ณ ปัจจุบันใคร ๆ ก็ต้องรู้จักกับนวัตกรรมยกกระชับผิว ที่คืนความอ่อนเยาว์ให้กับใบหน้าอย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องผ่าตัดอย่าง Ultraformer III VS Ulthera ซึ่งเป็นสุดยอดนวัตกรรมเครื่องยกกระชับที่มีประสิทธิภาพและให้ผลลัพธ์ที่ยาวนาน ถึงแม้ทั้งสองเครื่องนี้เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยยกกระชับที่ใช้คลื่นเสียงอัลตราซาวด์เหมือนกัน แต่ก็มีความแตกต่างกัน เชื่อว่าหลายคนคงกำลังสงสัยอยู่ว่าทั้งสองเครื่องนี้มีข้อแตกต่างกันอย่างไร ? แต่ละเครื่องเหมาะกับใคร ? และราคาเท่าไร ? วันนี้ ลีเอนจาง คลินิก จะมาไขข้อข้องใจให้กับทุกคน สามารถดูได้ในบทความนี้!
Ultraformer III VS Ulthera คืออะไร ?
Ultraformer III VS Ulthera เป็นสองเครื่องยกกระชับหน้าที่ใช้เทคโนโลยี HIFU โดยทั้งสองมีความคล้ายคลึงกันในด้านการกระตุ้นคอลลาเจนและการยกกระชับผิว แต่ก็มีความแตกต่างกันในบางจุด ดังนี้
Ultraformer III
Ultraformer III คือเครื่องยกกระชับผิวที่ใช้เทคโนโลยี High-Intensity Focused Ultrasound (HIFU) สำหรับการยกกระชับใบหน้าและผิวหนังส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย โดยไม่มีการผ่าตัดหรือใช้เข็ม เทคโนโลยี HIFU นี้ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวลึก ทำให้ผิวกระชับและเต่งตึงขึ้น โดยเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดริ้วรอย ปรับรูปหน้าให้เรียว และยกกระชับผิวหย่อนคล้อย
Ultraformer III สามารถใช้ได้ทั่วบริเวณใบหน้า อีกทั้งยังสามารถปรับความลึกของการส่งพลังงานไปยังชั้นผิวที่แตกต่างกันได้ เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพผิวและปัญหาของแต่ละบุคคล โดย Ultraformer iii มีหลายหัวที่สามารถปรับระดับพลังงานตามความลึกของชั้นผิวที่ต้องการรักษาได้ดังนี้
- หัว 1.5 มม. สำหรับการรักษาริ้วรอยและยกกระชับผิวชั้นตื้น โดยมักใช้บริเวณรอบดวงตา และปาก
- หัว 2.0 มม. ช่วยกระตุ้นคอลลาเจน และช่วยลดเลือนริ้วรอยทั่วใบหน้า
- หัว 3.0 มม. ใช้ในชั้นหนังแท้ (Dermis) สำหรับการยกกระชับผิวทั่วไป เช่น ใบหน้า และลำคอ เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน
- หัว 4.5 มม. ส่งพลังงานไปยังชั้น SMAS (Superficial Musculo-Aponeurotic System) ซึ่งเป็นชั้นเดียวกับที่แพทย์ศัลยกรรมใช้ในการดึงหน้า เหมาะสำหรับการยกกระชับในบริเวณใบหน้าและคาง
- หัว 6.0 มม.ใช้สำหรับการสลายไขมันใต้ผิวหนังชั้นลึกทั่วบริเวณใบหน้าและลำคอ
อ่านทบความเพิ่มเติมเกี่ยวกับ : Ultraformer III
Ulthera
Ulthera (Ultherapy) คือเทคโนโลยียกกระชับผิวโดยใช้ High-Intensity Focused Ultrasound (HIFU) เช่นเดียวกับ Ultraformer III เพื่อส่งพลังงานคลื่นเสียงความถี่สูงเข้าไปยังชั้นผิวลึกโดยไม่ต้องผ่าตัด เทคโนโลยีนี้ได้รับการรับรองจาก FDA (องค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา) ในด้านความปลอดภัยและประสิทธิภาพสำหรับการยกกระชับใบหน้า และลำคอ
