ใครที่กำลังมองหาอยากที่จะยกกระชับใบหน้า แก้ความหย่อนคล้อยอยู่ แต่ก็ลังเลว่าจะเลือกทำโปรแกรมไหนดีระหว่าง Ulthera VS Thermage ตัวไหนที่ทำแล้วเห็นผลจริง และเหมาะกับปัญหาผิวของตัวเองที่สุด ขอบอกก่อนเลยว่าทั้งสองโปรมแกรมนี้เป็นนวัตกรรมการยกกระชับที่กำลังเป็นที่นิยมอย่าง เพราะทั้งสองโปรแกรมช่วยในเรื่องของการยกกระชับใบหน้าโดยที่ไม่ต้องผ่าตัดเหมือนกัน แต่จะมีหลักการทำงานที่ไม่เหมือนกัน ลีเอนจาง คลินิกจึงจะขออาสาพาทุกท่านมาไขข้อส่งสัยเกี่ยวกับโปรแกรมยกกระชับทั้งสองตัว ว่าแต่ละโปรมแกรมช่วยเรื่องอะไร ? ใช้นวัตกรรมการยกกระชับแบบใด ? พร้อมเปรียบเทียบให้เห็นถึงความแตกต่าง เพื่อเป็นข้อมูลให้กับทุกคนที่กำลังสนใจและลังเลที่จะตัดสินใจอยู่ค่ะ
มาทำความรู้จัก Ulthera VS Thermage
Ulthera VS Thermage เป็นเครื่องมือที่ช่วยในเรื่องการยกกระชับผิว ลดความหย่อนคล้อย ลดริ้วรอยเหมือนกัน แต่ต่างกันที่หลักการทำงานและค่าพลังงาน
- Ulthera หรือ Ultherapy เป็นเทคโนโลยีการยกกระชับผิวที่ใช้คลื่นเสียงอัลตราซาวด์ (Ultrasound) ที่มีความถี่สูง โดยทำงานอย่างไร้การผ่าตัด เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ในชั้นผิวหนังที่ลึกลงไป ซึ่งเป็นชั้นที่เรียกว่า SMAS (Superficial Musculoaponeurotic System) ซึ่งเป็นชั้นที่แพทย์ศัลยกรรมใช้ในการผ่าตัดดึงหน้า
- Thermage เป็นเทคโนโลยีการยกกระชับผิวที่ใช้คลื่นวิทยุความถี่สูง (Radiofrequency RF) เพื่อช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวหนัง ซึ่งเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ไม่ต้องผ่าตัดและเป็นที่นิยมในการยกกระชับผิว ปรับปรุงความเรียบเนียน และลดเลือนริ้วรอย
Ulthera VS Thermage ทำงานอย่างไร ?
ทั้งสองวิธีมีความสามารถในการยกกระชับผิวเหมืนกัน แต่เลือกใช้เทคโนโลยีที่แตกต่างกัน เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและปรับปรุงโครงสร้างผิว การเลือกใช้ระหว่าง Ulthera และ Thermage จะขึ้นอยู่กับลักษณะผิวของแต่ละคนและการประเมินของแพทย์ ซึ่งกระบวนการทำงานของเครื่อง Ulthera VS Thermage มีข้อแตกต่างกันดังต่อไปนี้
การทำงานของ Ulthera
