จบปัญหาใต้ตาคล้ำด้วยโปรแกรมฟิลเลอร์ใต้ตา ไม่อันตรายอย่างที่คิด

ปัญหาริ้วรอยใต้ตา ขอบตาดำคล้ำ และใต้ตาลึก ที่เป็นสาเหตุที่ทำให้หน้าดูมีอายุ หน้าโทรมและไม่สดใส การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ถือว่าเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยแก้ไขปัญหาผิวใต้ตาได้อย่างตรงจุดและเป็นที่นิยมอย่างมากในตอนนี้ โดยการฉีดฟิลเลอร์นั้นช่วยเติมเต็มร่องใต้ตา ทำให้ผิวบริเวณใต้ตาเรียบเนียน สดใส และดูอ่อนเยาว์ขึ้น

สำหรับใครที่ไม่เคยฉีดฟิลเลอร์ใต้ตามาก่อน และมีความกังวลว่าฉีดแล้วจะอันตรายไหม ฉีดแล้วจะอยู่ได้นานแค่ไหน เลือกฉีดยี่ห้อไหนปลอดภัยและเห็นผลที่ชัดเจนที่สุด สามารถหาคำตอบทั้งหมดได้ในบทความนี้

ฟิลเลอร์ใต้ตา คืออะไร ?

ฟิลเลอร์ใต้ตา คือการฉีดสารเติมเต็มเข้าใต้ผิวหนังบริเวณใต้ตา เพื่อแก้ไขปัญหาต่าง ๆ เช่น ริ้วรอย ใต้ตาคล้ำ หรือใต้ตาลึก ที่ทำให้ใบหน้าดูเหนื่อยล้าและไม่สดใส ฟิลเลอร์ที่ใช้มักจะประกอบด้วยกรดไฮยาลูรอนิค (Hyaluronic Acid) ซึ่งเป็นสารที่มีอยู่แล้วในร่างกาย จะช่วยเติมเต็มและกักเก็บความชุ่มชื้นให้แก่ผิวหนัง

ปัญหาใต้ตา เกิดจากสาเหตุใด ?

ปัญหาใต้ตาเกิดจากหลายสาเหตุ ทั้งปัจจัยภายในและปัจจัยภายนอก สาเหตุหลัก ๆ ของปัญหาใต้ตามีดังนี้

1. อายุ: เมื่ออายุมากขึ้น ผิวหนังใต้ตาจะสูญเสียความยืดหยุ่นและความชุ่มชื้น ทำให้เกิดริ้วรอยและถุงใต้ตา
2. พันธุกรรม: ลักษณะทางพันธุกรรมสามารถทำให้บางคนมีใต้ตาคล้ำหรือถุงใต้ตาตั้งแต่อายุยังน้อย
3. การพักผ่อนไม่เพียงพอ: การนอนไม่พอหรือการนอนหลับไม่สนิทสามารถทำให้ใต้ตาคล้ำและขอบตาดำได้
4. การดื่มแอลกอฮอล์และการดื่มน้ำ: การดื่มแอลกอฮอล์และการดื่มน้ำน้อย อาจทำให้ผิวหนังขาดคอลลาเจน
5. โรคภูมิแพ้: โรคภูมิแพ้หรืออาการแพ้ต่าง ๆ สามารถทำให้เกิดการบวมและคันรอบดวงตาได้
6. การแสดงออกทางสีหน้า: การยิ้มหรือการขมวดคิ้วบ่อย ๆ สามารถทำให้เกิดริ้วรอยใต้ตาได้
7. แสงแดด: แสงแดดทำลายคอลลาเจนและอีลาสตินในผิวหนัง ทำให้ผิวหนังใต้ตาเสื่อมสภาพเร็วขึ้น

ฟิลเลอร์ใต้ตาแก้ปัญหาอะไรได้บ้าง ?

การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาสามารถช่วยแก้ปัญหาต่าง ๆ ที่บริเวณใต้ตาได้ดังนี้

• ริ้วรอยรอบดวงตา: ฟิลเลอร์ช่วยเติมเต็มริ้วรอยเล็ก ๆ และรอยย่นรอบดวงตา ทำให้ผิวดูเรียบเนียนและเต่งตึงขึ้น
• ใต้ตาคล้ำ: การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาสามารถช่วยลดความคล้ำบริเวณใต้ตา โดยการเติมเต็มบริเวณที่มีการสูญเสียคลอลาเจน ทำให้ผิวหนังบริเวณใต้ตาที่ดูคล้ำจางลง
• ถุงใต้ตา: ฟิลเลอร์สามารถช่วยเติมเต็มบริเวณที่มีถุงใต้ตา ทำให้ผิวบริเวณนั้นดูเรียบเนียนและสมดุลขึ้น
• ผิวหนังหย่อนคล้อย: ฟิลเลอร์ยังสามารถช่วยกระชับความเต่งตึงให้กับผิว ทำให้ผิวหนังใต้ตาดูสุขภาพดีขึ้น
• ร่องลึก: ฟิลเลอร์สามารถเติมเต็มร่องลึกที่เกิดขึ้นระหว่างถุงใต้ตากับแก้ม ทำให้ใบหน้าดูสดใสและมีชีวิตชีวามากขึ้น
• การเสื่อมสภาพของผิวหนัง: ฟิลเลอร์ช่วยคืนความชุ่มชื้นและเพิ่มคอลลาเจนให้ผิวหนัง ทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์และสดใสขึ้น

ข้อดีของการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตามีข้อดีหลายประการ ได้แก่

• สามารถเห็นผลลัพธ์ได้ทันทีหลังการฉีด ฟิลเลอร์ช่วยให้ผิวใต้ตาดูเรียบเนียนและเต่งตึงขึ้นได้ในทันที
• ฟิลเลอร์ช่วยเติมเต็มและปรับปรุงโครงสร้างใบหน้า ทำให้ใบหน้าดูสดใสและอ่อนเยาว์ขึ้น
• เป็นวิธีที่ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้นนาน เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่มีเวลาในการพักฟื้น หลังการฉีดสามารถกลับไปทำกิจกรรมตามปกติ
• ฟิลเลอร์ที่ใช้มักเป็นกรดไฮยาลูรอนิค ซึ่งเป็นสารที่มีอยู่ตามฃร่างกาย ทำให้มีความปลอดภัยสูงและมีประสิทธิภาพในการเติมเต็ม
• สามารถปรับปริมาณและตำแหน่งการฉีดได้ตามความต้องการของแต่ละบุคคล เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ตรงกับความต้องการมากที่สุด
• ฟิลเลอร์ช่วยลดความหมองคล้ำที่บริเวณใต้ตา ทำให้ใบหน้าดูสดใสและมีชีวิตชีวามากขึ้น
• ฟิลเลอร์ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว ทำให้ผิวดูสุขภาพดีและสดชื่น
• ผลลัพธ์ที่ได้จะดูเป็นธรรมชาติ

ข้อควรระวังของการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

• การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาก็มีข้อเสียหรือความเสี่ยงที่ควรพิจารณาด้วยเช่นกัน
• อาจเกิดอาการบวม แดง หรือช้ำบริเวณที่ฉีด ซึ่งปกติจะหายไปภายในไม่กี่วัน
• หากฉีดไม่ถูกวิธี อาจทำให้ใบหน้าดูไม่สมส่วน ต้องได้รับการแก้ไขเพิ่มเติม
• ในบางกรณี ฟิลเลอร์อาจก่อตัวเป็นก้อนใต้ผิวหนัง ทำให้ต้องได้รับการแก้ไข
• แม้ว่าจะมีโอกาสเกิดขึ้นน้อย แต่การติดเชื้ออาจเกิดขึ้นได้หากไม่ดูแลรักษาแผลฉีดอย่างเหมาะสม
• การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาซ้ำเป็นระยะ ๆ ตามความเหมาะสม สามารถคงผลลัพธ์ได้ตามที่ต้องการ

*ข้อควรรู้ การพิจารณาข้อดีและข้อควรระวังของการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นสิ่งสำคัญ ก่อนตัดสินใจควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินความเหมาะสมและความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในแต่ละบุคคล*

ใครบ้างที่เหมาะกับการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ?

