12 ข้อที่ควรรู้ก่อนฉีดโปรแกรม ฉีดฟิลเลอร์ขมับ ให้สวยปลอดภัย

หากคุณกำลังคิดจะฉีดฟิลเลอร์ขมับ เพื่อเติมเต็มและปรับรูปหน้าของคุณ อย่าพลาดบทความนี้ ที่จะช่วยให้คุณเข้าใจถึงทุกขั้นตอนและข้อมูลสำคัญในการทำหัตถการนี้ ก่อนตัดสินใจทำ การทำความเข้าใจในเรื่องความปลอดภัย การเลือกโปรแกรมฟิลเลอร์ที่เหมาะสม และข้อควรระวังหลังการฉีดจะช่วยให้คุณมีประสบการณ์ที่ดีและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น

ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปทำความรู้จักกับข้อดีของการฉีดโปรแกรมฟิลเลอร์ขมับ รวมถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นและวิธีป้องกันเพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาสมบูรณ์แบบและคุ้มค่าที่สุด พร้อมแนะนำวิธีการเลือกคลินิกและแพทย์ที่มีประสบการณ์ เพื่อให้คุณมั่นใจในการเลือกทำโปรแกรมฟิลเลอร์ขมับอย่างปลอดภัยและได้ผลลัพธ์ที่สวยงามตามต้องการ

โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ขมับ คืออะไร ?

โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ขมับคือการเติมสารเติมเต็ม (Hyaluronic Acid หรือ HA) เข้าไปบริเวณขมับที่ตอบหรือยุบตัว เพื่อช่วยปรับรูปหน้าให้ดูสมส่วน อ่อนเยาว์ และมีมิติขึ้น การฉีดฟิลเลอร์ขมับยังช่วยให้ใบหน้าดูสดใส ไม่โทรม ลดความแข็งของโหนกแก้ม และเสริมให้กรอบหน้าดูละมุนขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาขมับตอบจากพันธุกรรม ความผอม หรืออายุที่มากขึ้น โดยผลลัพธ์จะเห็นได้ทันทีหลังฉีดและอยู่ได้นานประมาณ 6-18 เดือน ขึ้นอยู่กับชนิดของฟิลเลอร์ที่ใช้

อ่านบทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับ : ฟิลเลอร์ขมับ

ปัญหาขมับตอบ ขมับลึก เกิดจากอะไร ?

ปัญหาขมับตอบหรือขมับลึกเกิดจากหลายปัจจัยหลัก ได้แก่

1. โครงสร้างทางพันธุกรรม บางคนมีโครงสร้างใบหน้าที่ขมับตอบมาตั้งแต่กำเนิด ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของแต่ละบุคคล
2. อายุที่เพิ่มขึ้น เมื่ออายุมากขึ้น กระดูกบริเวณขมับจะบางลง ไขมันใต้ผิวหนังลดลง และคอลลาเจนเสื่อมสภาพ ทำให้ขมับดูลึกและใบหน้าดูโทรมขึ้น
3. การลดน้ำหนักอย่างรวดเร็ว การสูญเสียไขมันในร่างกายอย่างรวดเร็ว อาจทำให้ไขมันบริเวณขมับลดลง ส่งผลให้ใบหน้าดูตอบลง
4. พฤติกรรมและการใช้ชีวิต การพักผ่อนไม่เพียงพอ ความเครียดสะสม หรือการขาดสารอาหารบางชนิด อาจทำให้ผิวหนังบริเวณขมับขาดความยืดหยุ่นและดูตอบมากขึ้น
5. แรงกดทับหรือการใช้งานกล้ามเนื้อขมับมากเกินไป เช่น คนที่มีพฤติกรรมกัดฟันบ่อย หรือเคี้ยวอาหารเหนียวเป็นประจำ อาจทำให้กล้ามเนื้อขมับเล็กลงและส่งผลให้ขมับดูตอบมากขึ้น

ฉีดฟิลเลอร์ขมับ อันตรายไหม ?

