เมโสแฟต (Meso fat) ฉีดจุดไหนได้บ้าง ? เลือกฉีดอย่างไรให้สวยถูกใจ

ถ้าคุณกำลังมองหาวิธีลดไขมันในจุดที่อยากให้เป๊ะอยู่! บทความนี้จะพาคุณมารู้จักกับ เมโสแฟต (Meso Fat) การฉีดสลายไขมันที่สามารถลดไขมันเฉพาะจุดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะช่วยให้คุณมีรูปร่างที่เพรียวสวยกระชับขึ้นได้โดยไม่ต้องผ่าตัด! นอกจากนี้ เรายังมีเคล็ดลับในการเลือกฉีดเมโสแฟตให้เหมาะสมกับแต่ละคน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สวยและรวดเร็วที่สุด หากอยากรู้ว่า ฉีดจุดไหนได้บ้าง และ เลือกฉีดอย่างไรให้สวยทันใจ อย่ารอช้า มาทำความรู้จักกับ Meso Fat กันในบทความนี้เลย!

เมโสแฟต meso fat คืออะไร ?

เมโสแฟต (Meso Fat) คือวิธีการฉีดสารที่ช่วยสลายไขมันส่วนเกินในชั้นไขมันใต้ผิวหนัง เพื่อปรับลดไขมันเฉพาะจุด เช่น แก้ม เหนียง ต้นแขน ต้นขา หรือหน้าท้อง โดยสารที่ฉีดจะทำให้เซลล์ไขมันแตกตัวและสลายไป ก่อนถูกขับออกจากร่างกายผ่านระบบน้ำเหลืองและระบบขับถ่าย เป็นวิธีที่ไม่ต้องผ่าตัด เห็นผลเร็ว และเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดไขมันเฉพาะจุดที่กำจัดด้วยการออกกำลังกายได้ยาก

อ่านบทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับ : เมโสแฟต

ฉีดเมโสแฟตแล้ว ไขมันส่วนเกินหายไปไหน ?

เมื่อฉีดเมโสแฟต (Meso Fat)  สารที่ฉีดเข้าไปจะทำให้เซลล์ไขมันแตกตัวและไขมันที่สะสมในเซลล์หลุดออกมา จากนั้นร่างกายจะกำจัดไขมันส่วนเกินนี้ออกไปโดยการขับถ่ายผ่านกระบวนการของระบบน้ำเหลืองและระบบไหลเวียนโลหิต ไขมันที่สลายตัวจะถูกแปลงเป็นพลังงานเล็กน้อยหรือถูกขับออกในรูปของเสีย เช่น ปัสสาวะและอุจจาระ ดังนั้นผลลัพธ์ที่ได้คือไขมันบริเวณที่ฉีดลดลง ทำให้สัดส่วนดูเล็กลงและกระชับขึ้น

ข้อควรระวังในการฉีดเมโสแฟต

ข้อควรระวังในการฉีดเมโสแฟต มีดังนี้

1. เลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน ควรเลือกคลินิกที่มีใบอนุญาต และดำเนินการโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อความปลอดภัยและลดความเสี่ยงจากการใช้สารที่ไม่ได้มาตรฐาน
2. ตรวจสอบส่วนผสมของสารเมโสแฟต สารที่ใช้ต้องได้รับการรับรองจากอย. และเหมาะสมกับสภาพร่างกายของผู้รับบริการ
3. หลีกเลี่ยงการฉีดในช่วงที่ร่างกายไม่พร้อม ไม่ควรฉีดในขณะตั้งครรภ์ ให้นมบุตร มีไข้ หรือมีโรคประจำตัวที่ส่งผลต่อการไหลเวียนเลือด เช่น เบาหวานที่ควบคุมไม่ได้
4. ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ งดแอลกอฮอล์ อาหารมัน หรือเค็มจัดหลังฉีด เพื่อป้องกันการบวมและช่วยให้ร่างกายขับไขมันได้ดีขึ้น
5. สังเกตอาการหลังฉีด อาการบวมเล็กน้อยบริเวณที่ฉีดเป็นเรื่องปกติ แต่หากมีอาการผิดปกติ เช่น บวมแดงมาก เจ็บปวดรุนแรง หรือเป็นผื่น ควรรีบปรึกษาแพทย์
6. หลีกเลี่ยงการฉีดซ้ำบ่อยเกินไป การฉีดเมโสแฟตบ่อยเกินไปอาจส่งผลเสียต่อระบบน้ำเหลืองและสุขภาพโดยรวม ควรเว้นระยะห่างตามที่แพทย์แนะนำ
7. ผลลัพธ์อาจแตกต่างกันในแต่ละบุคคล ควรมีการประเมินสภาพร่างกายและความเหมาะสมก่อนการฉีด เพื่อให้ผลลัพธ์ตรงตามความคาดหวังและปลอดภัยที่สุดค่ะ