1. ผู้ที่มีรอยคล้ำใต้ตา: สำหรับผู้ที่มีรอยคล้ำใต้ตาเนื่องจากพันธุกรรมหรือการใช้ชีวิต การฉีดฟิลเลอร์สามารถช่วยลดความคล้ำและทำให้ใบหน้าดูสดใสขึ้น
2. ผู้ที่มีใต้ตาลึก: ผู้ที่มีถุงใต้ตา ใต้ตาลึก และต้องการแก้ไขปัญหานี้โดยไม่ต้องผ่าตัด การฉีดฟิลเลอร์เป็นอีกทางเลือกในการปัญหานี้
3. ผู้ที่มีริ้วรอยรอบดวงตา: สำหรับผู้ที่มีริ้วรอยรอบดวงตา การฉีดฟิลเลอร์สามารถช่วยเติมเต็มและทำให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้น
4. ผู้ที่มีผิวหนังหย่อนคล้อยใต้ตา: ฟิลเลอร์สามารถช่วยยกกระชับและเติมเต็มผิวที่หย่อนคล้อย ทำให้ดูเต่งตึงและอ่อนเยาว์ขึ้น
5. ผู้ที่ต้องการปรับปรุงโครงสร้างใบหน้า: สำหรับผู้ที่ต้องการปรับปรุงโครงสร้างใบหน้าให้ดูสมส่วนและสมดุลมากขึ้น
6. ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่รวดเร็ว: การฉีดฟิลเลอร์เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการเห็นผลลัพธ์ทันทีและไม่ต้องการผ่าตัด

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา อันตรายไหม ?

การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา แม้จะเป็นหัตถการที่ได้รับความนิยมและมีความปลอดภัยสูง แต่ก็ยังมีความเสี่ยงและอาจเกิดอันตรายได้หากไม่ได้รับการดูแลและปฏิบัติอย่างถูกต้องภายใต้การดูแลของแพทย์มากประสบการณ์ ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้แก่ การติดเชื้อ การเกิดก้อน อาการแพ้ การเกิดแผลเป็น การอุดตันของเส้นเลือด อาจเกิดอาการบวม แดง หรือช้ำบริเวณที่ฉีด ซึ่งปกติจะหายไปภายในไม่กี่วัน

การลดความเสี่ยงและอันตรายจากการฉีด

1. เลือกแพทย์ผู้ชำนาญที่มีประสบการณ์และได้รับการรับรอง
2. ปรึกษาแพทย์และแจ้งข้อมูลสุขภาพทั้งหมดก่อนการฉีด
3. ใช้ฟิลเลอร์แท้ที่ได้รับการรับรองและมีคุณภาพสูง
4. ปฏิบัติตามคำแนะนำหลังการฉีดอย่างเคร่งครัด

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาต้องใช้ฟิลเลอร์กี่ cc.

ปริมาณฟิลเลอร์ที่ต้องใช้ในการฉีดใต้ตาจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับลักษณะและปัญหาของแต่ละบุคคล เช่น ความลึกของร่องใต้ตา ความหย่อนคล้อยของผิวหนัง และความต้องการของผู้รับการรักษา ซึ่งแพทย์จะเป็นผู้ประเมินปริมาณฟิลเลอร์ที่เหมาะสมสำหรับแต่ละบุคคล เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติและปลอดภัย ในการปรึกษาแพทย์ ควรสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับชนิดของฟิลเลอร์ที่ใช้ ปริมาณที่แนะนำ และความคาดหวังเกี่ยวกับผลลัพธ์ที่จะได้รับ เพื่อให้สามารถตัดสินใจได้อย่างมั่นใจและเหมาะสมที่สุดสำหรับตนเอง

ฟิลเลอร์ใต้ตา ยี่ห้อไหนดี ?