การฉีดฟิลเลอร์ขมับโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและใช้ฟิลเลอร์คุณภาพดีถือว่ามีความปลอดภัย แต่หากฉีดโดยผู้ที่ไม่มีประสบการณ์ อาจเสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียง เช่น ฟิลเลอร์จับตัวเป็นก้อน ไม่เรียบเนียน อาการบวมช้ำ หรืออาการแพ้ นอกจากนี้ บริเวณขมับมีเส้นเลือดสำคัญ หากฉีดผิดตำแหน่งอาจเกิดภาวะเส้นเลือดอุดตัน ส่งผลให้เกิดผิวหนังเนื้อตายหรือในกรณีรุนแรงอาจกระทบต่อการมองเห็นได้ ดังนั้น ควรเลือกฉีดกับแพทย์ที่มีประสบการณ์สูง และใช้ฟิลเลอร์ที่ผ่านมาตรฐาน อย. เพื่อให้มั่นใจถึงความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่สวยงาม

ผลข้างเคียงจากการฉีดฟิลเลอร์ขมับที่ควรรู้

การฉีดฟิลเลอร์ขมับเป็นหัตถการที่ช่วยเติมเต็มให้ขมับอิ่มสวย ดูมีมิติและสมดุลกับใบหน้า แต่ก็มีผลข้างเคียงที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจทำ ดังนี้

ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น

• บวมและช้ำ อาการบวมและรอยช้ำบริเวณที่ฉีดเป็นเรื่องปกติ มักเกิดขึ้น 3-7 วันแล้วค่อยๆ ดีขึ้น
• เจ็บหรือระคายเคือง อาจมีอาการตึงหรือปวดเล็กน้อยในช่วงแรก และมักหายไปเองภายใน 1-2 วัน
• อาการคันหรือแดง ผิวอาจมีรอยแดงหรือคันบริเวณที่ฉีดในช่วงแรก ซึ่งมักเป็นอาการชั่วคราว

ผลข้างเคียงที่พบได้น้อยแต่ต้องระวัง

• ฟิลเลอร์เป็นก้อนหรือไม่เรียบเนียน หากฟิลเลอร์กระจายตัวไม่ดี อาจทำให้ขมับดูเป็นก้อนหรือไม่เรียบเนียน ควรให้แพทย์ที่มีประสบการณ์แก้ไข
• การอุดตันของเส้นเลือด (Vascular Occlusion) เป็นภาวะที่อันตราย ฟิลเลอร์อาจเข้าไปอุดตันเส้นเลือด ทำให้เลือดไม่สามารถไหลเวียนได้ เกิดอาการซีด ปวด หรือเนื้อตายได้
• ติดเชื้อ พบได้น้อย แต่หากเกิดอาการบวมแดงรุนแรงและมีหนอง ควรรีบพบแพทย์ทันที

การฉีดฟิลเลอร์ขมับ ช่วยให้หน้าสวยขึ้นได้อย่างไร ?

การฉีดฟิลเลอร์ขมับช่วยให้ใบหน้าดูสมดุลและอ่อนเยาว์ขึ้น โดยเฉพาะในผู้ที่มีขมับตอบหรือยุบตัว ซึ่งอาจทำให้ใบหน้าดูแข็งและโทรมกว่าปกติ การเติมเต็มขมับด้วยโปรแกรมฟิลเลอร์จะช่วยปรับรูปหน้าให้ดูละมุน ลดความเด่นของโหนกแก้ม และทำให้โครงหน้าดูเรียวและมีมิติมากขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยให้ผิวบริเวณขมับดูอิ่มน้ำและสุขภาพดี ทำให้ใบหน้าดูสดใสและมีเสน่ห์มากขึ้น

นอกจากการปรับรูปหน้าแล้ว ยังช่วยเสริมโหงวเฮ้งให้ดีขึ้นตามความเชื่อของศาสตร์จีน เพราะขมับที่เต็มอิ่มหมายถึงความมั่นคงและความโชคดีในชีวิต การเลือกใช้ฟิลเลอร์ที่เหมาะสมและฉีดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ ไม่เป็นก้อน และคงอยู่ได้นาน จึงเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าให้ดูสวยละมุนและอ่อนเยาว์ขึ้นโดยไม่ต้องศัลยกรรม

โหงวเฮ้งขมับ วาสนาดีดูอย่างไร ?

ในศาสตร์โหงวเฮ้ง ขมับที่เต็มและอิ่มหมายถึงวาสนาและโชคดีในชีวิต โดยเฉพาะในด้านการงานและการเงิน ขมับที่มีลักษณะเต็มและเนียนจะสื่อถึงบุคคลที่มีโอกาสดีในชีวิต มักจะได้รับการสนับสนุนจากผู้อื่น และมีความมั่นคงในด้านต่างๆ ทั้งการงานและการเงิน นอกจากนี้ยังเป็นสัญญาณของคนที่มีความคิดวิเคราะห์ดีและสามารถมองเห็นโอกาสในชีวิตได้อย่างชัดเจน