Ulthera ใช้คลื่นอัลตราซาวด์เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวลึก (SMAS Layer) ซึ่งเป็นชั้นที่หมอศัลยกรรมใช้ในการผ่าตัดดึงหน้า เทคโนโลยีนี้สามารถยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อย ลดริ้วรอย และทำให้ผิวหน้าดูอ่อนเยาว์ขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ และ Ulthera ใช้หัวที่สามารถส่งพลังงานไปยังชั้นผิวที่มีความลึกแตกต่างกันดังนี้
- หัว 1.5 มม. ใช้สำหรับการรักษาผิวชั้นตื้นที่มีริ้วรอย เช่น รอบดวงตา หรือบริเวณผิวบอบบาง
- หัว 3.0 มม. ใช้ในชั้นหนังแท้ (Dermis) เพื่อยกกระชับผิวและกระตุ้นคอลลาเจนในบริเวณที่มีริ้วรอยหรือผิวหย่อนคล้อย เช่น ใบหน้าและคอ
- หัว 4.5 มม. ส่งพลังงานไปถึงชั้น SMAS เพื่อยกกระชับในระดับลึกที่ให้ผลลัพธ์คล้ายการผ่าตัดดึงหน้า ใช้บริเวณใบหน้าและคาง
อ่านทบความเพิ่มเติมเกี่ยวกับ : Ulthera
Ultraformer III VS Ulthera มีจุดเหมือนจุดต่างกันอย่างไร ?
Ultraformer III VS Ulthera เป็นสองเครื่องยกกระชับผิวที่ใช้เทคโนโลยี HIFU แต่มีจุดที่เหมือนกันและแตกต่างกันในหลายแง่มุม ดังนี้
จุดที่เหมือนกัน
ทั้ง Ultraformer III และ Ulthera ใช้เทคโนโลยี HIFU ในการส่งพลังงานคลื่นเสียงความถี่สูงลงไปในชั้นผิวลึก เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและยกกระชับผิวโดยไม่ต้องผ่าตัดเหมือนกัน และทั้งสองเครื่องสามารถเข้าถึงผิวหนังชั้น SMAS (Superficial Musculo-Aponeurotic System) ซึ่งเป็นชั้นที่แพทย์ศัลยกรรมดึงหน้า จึงให้ผลลัพธ์ในการยกกระชับผิวหน้าและลดริ้วรอยเหมือนกัน
จุดที่แตกต่างกัน
Ultraformer III : ใช้เวลารักษาน้อยกว่า เนื่องจากเครื่องสามารถยิงพลังงานได้ถี่และครอบคลุมพื้นที่ได้มากขึ้นในแต่ละครั้ง ทำให้สามารถรักษาได้ทั่วบริเวณใบหน้า และ Ultraformer III ไม่มีระบบสแกนภาพชั้นผิวขณะรักษา แต่ยังคงมีความแม่นยำในการส่งพลังงานด้วยการเลือกหัวยิงที่มีความลึกต่างกัน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการการยกกระชับทั้งใบหน้าและร่างกาย พร้อมกับการลดไขมันบางส่วน
Ulthera : ใช้เวลานานกว่าเพราะเครื่องยิงพลังงานลงไปในแต่ละครั้งด้วยความแม่นยำสูง แต่ครอบคลุมพื้นที่น้อยกว่า จึงเหมาะกับการยกกระชับผิวที่ต้องการความละเอียดและแม่นยำ เช่น บริเวณใบหน้าและลำคอ และมีระบบ Ultrasound Imaging หรือการสแกนภาพอัลตราซาวด์ที่ช่วยให้แพทย์เห็นชั้นผิวระหว่างการรักษา จึงสามารถปรับระดับพลังงานให้เหมาะสมกับแต่ละชั้นผิวได้อย่างแม่นยำมากขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการยกกระชับผิวหน้าและลำคออย่างแม่นยำ พร้อมผลลัพธ์ที่อยู่ได้นานกว่า
Ultraformer III VS Ulthera เหมาะกับใครบ้าง ?