การเลือกฟิลเลอร์ใต้ตา ยี่ห้อไหนดีที่สุดถือว่าเป็นสิ่งสำคัญ เพราะฟิลเลอร์ที่มีคุณภาพดีจะให้ผลลัพธ์ที่ดีและมีความปลอดภัยสูง และตัวอย่างต่อไปนี้คือยี่ห้อฟิลเลอร์ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในการฉีดใต้ตา

• Juvederm: เป็นฟิลเลอร์ที่มีส่วนประกอบหลักคือกรดไฮยาลูรอนิค มีหลายรุ่น เช่น Juvederm Volbella และ Juvederm Ultra ที่เหมาะสำหรับการฉีดใต้ตา ให้ผลลัพธ์ที่นุ่มนวลและเป็นธรรมชาติ
• Restylane: เป็นฟิลเลอร์กรดไฮยาลูรอนิคอีกยี่ห้อที่มีความน่าเชื่อถือและใช้กันอย่างแพร่หลาย มีหลายรุ่น ยกตัวอย่างเช่น Restylane Lyft และ Restylane Silk มักใช้สำหรับการฉีดใต้ตา เพราะมีเนื้อฟิลเลอร์ที่นุ่มนวลและเหมาะสำหรับบริเวณผิวบาง
• Belotero: ฟิลเลอร์กรดไฮยาลูรอนิคที่มีเนื้อบางเบาและสามารถให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ มักใช้ในการฉีดใต้ตาเพื่อเติมเต็มและลดริ้วรอย
  การเลือกยี่ห้อฟิลเลอร์ที่เหมาะสมควรปรึกษาแพทย์ที่มีประสบการณ์ในการฉีดฟิลเลอร์ แพทย์จะสามารถแนะนำยี่ห้อและรุ่นของฟิลเลอร์ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับความต้องการและลักษณะเฉพาะของแต่ละบุคคล นอกจากนี้ การเลือกคลินิกที่มีมาตรฐานและใช้ฟิลเลอร์ที่ได้รับการรับรองจะช่วยเพิ่มความมั่นใจในความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ดี

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เจ็บไหม ?

การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตามักจะมีความรู้สึกเจ็บเพียงเล็กน้อย แต่ความรู้สึกนี้มักจะแตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคล บางคนอาจรู้สึกเจ็บเพียงเล็กน้อย ในขณะที่บางคนอาจรู้สึกเจ็บมากกว่า ในบางกรณีหากคนไข้กังวลกลัวเจ็บ แพทย์อาจใช้ครีมยาชาทาบริเวณที่ทำการฉีด เพื่อช่วยลดความเจ็บปวดในระหว่างการฉีด

การเตรียมตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

การเตรียมตัวก่อนการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้กระบวนการเป็นไปอย่างราบรื่นและลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น ข้อต่อไปนี้คือแนะนำในการเตรียมตัวอย่างถูกวิธี

1. ปรึกษาแพทย์: ทำการปรึกษากับแพทย์ เพื่อประเมินความเหมาะสมและแนะนำชนิดของฟิลเลอร์ที่เหมาะสมสำหรับคุณ และแจ้งแพทย์เกี่ยวกับประวัติการแพ้
2. หรือการใช้ยาที่อาจมีผลต่อกระบวนการฉีดฟิลเลอร์
3. งดทานยาและอาหารเสริม: หลีกเลี่ยงการใช้ยาหรืออาหารเสริมที่อาจทำให้เลือดออกง่าย เช่น แอสไพริน (Aspirin), โอเมก้า-3, วิตามิน E และยาต้านการแข็ง
4. ตัวของเลือด อย่างน้อย 1 สัปดาห์ก่อนการฉีด (ควรปรึกษาแพทย์ก่อนหยุดยา)
5. งดดื่มแอลกอฮอล์: หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 24-48 ชั่วโมงก่อนการฉีด เนื่องจากแอลกอฮอล์สามารถทำให้เลือดออกง่ายและทำให้เกิดการบวมและช้ำได้
6. ทำความสะอาดผิวหน้า: ทำความสะอาดผิวหน้าให้สะอาดและแห้งก่อนการฉีด เพื่อป้องกันการติดเชื้อ และหลีกเลี่ยงการใช้เครื่องสำอางหรือครีมที่มีสารเคมีรุนแรงในวันก่อนการฉีด
7. เตรียมร่างกายให้พร้อม: นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอในคืนก่อนการฉีด เพื่อให้ร่างกายมีความพร้อมในการฉีดฟิเลอร์