ขมับที่สมดุลและไม่มีรอยบุ๋มจะส่งผลให้บุคคลนั้นมีชีวิตที่ราบรื่นและมีความสุข ส่วนขมับที่ตอบหรือยุบลึกอาจหมายถึงการเจออุปสรรคในชีวิต บางครั้งอาจมีปัญหาการเงินหรือการงานไม่ราบรื่น ดังนั้นการมีขมับที่ดูเต็มอิ่มและมีมิติจึงถือเป็นการเสริมโหงวเฮ้งที่ดี ช่วยให้ชีวิตและการงานดำเนินไปในทิศทางที่ดีและประสบความสำเร็จได้อย่างราบรื่น

อ่านบทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับ : โหงวเฮ้ง ใบหน้า

การเตรียมตัวก่อนฉีดฉีดฟิลเลอร์ขมับ

การเตรียมตัวก่อนการฉีดฟิลเลอร์ขมับมีความสำคัญเพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาดีที่สุดและลดความเสี่ยงจากผลข้างเคียง นี่คือขั้นตอนที่ควรทำก่อนฉีด

1. ปรึกษาแพทย์ ก่อนตัดสินใจทำการฉีด ควรเข้าพบแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญเพื่อปรึกษาเกี่ยวกับปัญหาของคุณ และประเมินว่าฟิลเลอร์จะเหมาะสมกับสภาพใบหน้าของคุณหรือไม่ แพทย์จะช่วยแนะนำชนิดของฟิลเลอร์ที่เหมาะสมและกำหนดปริมาณที่ต้องการฉีด
2. หยุดทานยาและอาหารเสริมบางชนิด ควรหยุดทานยาหรืออาหารเสริมบางประเภทที่อาจทำให้เลือดออกง่าย เช่น ยาแอสไพริน ยาแก้อักเสบ วิตามินอี โสม หรือ น้ำมันปลา อย่างน้อย 5-7 วันก่อนการฉีด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการช้ำหรือบวมมากเกินไป หากมีโรคประจำตัวหรือทานยาประจำ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนหยุดยานั้น
3. งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ ควรหลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ 24 ชั่วโมงก่อนการฉีด เนื่องจากทั้งสองสามารถทำให้เลือดไหลเวียนไม่ดีและเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดช้ำหรือบวม
4. เตรียมสภาพผิวหน้าให้พร้อม ทำความสะอาดใบหน้าให้สะอาดหมดจดก่อนเข้ารับการฉีด โดยล้างหน้าให้สะอาดและไม่มีเครื่องสำอางหรือครีมใดๆ อยู่บนผิว
5. พักผ่อนให้เพียงพอ ควรนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอก่อนวันทำหัตถการ เพื่อให้ร่างกายมีความพร้อมและลดความเสี่ยงจากอาการบวม

การเตรียมตัวที่ดีจะช่วยให้การฉีดฟิลเลอร์ขมับเป็นไปได้ด้วยดีและผลลัพธ์ที่ออกมาจะดูเป็นธรรมชาติและยั่งยืน หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเตรียมตัวหรือโปรแกรมฟิลเลอร์ สามารถปรึกษาแพทย์ที่  Line Official Account : @Lienjangthailand เพื่อคำแนะนำที่เหมาะสมได้

หลังฉีดฟิลเลอร์ขมับ ห้ามอะไรบ้าง ?

หลังจากการฉีดฟิลเลอร์ขมับ เพื่อให้ผลลัพธ์ดีที่สุดและลดความเสี่ยงจากผลข้างเคียง ควรหลีกเลี่ยงบางกิจกรรมและการกระทำต่อไปนี้

1. ห้ามนวดหรือกดบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ เพราะอาจทำให้ฟิลเลอร์กระจายตัวไม่ดีหรือเกิดการบวมมากขึ้น ควรรอให้ฟิลเลอร์เซ็ตตัวอย่างเต็มที่ (ประมาณ 24-48 ชั่วโมง)
2. ห้ามออกกำลังกายหนักหรือทำกิจกรรมที่มีแรงกระแทกบริเวณใบหน้าประมาณ 24-48 ชั่วโมงหลังการฉีด เพราะการออกกำลังกายอาจทำให้เลือดหมุนเวียนดีขึ้นและทำให้ฟิลเลอร์เคลื่อนที่ไปจากตำแหน่งที่ตั้งใจไว้
3. ห้ามโดนความร้อนหรือแดดจัด เช่น การไปอาบแดด หรือการใช้ซาวน่า หลังการฉีด เพราะความร้อนอาจทำให้เกิดการบวมและทำให้ฟิลเลอร์ละลายเร็วขึ้น
4. ห้ามดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ ในช่วง 24-48 ชั่วโมงหลังการฉีด เพราะแอลกอฮอล์สามารถทำให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น ซึ่งอาจเพิ่มการบวม และการสูบบุหรี่ทำให้การหายของเนื้อเยื่อช้าลง
5. ห้ามใช้น้ำแข็งโดยตรงบนบริเวณที่ฉีด แม้การประคบเย็นสามารถช่วยลดการบวมได้ แต่ควรหลีกเลี่ยงการใช้น้ำแข็งโดยตรง เพราะอาจทำให้ผิวระคายเคืองได้ ควรใช้ผ้าห่อน้ำแข็งแทน
6. 6. ห้ามทำทรีทเมนต์ผิวหน้าอื่น ๆ ทันที เช่น เลเซอร์ หรือการผลัดเซลล์ผิวทันทีหลังฉีดฟิลเลอร์ เพราะอาจทำให้ฟิลเลอร์เคลื่อนที่หรือเกิดการระคายเคืองได้