เครื่อง Ulthera จะส่งพลังงานคลื่นเสียงอัลตราซาวด์ที่มีความถี่สูงเจาะลงไปถึงชั้นผิวที่เป็นชั้น SMAS โดยไม่ทำลายผิวหนังชั้นนอก จากนั้นพลังงานจากคลื่นอัลตราซาวด์จะเปลี่ยนเป็นความร้อนในชั้นผิวที่เจาะลึก ทำให้เกิดจุดเล็ก ๆ ของความร้อนที่ช่วยกระตุ้นกระบวนการฟื้นฟูของผิว เมื่อเซลล์ผิวได้รับพลังงานคลื่นอัลตราซาวด์ จะเกิดกระบวนการสร้างคอลลาเจนใหม่ ซึ่งช่วยให้ผิวกระชับและยืดหยุ่นมากขึ้น โดยใช้หัวที่มีความลึกถึง 3 ระดับ ได้แก่
- ความลึก 1.5 mm สำหรับริ้วรอยผิวชั้นบน ชั้นหนังกำพร้า (Epidermis) และชั้นหนังแท้ (Dermis)
- ความลึก 3 mm สำหรับลดความหย่อนคล้อยของผิว กระชับชั้นไขมัน
- ความลึก 4.5 mm สำหรับยิงชั้น smas ที่เป็นผิวหนังชั้นเดียวกับการผ่าตัดศัลยกรรมผิวหน้า เหมาะสำหรับยกแก้ม เหนียง และลำคอ
การทำงานของ Thermage
เครื่อง Thermage จะปล่อยพลังงานคลื่นวิทยุ (RF) ความถี่สูงเข้าสู่ชั้นผิวหนังผ่านหัวปล่อยพลังงานที่สัมผัสกับผิว จากนั้นคลื่นวิทยุจะถูกส่งไปยังชั้นผิวหนังลึก (Dermis) และชั้นไขมันใต้ผิวหนัง (Subcutaneous Layer) ซึ่งพลังงานนี้จะเปลี่ยนเป็นความร้อน และความร้อนที่เกิดขึ้นจะทำให้คอลลาเจนที่มีอยู่ในชั้นผิวหดตัว และกระตุ้นให้ร่างกายผลิตคอลลาเจนใหม่ ทำให้ผิวมีความยืดหยุ่นและกระชับขึ้น โดยมีค่าพลังงานความร้อนอยู่ที่ 40-50°C กระจายเป็นวงกว้าง และมีการปรับค่าพลังงานถึง 0-4 ระดับ ดังนี้
- ระดับ 0-1 ขณะทำคนไข้จะรู้สึกสั่นบริเวณผิว แต่จะยังไม่รู้สึกอุ่น เห็นผลการรักษาน้อย
- ระดับ 2-2.5 ขณะทำคนไข้จะรู้สึกร้อนขึ้น แต่อยู่ในระดับที่ทนได้ เห็นผลลัพธ์หลังการรักษาเป็นไปตามที่ต้องการ
- ระดับ 3-4 พลังงานระดับนี้จะร้อน ในบางเคสจะร้อนเกินไป แม้จะให้ผลลัพธ์ชัดเจนกว่าระดับอื่น แต่อาจทำให้บาดเจ็บได้ และไม่เหมาะกับเคสที่ผิวแพ้ง่าย
จุดเด่นของ Ulthera VS Thermage
หลาย ๆ คนอาจยังสงสัยว่า ทั้งสองโปรแกรมมีหน้าที่ช่วยยกกระชับเหมือนกัน แล้ว Ulthera VS Thermage อันไหนดีกว่ากัน ? สามารถดูได้จากจุดเด่นของ Ulthera และ Thermage เพราะทั้งสองโปรแกรมมีจุดเด่นที่ดีแตกต่างกัน เพื่อเป็นอีกหนึ่งแนวทางตัวช่วยในการตัดสินใจให้ง่ายขึ้น โดยมีจุดเด่นดังนี้
จุดเด่นของ Ulthera
- Ulthera ใช้คลื่นเสียง (Ultrasound) ที่สามารถส่งพลังงานไปยังชั้น SMAS (Superficial Muscular Aponeurotic System) ซึ่งเป็นชั้นกล้ามเนื้อที่อยู่ลึกลงไป ทำให้ช่วยยกกระชับผิวได้ในระดับที่ลึกกว่าและให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนในการยกกระชับใบหน้าและคอ
- มีระบบการสแกนภาพ (Ultrasound Imaging) ที่ช่วยให้แพทย์สามารถมองเห็นชั้นผิวและวางแผนการรักษาได้แม่นยำขึ้น ทำให้พลังงานถูกส่งไปยังชั้นผิวที่ต้องการได้อย่างตรงจุด