การเลือก Ultraformer III หรือ Ulthera ขึ้นอยู่กับลักษณะปัญหาผิว ความต้องการของแต่ละบุคคล และผลลัพธ์ที่ต้องการ ซึ่งทั้งสองเทคโนโลยีมีจุดเด่นที่แตกต่างกันในการยกกระชับผิว ดังนี้
Ultraformer III เหมาะกับใครบ้าง?
- เหมาะกับคนที่ต้องการยกกระชับผิวทั่วบริเวณใบหน้าและลำคอ เพราะ Ultraformer III มีหัวยิงหลายขนาดที่สามารถใช้ได้กับบริเวณกว้างและลึก
- เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาไขมันสะสมบริเวณใบหน้า เช่น เหนียง หรือส่วนต่าง ๆ ของใบหน้า
- เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดไขมันพร้อมกับยกกระชับผิวในเวลาเดียวกัน
- เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่เร็วและไม่ต้องการรักษาในระยะยาว
Ulthera เหมาะกับใครบ้าง?
- เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวหน้าหย่อนคล้อย แก้มและเหนียง โดยเฉพาะในผู้ที่มีอายุมากขึ้นและต้องการผลลัพธ์การยกกระชับที่คล้ายกับการผ่าตัดดึงหน้า
- เหมาะสำหรับคนที่ต้องการความแม่นยำในการรักษา เพราะมีระบบ Ultrasound Imaging ที่สามารถสแกนชั้นผิวเพื่อให้แพทย์ปรับการรักษาได้ตรงจุด
- เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาในบริเวณที่ต้องการความละเอียดสูง เช่น รอบดวงตา ริ้วรอยเล็ก ๆ เพราะ Ulthera ใช้การยิงพลังงานที่แม่นยำและเจาะลึกได้มากกว่าในบริเวณเล็ก ๆ เหล่านี้
- เหมาะสำหรับคนที่ต้องการผลลัพธ์การยกกระชับที่ใกล้เคียงกับการดึงหน้าโดยไม่ต้องผ่าตัด Ulthera เป็นทางเลือกที่ดี เนื่องจากสามารถเข้าถึงชั้น SMAS (ชั้นผิวที่แพทย์ใช้ในการดึงหน้า) และให้ผลลัพธ์การยกกระชับในระดับลึก
Ultraformer III VS Ulthera ต้องทำกี่ช็อต ?
จำนวนช็อตที่ใช้ในแต่ละการรักษาของ Ultraformer III และ Ulthera จะขึ้นอยู่กับบริเวณที่ต้องการรักษาและสภาพผิวของแต่ละบุคคล ซึ่งแพทย์จะเป็นผู้ประเมินและกำหนดจำนวนช็อตที่เหมาะสมในการรักษา โดยจำนวนช็อตที่แนะนำมีดังนี้
Ultraformer III : มีหัวหลายขนาดที่สามารถใช้กับบริเวณต่าง ๆ ของใบหน้า จำนวนช็อตที่ใช้จะขึ้นอยู่กับความกว้างของพื้นที่และความต้องการในการยกกระชับ โดยทั่วไปการรักษาใบหน้าและลำคอจะใช้ประมาณ 300-500 ช็อต การยิงช็อตของ Ultraformer III มีความถี่และรวดเร็ว ทำให้ใช้เวลาน้อยกว่า Ulthera ในการรักษา
Ulthera : สำหรับการรักษาใบหน้าและลำคอ โดยทั่วไปจะใช้จำนวนช็อตประมาณ 500-800 ช็อต ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและความหย่อนคล้อยของผิว โดยจำนวนช็อตอาจเพิ่มขึ้นหากต้องการความละเอียดและแม่นยำในบางบริเวณ เช่น รอบดวงตาหรือกรอบหน้า เนื่องจาก Ulthera มีระบบ Ultrasound Imaging ที่ช่วยให้แพทย์สามารถเห็นชั้นผิวและปรับจำนวนช็อตให้เหมาะสมกับชั้นผิวที่ต้องการยกกระชับ และได้ผลลัพธ์ที่มีความแม่นยำสูงกว่า
Ultraformer III VS Ulthera แบบไหนเจ็บกว่ากัน ?