อ่านบทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับ : หลังฉีดฟิลเลอร์ มีข้อปฏิบัติ-ข้อห้ามอย่างไร ? เพื่อผลลัพธ์ที่ดี

โปรแกรมฟิลเลอร์ขมับ ควรใช้ยี่ห้อไหนดี ?

การเลือกโปรแกรมฟิลเลอร์ขมับที่เหมาะสมมีความสำคัญมาก เพราะขมับเป็นบริเวณที่มีผิวบางและความละเอียดสูง จึงต้องเลือกฟิลเลอร์ที่มีความปลอดภัยและให้ผลลัพธ์ที่ธรรมชาติและยาวนาน โดยทั่วไปฟิลเลอร์ที่นิยมใช้ในการฉีดขมับมักจะเป็น ฟิลเลอร์จากแบรนด์ที่ได้รับการยอมรับและมีการวิจัยรองรับ ดังนี้

• Juvederm เหมาะสำหรับ ขมับที่ต้องการความอิ่มเต็มและดูเป็นธรรมชาติ ฟิลเลอร์จากแบรนด์ Juvederm ซึ่งมีเทคโนโลยี Vycross ช่วยให้ฟิลเลอร์กระจายตัวดี ไม่เป็นก้อน และมีความคงตัวสูง ทำให้เหมาะกับการเติมเต็มขมับเพื่อเพิ่มความอิ่มและมิติ
• Restylane เหมาะสำหรับ คนที่ต้องการฟิลเลอร์ที่ให้ความหนาและแน่น ฟิลเลอร์ Restylane มีความหนาแน่นมากกว่าฟิลเลอร์รุ่นอื่น ๆ ซึ่งทำให้เหมาะสำหรับการเติมเต็มขมับที่ยุบลง และให้ผลลัพธ์ที่มีมิติที่ดี
• Belotero เหมาะสำหรับ การเติมเต็มขมับที่ต้องการผลลัพธ์ที่เรียบเนียนและเป็นธรรมชาติ ฟิลเลอร์ Belotero มีความนุ่มและกระจายตัวดี ไม่เป็นก้อน จึงช่วยให้การเติมเต็มขมับได้ผลลัพธ์ที่ดูธรรมชาติและไม่เห็นรอยฟิลเลอร์ชัดเจน

ฉีดฟิลเลอร์ขมับกี่วันเห็นผล ?

การฉีดฟิลเลอร์สามารถเห็นผลได้ทันทีหลังการฉีด โดยจะมีการเปลี่ยนแปลงที่สังเกตได้ชัดเจนในไม่กี่ชั่วโมง หลังจากที่ฟิลเลอร์ถูกฉีดเข้าไปในขมับ เนื่องจากฟิลเลอร์จะเติมเต็มบริเวณที่ยุบลงหรือขมับตอบ ทำให้ขมับดูอิ่มและเต็มมากขึ้นในทันที

อย่างไรก็ตาม ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด จะเห็นได้ชัดเจนหลังจาก 2-3 วัน เนื่องจากการบวมเล็กน้อยที่อาจเกิดขึ้นในช่วงแรกจะค่อย ๆ ลดลง ทำให้ฟิลเลอร์เซ็ตตัวและผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น หลังจาก 1-2 สัปดาห์ ผลลัพธ์ที่เสถียรและคงที่ที่สุดจะเริ่มเห็นได้ ซึ่งจะช่วยให้ขมับดูเต็มและมีมิติมากขึ้น และการบวมที่เกิดจากการฉีดจะหายไปอย่างสมบูรณ์

ฉีดฟิลเลอร์ขมับ ราคาอยู่ที่เท่าไร ?