อยากหน้าเรียว ควรฉีดแฟต บริเวณไหน ?

หากต้องการปรับรูปหน้าให้ หน้าเรียวเล็ก การฉีดเมโสแฟตควรเน้นบริเวณที่มีไขมันสะสมส่วนเกิน ซึ่งโดยทั่วไปแพทย์จะแนะนำจุดฉีดที่สำคัญดังนี้

บริเวณแก้ม (Cheeks)

การฉีดเมโสแฟตบริเวณแก้มเป็นวิธีที่ช่วยลดไขมันส่วนเกินในบริเวณแก้ม ทำให้ใบหน้าดูเรียวเล็กลงและกรอบหน้าชัดเจน เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาแก้มอ้วนหรือไขมันสะสมเยอะ โดยสารที่ฉีดจะช่วยสลายไขมันและกระตุ้นการขับออกทางระบบน้ำเหลืองและระบบขับถ่าย 

อ่านบทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับ : ฉีดแฟตแก้ม

บริเวณเหนียงใต้คาง (Double Chin)

การฉีดเมโสแฟตบริเวณเหนียงใต้คางช่วยลดไขมันสะสมใต้คางที่ทำให้ใบหน้าดูใหญ่และกรอบหน้าไม่ชัด สารที่ฉีดจะช่วยสลายไขมันในชั้นใต้ผิวหนังและขับออกผ่านระบบน้ำเหลืองและระบบขับถ่าย ทำให้เหนียงลดลงและใบหน้าดูเรียวขึ้น

*คำแนะนำเพิ่มเติม* หากมีปัญหาไขมันสะสมมาก ควรทำร่วมกับการปรับรูปหน้าด้วย Botox หรือ HIFU เพื่อช่วยยกกระชับและลดกล้ามเนื้อบริเวณกราม และควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนฉีดเมโสแฟต เพื่อประเมินจุดฉีดและเลือกเทคนิคที่เหมาะสมกับใบหน้าของคุณ

อยากหุ่นสวย ลดสัดส่วน ควรฉีดแฟต  บริเวณไหน ?

หากต้องการ ลดสัดส่วนและปรับรูปร่างให้ดูสวยกระชับ การฉีดเมโสแฟตควรเน้นบริเวณที่มีไขมันสะสมเฉพาะจุดที่กำจัดได้ยากด้วยการออกกำลังกายหรือควบคุมอาหาร 

บริเวณต้นแขน (Upper Arms)

การฉีดเมโสแฟตบริเวณต้นแขนช่วยลดไขมันสะสมที่ทำให้ต้นแขนดูใหญ่และไม่มีความกระชับ โดยสารที่ฉีดจะช่วยสลายไขมันและกระตุ้นการขับออกผ่านระบบน้ำเหลืองและขับถ่าย ทำให้ต้นแขนดูเรียวเล็กและกระชับขึ้น

บริเวณต้นขา (Thighs)

การฉีดเมโสแฟตบริเวณต้นขาช่วยลดไขมันสะสมที่ทำให้ต้นขาดูใหญ่หรือมีเซลลูไลท์ โดยสารที่ฉีดจะช่วยสลายไขมันใต้ผิวหนังและกระตุ้นการขับออกผ่านระบบน้ำเหลืองและระบบขับถ่าย ทำให้ต้นขาดูเรียวเล็กและกระชับขึ้น

บริเวณหน้าท้อง (Abdomen)