- การรักษาด้วย Ulthera ไม่ทำให้เกิดบาดแผลที่ผิวหนังชั้นบน จึงไม่ต้องใช้เวลาพักฟื้นนาน ผู้ป่วยสามารถกลับไปทำกิจกรรมประจำวันได้ทันที
ทำครั้งเดียวผลลัพธ์อยู่ได้นานถึง 1-2 ปี
จุดเด่นของ Thermage
- Thermage ใช้คลื่นวิทยุ (Radiofrequency) ที่ส่งพลังงานความร้อนลงไปในชั้นหนังแท้ (Dermis) และชั้นไขมันใต้ผิวหนัง ทำให้กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่และทำให้ผิวดูกระชับ เรียบเนียนขึ้น เหมาะสำหรับการปรับสภาพผิวทั่วทั้งใบหน้าและส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย เช่น ท้อง แขน และขา
- Thermage สามารถใช้ได้กับทุกสภาพผิวและทุกโทนสีผิว เนื่องจากใช้คลื่นวิทยุที่ไม่รบกวนชั้นผิวด้านบน จึงลดความเสี่ยงต่อการเกิดการเปลี่ยนสีผิว
- Thermage สามารถทำได้ในหลายบริเวณของร่างกาย เช่น ใบหน้า คอ รอบดวงตา มือ ท้อง และต้นขา เหมาะสำหรับการปรับสภาพผิวที่หย่อนคล้อยในบริเวณต่าง ๆ
- ใช้เวลาทำเพียง 40-90 นาทีเท่านั้น
- ทำครั้งเดียวผลลัพธ์อยู่ได้นานถึง 1-2 ปี
Ulthera VS Thermage ทำส่วนไหนได้บ้าง ?
Ulthera VS Thermage ทั้งสองโปรแกรมสามารถใช้เพื่อยกกระชับผิวและลดริ้วรอยได้ดี แต่การเลือกใช้งานจะขึ้นอยู่กับสภาพผิวและผลลัพธ์ที่ต้องการ ซึ่งทำให้แต่ละวิธีมีข้อดีและข้อจำกัดในการรักษาแต่ละบริเวณที่ไม่เหมือนกัน โดยแพทย์จะให้คำแนะนำที่เหมาะสมกับความต้องการของคุณได้ดีที่สุดค่ะ
- Ulthera ใช้เทคโนโลยีคลื่นเสียง (Ultrasound) ที่ส่งพลังงานลงไปที่ชั้นผิวหนังลึก เหมาะสำหรับการยกกระชับผิวหน้า , คอ , และบริเวณที่มีริ้วรอยลึก เช่น ร่องแก้ม และคาง และบางครั้งก็ใช้ได้ที่บริเวณเนินหน้าอกได้
- Thermage ใช้เทคโนโลยีคลื่นวิทยุ (Radiofrequency) เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและยกกระชับผิว เหมาะสำหรับการยกกระชับผิวหน้า , คอ , บริเวณใต้ตา , มือ , และร่างกาย เช่น ท้อง , แขน , และขา มักใช้ในการปรับสภาพผิวที่หย่อนคล้อยหรือมีริ้วรอย
Ulthera VS Thermage เหมาะกับใคร ?
ทั้ง Thermage และ Ulthera (Ultherapy) เป็นวิธีการยกกระชับผิวที่เหมาะกับกลุ่มคนที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับลักษณะและปัญหาผิวของแต่ละบุคคล รวมถึงผลลัพธ์ที่ต้องการจากการรักษา โดยมีความแตกต่างกันดังนี้ดังนี้
Thermage เหมาะกับใคร ?
- เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวที่หย่อนคล้อยเล็กน้อยถึงปานกลาง เช่น ริ้วรอยรอบดวงตา ริมฝีปาก แก้ม และบริเวณที่เริ่มมีการสูญเสียความกระชับของผิว แต่ยังไม่ถึงขั้นต้องการยกกระชับในระดับลึก
- Thermage สามารถใช้ได้กับหลายบริเวณทั่วร่างกาย เช่น ใบหน้า ลำคอ หน้าท้อง ต้นแขน และต้นขา ทำให้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการการยกกระชับผิวในหลายพื้นที่พร้อมกัน
- ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่เห็นได้ทันทีหลังการรักษา และยังคงชัดเจนขึ้นในช่วง 2-6 เดือน เหมาะสำหรับคนที่ต้องการเห็นผลเร็วและมีเหตุการณ์สำคัญ เช่น งานแต่งงาน หรืองานอีเว้นท์ที่ต้องการผิวกระชับรวดเร็ว
- ผู้ที่ต้องการวิธีการยกกระชับที่ไม่เจ็บมากในขณะทำ โดยไม่จำเป็นต้องใช้ยาชา และไม่ต้องใช้ระยะเวลาในการพักฟื้น
Ulthera เหมาะกับใคร ?
- เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยในระดับที่มากขึ้น เช่น บริเวณใบหน้า คอ และเหนียง ซึ่งต้องการการยกกระชับในระดับที่ลึกกว่า
- เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่ยาวนาน (1-2 ปี) และคล้ายกับการผ่าตัดดึงหน้า แต่ไม่ต้องผ่าตัดและไม่ต้องพักฟื้นนาน
- Ulthera มีความแม่นยำในการส่งพลังงานไปยังชั้นผิวที่ต้องการยกกระชับ เช่น ชั้น SMAS ที่เป็นชั้นที่ลึก ซึ่งเป็นบริเวณที่แพทย์ศัลยกรรมใช้ในการผ่าตัดดึงหน้า
- เหมาะกับผู้ที่สามารถทนต่อความเจ็บได้บ้าง เนื่องจาก Ulthera เจาะลึกไปถึงชั้นผิวที่ลึกกว่าจึงอาจรู้สึกไม่สบายผิวขณะทำ
Ulthera VS Thermage สามารถเห็นผลลัพธ์ภายในกี่วัน ?
ระยะเวลาในการเห็นผลลัพธ์หลังทำของ Ulthera และ Thermage จะแตกต่างกันไปตามเทคโนโลยีที่ใช้และการตอบสนองของผิวแต่ละบุคคล แต่ Ulthera อาจเห็นผลลัพธ์ได้เร้วกว่า Thermage 30% ในขณะที่ Thermage จะสามารถเห็นผลได้ 20% โดยผลลัพธ์จะแตกต่างกันดังนี้
- หลังการทำ Ulthera บางคนอาจรู้สึกได้ถึงความตึงและกระชับขึ้นเล็กน้อยทันที เนื่องจากเกิดการหดตัวของคอลลาเจนที่มีอยู่เดิม และผลลัพธ์จะเริ่มชัดเจนมากขึ้นได้ในช่วง 1-2 เดือนหลังจากการรักษา เนื่องจากร่างกายจะเริ่มกระบวนการสร้างคอลลาเจนใหม่ในชั้นผิวลึก (SMAS)
- หลังการทำ Thermage จะเห็นผลลัพธ์ได้ทันที เนื่องจากคลื่นวิทยุความถี่สูง (RF) ช่วยทำให้คอลลาเจนที่มีอยู่หดตัว ทำให้ผิวดูกระชับขึ้นหลังการรักษาทันที และผลลัพธ์จะชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ ในช่วง 2-3 เดือนหลังการรักษา เนื่องจากคลื่น RF กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ในชั้นผิว
Ulthera VS Thermage อยู่ได้นานแค่ไหน ?