เมื่อเปรียบเทียบระดับความเจ็บระหว่าง Ultraformer III และ Ulthera จะพบว่าทั้งสองเทคโนโลยีมีความรู้สึกเจ็บในระดับที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับลักษณะการทำงานและความลึกของพลังงานส่งเข้าสู่ผิว ดังนี้
Ultraformer III : มักจะให้ความรู้สึกเจ็บน้อยกว่า เนื่องจากมีการยิงพลังงานที่กระจายและรวดเร็ว ซึ่งทำให้ความรู้สึกไม่สบายผิวลดลง โดยการใช้หัวยิงที่มีความหลากหลายในการปรับความลึกของการรักษาช่วยให้การรักษารู้สึกสบายมากขึ้น แพทย์อาจแนะนำให้ทายาชาในบริเวณที่จะทำการรักษาเพื่อช่วยบรรเทาความเจ็บปวดในระหว่างการทำ โดยทั่วไปจะใช้เวลาในการทายาประมาณ 30-60 นาที ก่อนการรักษา
Ulthera : มักจะรู้สึกเจ็บมากกว่า เพราะการส่งพลังงานลงไปในชั้นผิวอย่างแม่นยำและลึกลงไปในชั้น SMAS ซึ่งทำให้รู้สึกถึงความร้อนที่มากขึ้น อย่างไรก็ตาม การใช้ยาชาสามารถช่วยลดความเจ็บปวดได้เช่นกันความรู้สึกเจ็บปวดของแต่ละคนอาจแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับระดับความทนทานของแต่ละคนต่อความเจ็บปวด ดังนั้น ควรปรึกษาแพทย์ก่อนการทำเพื่อให้ได้ข้อมูลที่เหมาะสมกับตัวเองมากที่สุด
Ultraformer III VS Ulthera กี่วันเห็นผล ?
ผลลัพธ์จากการรักษาด้วย Ultraformer III และ Ulthera จะแตกต่างกันเล็กน้อย โดยทั่วไปแล้วผลลัพธ์จากทั้งสองเทคโนโลยีจะเริ่มปรากฏหลังการรักษาในช่วงเวลาที่แตกต่างกันดังนี้
- ผลลัพธ์ของ Ultraformer III จะเริ่มเห็นได้ภายใน 1-2 เดือน หลังการรักษา โดยผลลัพธ์จะค่อย ๆ ดีขึ้นเรื่อย ๆ ในช่วง 3-6 เดือน เนื่องจากกระบวนการสร้างคอลลาเจนและยกกระชับผิวจะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง บางคนอาจเห็นการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยทันทีหลังการรักษา แต่ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดจะเห็นได้หลังจากผ่านไปประมาณ 3 เดือน
- ผลลัพธ์จาก Ulthera มักจะเริ่มเห็นได้ใน 1-2 เดือน หลังการรักษา โดยผลลัพธ์ที่ดีที่สุดจะปรากฏขึ้นหลังจากประมาณ 3-6 เดือน เช่นเดียวกับ Ultraformer III ในกรณีของ Ulthera การปรับปรุงในโครงสร้างผิวจะค่อย ๆ ปรากฏขึ้น ซึ่งมีแนวโน้มที่จะมีความชัดเจนมากขึ้นในระยะเวลา 6-12 เดือนหลังการรักษา
*ในทั้งสองกรณี ผลลัพธ์อาจแตกต่างกันไปตามสภาพผิวและการตอบสนองต่อการรักษาของแต่ละบุคคล ดังนั้น การปรึกษากับแพทย์เพื่อรับคำแนะนำที่เหมาะสมกับตัวเองจึงเป็นสิ่งสำคัญ*
Ultraformer III VS Ulthera อยู่ได้นานแค่ไหน ?