การฉีดเมโสแฟตบริเวณหน้าท้องช่วยลดไขมันสะสมในบริเวณพุงหรือหน้าท้องส่วนล่าง ซึ่งมักเป็นจุดที่ยากต่อการลดไขมันด้วยการออกกำลังกายเพียงอย่างเดียว โดยสารที่ฉีดจะช่วยสลายไขมันและกระตุ้นการขับออกผ่านระบบน้ำเหลืองและระบบขับถ่าย ทำให้หน้าท้องดูแบนราบและกระชับขึ้น

*คำแนะนำเพิ่มเติม* การฉีดเมโสแฟตเหมาะสำหรับการลดไขมันส่วนเกินเฉพาะจุด ไม่ใช่สำหรับการลดน้ำหนักโดยรวม ควรควบคุมอาหาร ออกกำลังกาย และดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อช่วยให้ร่างกายขับไขมันส่วนเกินออกได้ดี และควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินจุดที่เหมาะสมและวางแผนการรักษาให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

ฉีด Meso Fat แต่ละจุดใช้ประมาณกี่ CC ?

ปริมาณเมโสแฟต (Meso Fat) ที่ใช้ในแต่ละจุดจะขึ้นอยู่กับความหนาของชั้นไขมันและพื้นที่ที่ต้องการลดไขมัน แต่ละคนอาจจะต้องการปริมาณที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายและจุดที่ฉีด แต่แนะนำให้ปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินปริมาณที่เหมาะสมกับสภาพร่างกายของคุณ และการดูแลหลังการฉีดเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

• บริเวณแก้ม: โดยประมาณ 2-5 CC ต่อข้าง
• บริเวณเหนียงใต้คาง: โดยประมาณ 5-10 CC
• บริเวณต้นแขน: โดยประมาณ 10-20 CC ต่อข้าง
• บริเวณต้นขา: โดยประมาณ 10-20 CC ต่อข้าง
• บริเวณหน้าท้อง: โดยประมาณ 20-30 CC ต่อจุด

ไขมันเยอะ ต้องฉีดเมโสแฟตกี่ครั้ง ถึงจะเห็นผล ?

การฉีดเมโสแฟต (Meso Fat)  เพื่อสลายไขมันในแต่ละบริเวณขึ้นอยู่กับปริมาณไขมันสะสมและความต้องการผลลัพธ์ที่คุณคาดหวัง โดยทั่วไปแล้ว ผลลัพธ์เริ่มเห็น ภายใน 1-2 สัปดาห์ หลังจากการฉีดครั้งแรก จำนวนครั้งที่แนะนำ สำหรับการเห็นผลชัดเจนคือ 3-5 ครั้ง โดยเว้นระยะห่างประมาณ 1-2 สัปดาห์ต่อครั้ง ความถี่ ขึ้นอยู่กับปริมาณไขมันสะสมและสภาพร่างกายของแต่ละบุคคล หากไขมันสะสมมากหรือพื้นที่ใหญ่ 

อาจต้องฉีดหลายครั้งเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี การฉีดหลายครั้งช่วยให้การสลายไขมันเป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไปและไม่ทำให้เกิดอาการบวมหรือผลข้างเคียงที่รุนแรง หลังจากการฉีดครั้งแรก ควรดูแลตัวเองตามคำแนะนำของแพทย์ เช่น การดื่มน้ำมาก ๆ และการหลีกเลี่ยงอาหารที่มันหรือเค็ม เพื่อให้ผลลัพธ์ดีที่สุด

meso fat ยี่ห้อไหนดี ? ยี่ห้อไหนเป็นที่นิยม ?

Meso Fat มีหลายยี่ห้อที่ได้รับความนิยมและมีคุณภาพดีในการลดไขมันเฉพาะจุด ซึ่งสามารถเลือกตามความต้องการและสภาพผิวของแต่ละบุคคล ยี่ห้อที่ได้รับความนิยมและเชื่อถือได้ที่ลีเอนจางเลือกใช้ มีดังนี้