ทั้ง Ulthera (Ultherapy) และ Thermage เป็นการรักษาที่ใช้เทคโนโลยี เพื่อยกกระชับผิวและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ ซึ่งผลลัพธ์ของทั้งสองวิธีจะมีอายุที่คงอยู่ได้พอ ๆ กัน แต่ยังขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการเช่นสภาพผิว อายุ และการดูแลผิวหลังการรักษา โดยผลลัพธ์จากการทำ Ulthera มักจะอยู่ได้นานประมาณ 1-2 ปี ส่วนผลลัพธ์จากการทำ Thermage มักจะอยู่ได้นานประมาณ 1-2 ปี เช่นเดียวกับ Ulthera
Ulthera กับ Thermage ราคาเท่าไร ?
Ulthera กับ Thermage ราคาจะแตกต่างกันขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น บริเวณที่ต้องการรักษา จำนวนครั้งที่ต้องทำ คลินิกหรือสถานพยาบาลที่เลือก และความชำนาญของแพทย์ผู้ทำการรักษา โดยทั่วไป ราคาของ Ulthera และ Thermage ในประเทศไทยจะมีดังนี้
- ราคาของการทำ Ulthera มักเริ่มต้นที่ประมาณ 13,000 – 50,000 บาท ขึ้นไปต่อบริเวณ เช่น ใบหน้าและคอ ราคานี้จะเพิ่มขึ้นหากทำในบริเวณที่กว้างขึ้น หรือใช้เครื่องมือที่มีความทันสมัยมากขึ้น
- ราคาของการทำ Thermage มักเริ่มต้นที่ประมาณ 35,000 – 90,000 บาท ขึ้นไปต่อบริเวณ เช่น ใบหน้า หรือบริเวณรอบดวงตา ราคาจะขึ้นอยู่กับจำนวนช็อต (Shots) หรือจำนวนพลังงานที่ใช้ในการรักษา
*คำแนะนำ ควรตรวจสอบและเปรียบเทียบราคาจากหลาย ๆ คลินิก รวมถึงการดูรีวิวและความชำนาญของแพทย์ก่อนตัดสินใจทำการรักษา รวมถึงสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโปรโมชั่นหรือแพ็กเกจที่คลินิกนำเสนอ เพื่อให้ได้ราคาที่คุ้มค่ามากยิ่งขึ้น*
Ulthera กับ Thermage อันไหนเจ็บกว่ากัน ?
โดยทั่วไปแล้ว Ulthera (Ultherapy) มักจะทำให้รู้สึกเจ็บหรือไม่สบายมากกว่า Thermage เนื่องจากเทคโนโลยีที่ใช้และวิธีการทำงานที่แตกต่างกัน โดยสามารถอธิบายได้ดังนี้
- Ulthera ใช้คลื่นอัลตราซาวด์พลังงานสูงที่โฟกัสลึกลงไปถึงชั้นผิว SMAS (Superficial Musculoaponeurotic System) ซึ่งเป็นชั้นที่อยู่ใต้ผิวหนังและเป็นชั้นที่ศัลยแพทย์ใช้ในการผ่าตัดดึงหน้า ระหว่างการรักษา คุณอาจรู้สึกเจ็บแปลบ ๆ หรือรู้สึกเหมือนโดนเข็มทิ่มในบางจุด เนื่องจากพลังงานที่ปล่อยออกไปทำให้เกิดความร้อนที่เนื้อเยื่อใต้ผิวหนัง แพทย์มักจะใช้ยาชาทา เพื่อช่วยลดความรู้สึกเจ็บและไม่สบายผิวลงได้ นอกจากนี้ยังสามารถใช้เทคนิคต่าง ๆ เช่นการปรับความแรงของเครื่องให้เหมาะสมกับการตอบสนองของคนไข้
- Thermage ใช้คลื่นวิทยุความถี่สูง (Radiofrequency: RF) เพื่อสร้างความร้อนในชั้นผิวหนังและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ ความร้อนที่เกิดขึ้นจากคลื่น RF จะทำให้รู้สึกอุ่นหรือร้อนขณะทำ แต่ความเจ็บมักจะน้อยกว่า Ulthera เนื่องจาก Thermage ไม่ได้เจาะลึกลงไปถึงชั้นผิวที่ลึกมาก และ Thermage มีระบบการระบายความร้อน Cooling effect เพื่อป้องกันผิวไหม้และบรรเทาความรู้วึกเจ็บได้ และมักไม่จำเป็นต้องใช้ยาชา
Ulthera VS Thermage ทำพร้อมกันได้ไหม ?