ผลลัพธ์ของการรักษาด้วย Ultraformer III VS Ulthera จะแตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคลและปัจจัยหลายอย่าง เช่น สภาพผิว อายุ รูปแบบการดูแลผิวหลังการรักษา และการดูแลสุขภาพโดยรวม แต่โดยทั่วไปสามารถสรุปได้ดังนี้
- ผลลัพธ์จาก Ultraformer III มักจะอยู่ได้นานประมาณ 6-12 เดือน ขึ้นอยู่กับการดูแลผิวและความหย่อนคล้อยของผิวแต่ละคน หากผู้เข้ารับการรักษามีการดูแลผิวอย่างสม่ำเสมอและมีการรักษาทางการแพทย์ต่อเนื่อง อาจช่วยยืดอายุผลลัพธ์ได้ยาวนานขึ้น
- ผลลัพธ์จาก Ulthera มักจะอยู่ได้นานกว่า โดยเฉลี่ยจะอยู่ได้ประมาณ 12-18 เดือน หรืออาจยาวนานกว่าในบางกรณี เนื่องจาก Ulthera ใช้เทคโนโลยีที่เจาะลึกถึงชั้น SMAS และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้มากกว่า ส่งผลให้ผิวดูเต่งตึงและยกกระชับได้ยาวนานกว่า
*คำแนะนำ การรักษาเหล่านี้ไม่ได้หยุดการเสื่อมสภาพของผิวโดยธรรมชาติ ดังนั้นการดูแลผิวอย่างสม่ำเสมอและการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่เหมาะสมจะช่วยยืดอายุผลลัพธ์ให้ยาวนานยิ่งขึ้นได้*
Ultraformer III VS Ulthera มีผลข้างเคียงไหม ?
ทั้ง Ultraformer III และ Ulthera มีความปลอดภัยสูงเมื่อทำการรักษาโดยแพทย์ที่มีความชำนาญ อย่างไรก็ตาม การรักษาทั้งสองแบบอาจมีผลข้างเคียง ซึ่งมักจะเป็นอาการที่เกิดขึ้นชั่วคราวและสามารถหายไปได้ภายในไม่กี่วัน และผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้มีดังนี้
- อาจมีการบวมในบริเวณที่ทำการรักษา ซึ่งมักจะหายไปภายในไม่กี่วัน
- อาจมีการแดงหรือระคายเคืองในบริเวณที่ทำการรักษา ซึ่งมักจะหายไปในเวลาไม่นาน
- อาจรู้สึกชาหรือไม่รู้สึกในบางส่วนของผิวชั่วคราว
- อาจรู้สึกเจ็บหรือไม่สบายผิวในช่วง 1-2 วันแรกหลังการรักษา
- ในบางกรณีอาจเกิดตุ่มน้ำหรือผื่นเล็กน้อยในพื้นที่ที่ได้รับการรักษา
- ในบางกรณีอาจมีรอยฟกช้ำในบริเวณที่ทำการรักษา
ข้อควรระวัง
การเลือกแพทย์ที่มีความชำนาญในการใช้เครื่องมือเหล่านี้จะช่วยลดความเสี่ยงของผลข้างเคียง และควรปรึกษาแพทย์ก่อนการรักษาเพื่อรับข้อมูลที่เหมาะสมกับสภาพผิวและความต้องการของแต่ละบุคคล โดยทั่วไปแล้ว ผลข้างเคียงจากทั้งสองการรักษามักมีอาการแค่เพียงชั่วคราวและไม่รุนแรง แต่หากมีอาการที่ไม่หายไปหรือมีอาการรุนแรงเกิดขึ้น ควรปรึกษาแพทย์ทันที
ทำ Ultraformer III VS Ulthera ที่ลีเอนจาง ดีอย่างไร ?
ลีเอนจาง คลินิก (Lienjang Clinic Thailand) มีทีมแพทย์ที่มีความชำนาญในการใช้เทคโนโลยีทั้งสองประเภท ซึ่งช่วยให้มั่นใจในความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่มีคุณภาพ โดยการใช้เครื่อง Ultraformer III (Program UltraLift) และ Ulthera (Program Ultherapy) ที่ได้รับการรับรองคุณภาพ ทำให้มั่นใจได้ในมาตรฐานและประสิทธิภาพ และที่สำคัญลีเอนจางมีโปรโมชั่นและแพ็กเกจยกกระชับใบหน้าที่จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและคุ้มค่าอย่างแน่นอน
การทำ Ultraformer III และ Ulthera ที่ลีเอนจาง คลินิก จึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในการยกกระชับใบหน้า เนื่องจากมีความปลอดภัยและมีทีมแพทย์ผู้ชำนาญการคอยดูแล ทำให้มั่นใจในผลลัพธ์ที่ดีที่สุดจากการรักษา หากท่านใดสนใจในการยกกับชับใบหน้า สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Line Official Account : @Lienjangthailand หรือสามารถเข้ามาติดต่อโดยตรงที่ Lienjang Clinic Thailand ทุกสาขาใกล้บ้าน
Ultraformer III VS Ulthera ราคาเท่าไร ?
