 12 เดือน
- Juvederm Ultra XC – เป็นเนื้อเจลนิ่ม เรียบเนียนไปกับผิว ใช้เพื่อแก้ปัญหาริ้วรอย มักใช้ในบริเวณ ขมับ แก้มตอบ ริ้วรอย คาง
จมูก อยู่ได้นาน 12 เดือน
การทำฟิลเลอร์มีความเสี่ยงหรือไม่ ?
หลายคนอาจรู้สึกกลัวการทำฟิลเลอร์จากข่าวที่ออกมาในปัจจุบัน เพราะเคสที่มีปัญหามักค่อนข้างหนักและดูน่ากลัว อย่างไรก็ตามปัญหาที่เกิดขึ้นมักมาจากการใช้ฟิลเลอร์ปลอม ฟิลเลอร์ที่ไม่ได้รับการรับรอง โดยฟิลเลอร์ปลอมส่วนใหญ่มักมาในลักษณะซิลิโคนเหลว ซึ่งเมื่อนำเข้าไปแล้วจะไม่สลายไปเองตามธรรมชาติ จึงทำให้ต้องผ่าตัดเพื่อเลาะ หรือบีบออกมา ดังนั้นหากมีการศึกษาให้ดี และเข้ารับบริการกับโรงพยาบาลที่มีความน่าเชื่อถือ ก็จะสามารถลดความเสี่ยงในส่วนนี้ไปได้ อย่างไรก็ตามความเชี่ยวชาญของแพทย์ก็ถือว่ามีความสำคัญ เพราะตามที่ได้กล่าวมาด้านต้นฟิลเลอร์มีหลากหลายชนิด หลากหลายยี่ห้อ แพทย์ที่ชำนาญและมีประสบการณ์จะสามารถเลือกได้อย่างถูกต้องว่าควรใช้ชนิดไหนและปริมาณเท่าไหร่ การใช้ฟิลเลอร์ผิดชนิดอาจทำให้ผิวหนังในบริเวณที่ทำ ไม่เรียบและเป็นก้อนได้
ทำไมถึงควรทำฟิลเลอร์ที่ Lienjang
เพราะ Lienjang คือโรงพยาบาลศัลยกรรมที่มีชื่อเสียงด้านโบท็อกซ์และฟิลเลอร์ อันดับ 1 จากประเทศเกาหลี โดยตอนนี้ได้มีการเปิดสาขาเพิ่มเติมในประเทศไทย และประเทศอื่น ๆ ทั่วเอเชีย ปลอดภัยไว้ใจได้ ทุกเคสจะได้รับการดูแลโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ และมีความเชี่ยวชาญเป็นอย่างสูง
ปรึกษาเรื่องการทำฟิลเลอร์กับ Lienjang คลิกที่นี่
การเตรียมตัวก่อนและหลังทำฟิลเลอร์
ก่อนทำควรมีการเตรียมตัวดังต่อไปนี้
- ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญถึงปริมาณและชนิดของฟิลเลอร์
- ในกรณีที่มีโรคประจำตัว หรือประวัติแพ้ยา ควรแจ้งแพทย์ให้ชัดเจนก่อนทำดฟิลเลอร์
- ให้หมอแกะกล่องฟิลเลอร์ต่อหน้าทุกครั้ง ตอนที่ทำฟิลเลอร์
- ทำความสะอาดใบหน้าให้เรียบร้อยก่อนทำทุกครั้ง
การดูแลรักษาหลังการทำฟิลเลอร์
- หลีกเลี่ยงการโดนแสงแดดและสถานที่ที่มีความร้อน เช่น ซาวน่า เป็นต้น
- งดทำหัตถการบริเวณที่ทำฟิลเลอร์
- อย่าขยับผิวมากในบริเวณที่ทำฟิลเลอร์โดยเฉพาะช่วง 3 วันแรก
- งดรับประทานอาหารที่ส่งผลต่อการอักเสบ