• Super Crystal Junior เหมาะสำหรับท่านที่ไขมันสะสมไม่เยอะมาก
• Super Crystal Banding สลายไขมันสูตรใหม่ล่าสุด! เหมาะสำหรับท่านที่มีไขมันสะสมในปริมาณมาก เน้นการสลายไขมันเป็นหลัก พร้อมสายรัดหน้าหลังการฉีดเพื่อลดการระคายเคืองและอาการระบมบวมของผิวได้เป็นอย่างดี
• K Star MB Slemming Face สารสกัดจากธรรมชาติที่มีสารสกัดจากข้าวบาเลย์ ใบบัวบก และธัญพืชตระกูลถั่ว ช่วยสลายไขมันโดยไม่ทำลายชั้นผิวหนัง ชั้นคอลลาเจนและน้ำในผิว
• K-Star SASI Slemming Burn Essence เด่นในเรื่องความแสบน้อย ไม่บวม (บางท่านที่ผิวบอบบางจะบวมได้เล็กน้อยหลังฉีด 3-4 ชม.) พร้อมบำรุงผิวด้วยสารสกัดจากธรรมชาติถึง 12 ชนิด
• Yoon Kwak Ju Sa (Laura) : มีส่วนผสมเด่นของสารสกัดจากสาหร่าย 2 สายพันธุ์ L-Tyrosine, Amino Peptides และ Visnadine ที่สกัดจากดอก Amni visnaga ช่วยเร่งการเผาพลาญไขมันได้ถึง 2 เท่า โดยมีกรดอะมิโนจำเป็นในปริมาณสูง ทำให้ช่วยกระตุ้นคอลลาเจนให้ผิวเรียบเนียน ลดการอักเสบ และกระชับผิวได้ดี

*คำแนะนำ* การเลือกยี่ห้อเมโสแฟตควรปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับสภาพผิวและจุดที่ต้องการลดไขมัน การเลือกใช้ยี่ห้อที่ได้มาตรฐานและมีการรับรองจากอย. จะช่วยให้ผลลัพธ์ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพค่ะ

ฉีด meso fat ราคาอยู่ที่เท่าไร ?

ราคาการฉีด Meso Fat ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น คลินิกที่เลือกใช้บริการ ปริมาณที่ฉีด และพื้นที่ที่ต้องการทำการรักษา ราคาเฉลี่ยในการฉีด Meso Fat โดยทั่วไปราคาจะเริ่มต้นอยู่ที่ประมาณหลักร้อยขึ้นไปจนถึงหลักหมื่น หากต้องการลดไขมันในหลายจุด เช่น หน้าท้อง ต้นขา หรือแขน ราคาจะสูงขึ้น การฉีดเมโสแฟตมักจะต้องทำหลายครั้งเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด (ประมาณ 3-5 ครั้ง) และราคาสามารถแตกต่างกันได้ขึ้นอยู่กับคลินิกและแบรนด์ที่ใช้

การฉีดเมโสแฟต กับการสลายไขมันด้วยวิธีอื่น ๆ แตกต่างกันยังไง ?

การฉีดเมโสแฟต กับการสลายไขมันด้วยวิธีอื่น ๆ มีความแตกต่างในด้านกระบวนการทำงาน ความเหมาะสมกับปัญหาไขมัน และผลลัพธ์ที่ได้ ดังนี้

• การฉีดเมโสแฟต (Meso Fat) ใช้สารที่มีส่วนผสมของสารสลายไขมัน เช่น Deoxycholate และ Phosphatidylcholine ที่จะทำลายไขมันในบริเวณที่ฉีด และกระตุ้นการขับออกจากร่างกายผ่านระบบน้ำเหลือง เหมาะสำหรับลดไขมันเฉพาะจุด เช่น ไขมันใต้คาง แก้ม ต้นแขน ต้นขา หน้าท้อง ข้อดี คือ เห็นผลค่อนข้างเร็ว (1-2 สัปดาห์) เหมาะสำหรับผู้ที่มีไขมันสะสมในบริเวณเล็ก ๆ ข้อด้อย อาจต้องฉีดหลายครั้งเพื่อให้ผลลัพธ์ชัดเจน ผลลัพธ์อาจไม่ถาวรถ้าควบคุมอาหารหรือการออกกำลังกายไม่ได้ดี
• การดูดไขมัน (Liposuction) เป็นการใช้เครื่องมือดูดไขมันออกจากร่างกายผ่านการผ่าตัด เหมาะสำหรับผู้ที่มีไขมันสะสมจำนวนมากในบริเวณต่าง ๆ ของร่างกาย เช่น หน้าท้อง ต้นขา เอว ข้อดี คือ สามารถลดไขมันได้ในปริมาณมากในครั้งเดียว และผลลัพธ์คงทนถาวร ข้อด้อย คือ การฟื้นตัวช้า และอาจมีแผลเป็นจากการผ่าตัด การทำหัตถการต้องใช้ระยะเวลาฟื้นตัว
• HIFU (High-Intensity Focused Ultrasound) ใช้คลื่นอัลตราซาวด์ที่มีความเข้มสูงในการกระตุ้นการทำลายไขมันใต้ผิวหนัง เหมาะสำหรับ ลดไขมันเฉพาะจุด และกระชับผิวในบริเวณที่ต้องการ เช่น บริเวณแก้มและเหนียงใต้คาง ข้อดี คือ ไม่ต้องผ่าตัด ไม่มีการบาดเจ็บ ฟื้นตัวเร็ว ข้อด้อย คือ  อาจต้องทำหลายครั้งเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี และผลลัพธ์อาจใช้เวลานานกว่าจะเห็นผล