*ข้อควรรู้ การเตรียมตัวอย่างถูกต้องจะช่วยให้กระบวนการฉีดฟิลเลอร์เป็นไปอย่างราบรื่นและลดความเสี่ยงจากผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น*

ขั้นตอนการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

การฉีดฟิลเลอร์มีขั้นตอนที่ต้องทำอย่างรอบคอบและถูกต้อง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและปลอดภัย โดยทั่วไปขั้นตอนการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตามีดังนี้

1. การปรึกษาแพทย์: แพทย์จะทำการประเมินปัญหาใต้ตาและวิเคราะห์ใบหน้าเพื่อกำหนดตำแหน่งและปริมาณฟิลเลอร์ที่ต้องใช้ และแพทย์จะอธิบายถึงกระบวนการฉีดฟิลเลอร์ ประโยชน์ ความเสี่ยง และผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น
2. การเตรียมผิว: ทำความสะอาดผิวบริเวณที่จะฉีดฟิลเลอร์อย่างละเอียดเพื่อป้องกันการติดเชื้อ อาจใช้ยาชาทาบริเวณที่ต้องการฉีด เพื่อลดความรู้สึกเจ็บขณะฉีดฟิลเลอร์
3. การฉีดฟิลเลอร์: แพทย์จะใช้เข็มหรือคานูล่า (เข็มทู่) ที่มีความละเอียดในการฉีดฟิลเลอร์เข้าสู่ผิวหนังบริเวณใต้ตา ปริมาณฟิลเลอร์และตำแหน่งการฉีดจะถูกกำหนดอย่างแม่นยำเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติและสมดุล
4. การประเมินผลและคำแนะนำหลังการฉีด: หลังการฉีดฟิลเลอร์ แพทย์จะตรวจสอบผลลัพธ์และทำการปรับแต่งหากจำเป็น และแพทย์จะให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลผิวหลังการฉีด
5. การติดตามผล: แพทย์อาจนัดหมายเพื่อประเมินผลลัพธ์หลังการฉีดในระยะเวลาที่กำหนด หากมีอาการผิดปกติหรือผลข้างเคียงที่รุนแรง ควรติดต่อแพทย์ทันทีเพื่อรับคำแนะนำและการรักษาเพิ่มเติม

การดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา?

การดูแลตัวเองหลังการฉีดเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาดีและลดความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นภายหลัง ข้อแนะนำในการดูแลตัวเองหลังการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา มีดังนี้

1. หลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือกดแรง ๆ บริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดการเคลื่อนที่ของฟิลเลอร์
2. หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักหรือกิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออกมากใน 24-48 ชั่วโมงแรกหลังการฉีด
3. หลีกเลี่ยงการสัมผัสความร้อนสูง เช่น การอาบน้ำร้อน การทานอาหารร้อน หรือการไปเข้าซาวน่าในช่วง 24-48 ชั่วโมงแรก
4. หากมีอาการบวมแดงหรือช้ำ สามารถใช้เจลเย็นประคบเบา ๆ บริเวณที่ฉีดเพื่อช่วยลดอาการบวม
5. ดื่มน้ำให้เพียงพอเพื่อช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวและรักษาความชุ่มชื้นของผิวหนัง
6. ปฏิบัติตามคำแนะนำและคำสั่งของแพทย์อย่างเคร่งครัด เช่น การใช้ยาตามที่แพทย์สั่ง (ถ้ามี) และการมาพบแพทย์ตามนัดหมายเพื่อประเมินผล
7. หากเป็นไปได้ ควรนอนหงายและหลีกเลี่ยงการนอนท่าตะแคงในช่วงแรกหลังการฉีด เพื่อป้องกันการกดทับบริเวณที่ฉีด
8. หากมีอาการผิดปกติ เช่น อาการบวมแดงที่ไม่ลดลง หรืออาการปวดรุนแรง ควรติดต่อแพทย์ทันที

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา อยู่ได้นานไหม ?