ราคาของ Ultraformer III และ Ulthera สามารถแตกต่างกันไปตามแต่ละคลินิก สถานที่ตั้ง และแพทย์ที่ทำการรักษา โดยทั่วไปแล้วราคามักจะมีดังนี้
Ultraformer III ราคาโดยเฉลี่ยแล้ว จะอยู่ที่ประมาณ 10,000 – 30,000 บาท สำหรับการทำหน้าหรือคอ ขึ้นอยู่กับจำนวนช็อตที่ใช้และบริเวณที่ทำการรักษา
Ulthera ราคาต่อการรักษามักจะอยู่ที่ประมาณ 25,000 – 50,000 บาท สำหรับการรักษาใบหน้าและลำคอ โดยจะขึ้นอยู่กับขนาดของพื้นที่และจำนวนช็อตที่ใช้
*ควรสอบถามข้อมูลราคาที่แน่นอนจากคลินิกที่สนใจ เนื่องจากราคาอาจแตกต่างกันได้ตามโปรโมชั่นหรือแพ็กเกจการรักษาในแต่ละช่วงเวลา*
หลังทำ Ultraformer III VS Ulthera ดูแลตัวเองยังไง ?
หลังจากการทำ Ultraformer III VS Ulthera การดูแลตัวเองเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและลดความเสี่ยงของผลข้างเคียง โดยสามารถทำตามคำแนะนำได้ดังนี้
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือขยี้บริเวณที่ทำการรักษาในช่วง 24-48 ชั่วโมงแรก
- หลีกเลี่ยงการใช้เครื่องสำอางหรือแต่งหน้าในวันแรกหลังการรักษา
- ควรทำความสะอาดเบา ๆ โดยใช้น้ำอุ่นและสบู่อ่อน ๆ ล้างหน้าหรือบริเวณที่รักษาในช่วงแรก
- ควรใช้มอยส์เจอไรเซอร์หรือผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่เหมาะสมเพื่อรักษาความชุ่มชื้นของผิว
- หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่มีอุณหภูมิสูง เช่น ซาวน่า ห้องอบไอน้ำ หรือการออกกำลังกายหนักใน 1-2 สัปดาห์แรก
- หลีกเลี่ยงการโดนแสงแดด และใช้ครีมกันแดดที่มี SPF สูงเพื่อปกป้องผิวจากแสงแดด
- หลีกเลี่ยงอาหารที่เผ็ดหรือรสจัด ซึ่งอาหารเหล่านี้อาจทำให้ผิวรู้สึกระคายเคือง
- ควรดื่มน้ำให้มาก ๆ เพื่อช่วยให้ผิวชุ่มชื้นและช่วยกระบวนการฟื้นฟูของผิว
- หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีสารระคายเคือง เช่น กรดผลไม้ (AHA) เรตินอยด์ หรือผลิตภัณฑ์ที่มีแอลกอฮอล์
- ควรกลับไปพบแพทย์ตามนัดหมายเพื่อประเมินผลการรักษาและรับคำแนะนำเพิ่มเติม
รีวิวการทำ Ultraformer III VS Ulthera
สรุป
Ultraformer III VS Ulthera เป็นเทคโนโลยีการยกกระชับผิวที่ใช้พลังงานอัลตราซาวด์เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและยกกระชับผิวหน้าและลำคอ ทั้งสองเครื่องมีประสิทธิภาพดีขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ใช้ หากคุณต้องการการยกกระชับอย่างละเอียดและแม่นยำ Ulthera อาจเป็นตัวเลือกที่ดี แต่หากต้องการลดไขมันใต้ผิวพร้อมกับการยกกระชับในบริเวณต่าง ๆ Ultraformer III อาจตอบโจทย์มากกว่า สุดท้ายนี้ไม่ว่าจะเลือกทำแบบใด ควรปรึกษาแพทย์เพื่อเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสมกับปัญหาผิวของเราที่สุดค่ะ