ฉีดเมโสแฟตกับการดูดไขมัน ควรเลือกแบบไหนดี ?

การเลือกระหว่าง การฉีดเมโสแฟต และ การดูดไขมัน ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ปริมาณไขมันที่ต้องการลด ผลลัพธ์ที่ต้องการ ระยะเวลาฟื้นตัว และความสะดวกในการรักษา หากคุณมีไขมันสะสมในบริเวณเล็ก ๆ หรือไม่มาก และไม่ต้องการการผ่าตัด เพราะเป็นวิธีที่สะดวกและฟื้นตัวเร็ว และหากคุณมีไขมันสะสมในปริมาณมากหรือหลายจุด และต้องการผลลัพธ์ที่ชัดเจนและถาวรในครั้งเดียว การดูดไขมันจะช่วยให้ได้ผลที่รวดเร็วและมากกว่า ทั้งนี้ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินสภาพร่างกายและเลือกวิธีที่เหมาะสมที่สุดกับคุณ

ฉีดเมโสแฟต (Meso Fat) ที่ลีเอนจาง เห็นผลจริงไหม ?

การ ฉีดเมโสแฟต ที่ Lienjang Clinic ถือเป็นตัวเลือกที่ดี เนื่องจากคลินิกมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ในการทำหัตถการสลายไขมันและใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูง ซึ่งช่วยให้ผลลัพธ์ที่ได้มีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ การฉีดเมโสแฟตที่นี่สามารถเห็นผลในการลดไขมันในบริเวณเฉพาะจุดอย่างชัดเจนเมื่อทำตามคำแนะนำของแพทย์ 

โดยการรักษามักจะเห็นผลภายใน 1-2 สัปดาห์ และมีการฟื้นตัวเร็ว ทำให้เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการลดไขมันโดยไม่ต้องผ่าตัด การเลือกฉีดเมโสแฟตที่ Lienjang Clinic ด้วยโปรแกรม MAGIC FATจะช่วยเพิ่มความมั่นใจได้ว่าผลลัพธ์จะเป็นไปตามที่คาดหวังและปลอดภัยอย่างแน่นอน หากท่านใดสนใจฉีดเมโสแฟต สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Line Official Account : @Lienjangthailand 

สรุป

เมโสแฟต (Meso Fat) เป็นการฉีดสารสลายไขมันที่ช่วยลดไขมันในจุดเฉพาะ เช่น ใต้คาง แก้ม ต้นขา หรือหน้าท้อง โดยสารที่ใช้จะช่วยทำลายไขมันและขับออกจากร่างกายผ่านระบบน้ำเหลือง เห็นผลค่อนข้างเร็ว หลังจาก 1-2 สัปดาห์ และยิ่งทำหลายครั้งจะเห็นผลลัพธ์ชัดเจนขึ้น และที่สำคัญเป็นการสลายไขมันที่ไม่ต้องผ่าตัด ฟื้นตัวได้เร็ว เหมาะสำหรับคนที่อยากลดไขมันในจุดเล็ก ๆ โดยไม่ต้องเจ็บตัวมาก ถือเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับคนที่อยากหน้าสวยเรียวกระชับ และมีหุ่นที่ดูเพรียวขึ้น