สามารถอยู่ได้นานประมาณ 6 เดือนถึง 1 ปี ขึ้นอยู่กับประเภทของฟิลเลอร์ที่ใช้ และการดูแลรักษาของแต่ละบุคคล การเลือกใช้ฟิลเลอร์ที่มีคุณภาพดีและการดูแลรักษาที่ดีจะช่วยให้ผลลัพธ์คงทนมากขึ้นค่ะ การติดตามผลและการนัดหมายกับแพทย์เพื่อตรวจสอบสภาพของฟิลเลอร์เป็นประจำจะช่วยให้คุณได้รับการดูแลที่เหมาะสมและสามารถตัดสินใจได้ว่าควรทำการเติมฟิลเลอร์ใหม่เมื่อใด

• ฟิลเลอร์ที่ใช้มีหลากหลายชนิด แต่ละชนิดมีอายุการใช้งานที่แตกต่างกัน
• ฟิลเลอร์ที่มีคุณภาพสูงมักจะมีอายุการใช้งานนานกว่า
• ผิวหนังของแต่ละคนมีความแตกต่างกัน บางคนอาจมีการย่อยสลายฟิลเลอร์เร็วกว่าคนอื่น
• ฟิลเลอร์ที่ฉีดในบริเวณใต้ตามักจะมีอายุการใช้งานที่สั้นกว่าบริเวณอื่น ๆ ของใบหน้า เนื่องจากผิวหนังบริเวณนี้มีการเคลื่อนไหวบ่อย
• การดูแลผิวหนังหลังการฉีด เช่น การหลีกเลี่ยงการสัมผัสความร้อนจัดหรือการออกกำลังกายหนัก ๆ อาจช่วยให้ฟิลเลอร์อยู่ได้นานขึ้น

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา กี่วันเห็นผล ?

สามารถเห็นผลการเปลี่ยนแปลงได้ทันทีหลังฉีด และจะเริ่มเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนขึ้นได้ภายใน 1-2 สัปดาห์ โดยทั่วไปแล้ว ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดจะเห็นได้หลังจากการฉีดแล้วประมาณ 2-4 สัปดาห์ เมื่ออาการบวมลดลง หากมีข้อกังวลหรือปัญหาใด ๆ หลังจากการฉีดฟิลเลอร์ ควรปรึกษาแพทย์ที่ทำการฉีดเพื่อการดูแลที่เหมาะสมและคำแนะนำเพิ่มเติม

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อน เกิดจากอะไร ?

ปัญหานี้เกิดขึ้นได้บ่อย หากการฉีดฟิลเลอร์ไม่ไปแก้ไขปัญหาของโครงสร้างใต้ตาก่อน แต่ไปเน้นในเรื่องของการเติมเต็มเพียงอย่างเดียวก็สามารถก่อให้เกิดฟิลเลอร์เป็นก้อนได้ อย่างไรก็ตามการที่ฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อนอาจเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น

1. ฟิลเลอร์อาจไม่กระจายตัวได้ดี ทำให้เกิดก้อนในบริเวณที่ฉีด
2. การฉีดที่ลึกหรือไม่ตรงตำแหน่งที่เหมาะสมอาจทำให้เกิดการก่อตัวเป็นก้อน
3. ฟิลเลอร์ที่มีคุณภาพต่ำหรือไม่เหมาะสมกับบริเวณที่ฉีดอาจทำให้เกิดการก่อตัวเป็นก้อน
4. บางครั้งร่างกายอาจมีปฏิกิริยาที่ทำให้ฟิลเลอร์เกิดก้อนหรือไม่กระจายตัว
5. หลังการฉีดอาจมีการบวมที่อาจทำให้เกิดการดูเหมือนเป็นก้อน

*ข้อแนะนำ หากคุณพบปัญหานี้ ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญที่ทำการฉีดเพื่อประเมินและแนะนำวิธีการแก้ไขที่เหมาะสม เช่น การนวดฟิลเลอร์ การใช้ยา หรือการฉีดสารที่ช่วยละลายฟิลเลอร์*

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา บวมกี่วัน ?

หลังจากการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา การบวมอาจเกิดขึ้นได้ และมักจะเป็นเรื่องปกติ โดยปกติแล้วการบวมจะลดลงภายใน 1-2 วันแรก แต่บางครั้งอาจต้องใช้เวลานานกว่านั้น และการบวมจะค่อย ๆ ลดลงภายใน 1-2 สัปดาห์ หากคุณยังมีอาการบวมที่ไม่ลดลง หรือมีอาการที่ทำให้กังวล ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำเพิ่มเติมและการดูแลที่เหมาะสม

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ราคาเท่าไร ?

การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ราคามักแตกต่างกันไปตามหลายปัจจัย เช่น ยี่ห้อของฟิลเลอร์ที่ใช้ , ประสบการณ์ของแพทย์ , และตำแหน่งที่ทำการรักษา โดยทั่วไปแล้ว ราคาการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตามักจะอยู่ในช่วง 9,000-20,000 บาท ต่อซีซี ขึ้นอยู่กับยี่ห้อของฟิลเลอร์ที่ต้องใช้และคลินิกที่ให้บริการ ควรติดต่อคลินิกที่คุณสนใจเพื่อขอข้อมูลราคาและการประเมินราคาอย่างแม่นยำ รวมถึงการตรวจสอบประสบการณ์และความน่าเชื่อถือของผู้ให้บริการก่อนการตัดสินใจทำหัตถการ

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ที่ไหนดี ?

การเลือกสถานที่ในการฉีดฟิลเลอร์ควรพิจารณาหลายปัจจัย เพื่อให้แน่ใจว่าคุณจะได้รับการบริการที่ปลอดภัยและมีคุณภาพ ในการเลือกฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ที่ไหนดี มีดังนี้

1. เลือกแพทย์ที่มีประสบการณ์และความชำนาญในการฉีดฟิลเลอร์ โดยเฉพาะการทำหัตถการในบริเวณที่ละเอียดอ่อนแบบนี้
2. ดูรีวิวและความคิดเห็นจากผู้ที่เคยใช้บริการที่คลินิกนั้นๆ หรือขอคำแนะนำจากเพื่อนหรือคนรู้จัก
3. ตรวจสอบว่าคลินิกหรือสถานที่ให้บริการมีมาตรฐานความปลอดภัยที่ดีและใช้ฟิลเลอร์ที่มีคุณภาพ
4. เลือกคลินิกที่ให้คำปรึกษาก่อนการทำหัตถการ เพื่อให้ได้รับข้อมูลที่ครบถ้วนและสามารถถามคำถามเกี่ยวกับกระบวนการร์และผลลัพธ์ในการฉีดฟิลเลอร์
5. ตรวจสอบว่าคลินิกมีความสะอาดและเป็นมืออาชีพในการให้บริการหรือไม่

โปรแกรมฟิลเลอร์ใต้ตาลีเอนจาง

ลีเอนจาง คลินิก มีแพทย์ที่มีประสบการณ์และความชำนาญในการทำหัตถการเสริมความงาม รวมถึงการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา และใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่แม่นยำและลดความเสี่ยง อีกทั้งยังให้ความสำคัญกับการปรึกษาและการวางแผนการรักษาที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ตรงตามความต้องการของลูกค้ามากที่สุด การเลือกทำที่ลีเอนจางคลินิกจึงสามารถช่วยให้คุณมั่นใจในเรื่องความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ดีค่ะ

*ปรึกษาแพทยืได้ฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายที่ LINE และ FACEBOOK*

สรุป

การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาคือกระบวนการฉีดสารเติมเต็มไปยังบริเวณใต้ตา เพื่อช่วยลดรอยคล้ำ และร่องลึก ทำให้ดวงตากลับมาดูสดใสและอ่อนเยาว์ขึ้น นับเป็นการฉีดใต้ตาที่มีความปลอดภัย มีความเสี่ยงน้อย และสามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ อย่างไรก็ตามควรศึกษาและปรึกษากับแพทย์ก่อนตัดสินใจ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ออกมาดีและเห็นผลที่สุด