Ulthera VS Thermage เป็นเทคนิคที่ใช้เทคโนโลยีคลื่นเสียงและคลื่นวิทยุเพื่อยกกระชับผิว แต่การทำพร้อมกันอาจจะไม่แนะนำ เนื่องจากทั้งสองเทคนิคมีการกระตุ้นที่ลึกและอาจทำให้ผิวรู้สึกระคายเคืองได้ หรือมีความเสี่ยงมากขึ้นถ้าทำพร้อมกัน แพทย์อาจแนะนำให้ทำขั้นตอนเหล่านี้แยกกัน โดยเว้นช่วงเวลาให้เพียงพอในการฟื้นตัวระหว่างการรักษาแต่ละประเภท เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและลดความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียงค่ะ
Ulthera VS Thermage ที่ลีเอนจาง ดีอย่างไร ?
ลีเอนจาง คลินิก Lienjang Clinic ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยและได้รับการรับรองจากองค์กรที่เชื่อถือได้ รวมถึงเครื่อง Ulthera และ Thermage ที่ได้รับการพิสูจน์ว่ามีประสิทธิภาพในการยกกระชับผิว และมีทีมแพทย์และผู้ชำนาญการที่มีประสบการณ์ในการรักษาผิวหย่อนคล้อยด้วยเครื่องยกกระชับ ซึ่งแพทย์ให้คำปรึกษาและทำการวิเคราะห์สภาพผิวและเสนอวิธีการรักษาที่เหมาะสมกับความต้องการเฉพาะของคุณ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
นอกจากการทำ Ulthera และ Thermage ยังมีบริการอื่น ๆ ที่สามารถช่วยการเติมเต็ม ปรับสภาพผิว เช่น โบท็อกซ์ , ฟิลเลอร์ และเมโสแฟต การทำหัตถการที่ Lienjang Clinic ได้รับการควบคุมและปฏิบัติตามมาตรฐานความปลอดภัย ทำให้มั่นใจได้ในเรื่องของความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ดี ดังนั้นการเลือกทำ Ulthera หรือ Thermage ที่ Lienjang Clinic จะสามารถให้ผลลัพธ์ที่ดีในด้านการยกกระชับและปรับปรุงสภาพผิวตามความต้องการของคุณค่ะ
*หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมหรือสนใจเกี่ยวกับการทำ Ulthera หรือ Thermage สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Line Official Account : @Lienjangthailand*
สรุป
Ulthera VS Thermage เป็นเทคโนโลยีที่ใช้ในการยกกระชับผิว แต่มีวิธีการทำงานที่แตกต่างกัน: Ulthera ใช้คลื่นเสียง (Ultrasound) ที่มีความถี่สูงเพื่อส่งพลังงานลึกไปที่ชั้น SMAS เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อย ส่วน Thermage ใช้คลื่นวิทยุ (Radiofrequency) เพื่อส่งพลังงานไปที่ชั้นหนังแท้และชั้นไขมันใต้ผิวหนัง ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่และปรับสภาพผิวให้เรียบเนียน การเลือกใช้ระหว่างทั้งสองวิธีจะขึ้นอยู่กับความต้องการและลักษณะผิวของแต่ละบุคคล การปรึกษากับแพทย์เป็นสิ่งสำคัญในการได้รับวิธีการรักษาที่เหมาะสมกับคุณมากที่สุดค่ะ!