ฉีดฟิลเลอร์ขมับ ราคาจะอยู่ในช่วงประมาณ 8,000 บาทเป็นต้นไป ขึ้นอยู่กับชนิดของฟิลเลอร์ที่เลือกใช้ เช่น ฟิลเลอร์จากแบรนด์ยอดนิยมที่มีคุณภาพสูงและให้ผลลัพธ์ที่ดีและยาวนาน ซึ่งราคาจะขึ้นอยู่กับปริมาณฟิลเลอร์ที่ต้องการฉีดและความยากง่ายในการทำหัตถการด้วย นอกจากนี้ยังขึ้นอยู่กับความเชี่ยวชาญของแพทย์ที่ทำการฉีด หากเลือกแพทย์ที่มีประสบการณ์และคลินิกที่มีชื่อเสียง ราคาก็อาจสูงขึ้นได้ แนะนำให้ปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินราคาและแผนการรักษาที่เหมาะสมกับคุณ

ฉีดฟิลเลอร์ขมับที่ไหนดี ? ที่ลีเอนจาง คลินิกดีไหม ?

การเลือกคลินิกในการฉีดโปรแกรมฟิลเลอร์ ควรคำนึงถึงหลายปัจจัย เช่น ความเชี่ยวชาญของแพทย์ ความปลอดภัย ความสะอาดของสถานที่ และผลลัพธ์ที่ได้จากการรักษา ซึ่ง ลีเอนจาง คลินิก (Lienjang Clinic Thailand) เป็นหนึ่งในคลินิกที่ได้รับความนิยมและมีความเชี่ยวชาญในการให้บริการโปรแกรมฟิลเลอร์ โดยเฉพาะในเรื่องการฉีดฟิลเลอร์ขมับ

ที่ลีเอนจาง มีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการฝึกอบรมและมีประสบการณ์ในการฉีดฟิลเลอร์ สามารถประเมินปัญหาของแต่ละคนและเลือกใช้ฟิลเลอร์ที่เหมาะสมเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด โดยคลินิกนี้ใช้ฟิลเลอร์จากแบรนด์ที่ได้รับการรับรองและมีความปลอดภัยสูง ซึ่งมีคุณภาพดีและให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ นอกจากนี้ ยังมีการดูแลหลังการฉีดอย่างละเอียดเพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาดีที่สุดและปลอดภัย

คำถามที่พบบ่อย

ฉีดฟิลเลอร์ขมับ ปวดหัวไหม ?

การฉีดฟิลเลอร์ขมับโดยปกติแล้วไม่ทำให้เกิดอาการปวดหัว แต่บางคนอาจรู้สึกไม่สบายเล็กน้อยในระหว่างการฉีด เนื่องจากเข็มที่ใช้ในการฉีดอาจทำให้เกิดความรู้สึกตึงหรือระคายเคืองที่บริเวณขมับ การฉีดมักจะใช้เวลาน้อย และมีการใช้ยาชาเฉพาะที่บริเวณที่ฉีดเพื่อช่วยลดความรู้สึกเจ็บปวด แต่อาจมีอาการบวมและช้ำเล็กน้อยหลังการฉีด ซึ่งอาการเหล่านี้จะหายไปในระยะเวลาไม่นาน โดยปกติแล้วอาการปวดหัวไม่ถือเป็นผลข้างเคียงหลักจากการฉีดฟิลเลอร์ หากมีอาการปวดหัวรุนแรงหลังการฉีด ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุ

ฉีดฟิลเลอร์ขมับนอนตะแคงได้ไหม ?

ควรหลีกเลี่ยงการนอนตะแคงหรือกดทับบริเวณที่ฉีดในช่วง 24-48 ชั่วโมงแรก เพื่อให้ฟิลเลอร์เซ็ตตัวและไม่เกิดการเคลื่อนที่หรือบิดเบี้ยว ซึ่งอาจทำให้ผลลัพธ์ที่ได้ไม่เป็นธรรมชาติหรือไม่ตรงกับที่ต้องการ การนอนหงายจะช่วยให้ฟิลเลอร์กระจายตัวและตั้งอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมที่สุด หลังจากช่วงเวลานี้ คุณสามารถกลับมานอนตะแคงได้ตามปกติ

เป็นสิวที่ขมับสามารถฉีดฟิลเลอร์ได้ไหม ?

หากคุณมีสิวที่ขมับ ควรหลีกเลี่ยงการฉีดฟิลเลอร์ในบริเวณที่มีสิวหรือผิวอักเสบ เพราะการฉีดฟิลเลอร์ในบริเวณที่มีสิวอาจทำให้เกิดการระคายเคือง หรือเพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้อได้ โดยเฉพาะหากสิวยังมีอาการอักเสบหรือหนอง ดังนั้น แนะนำให้รอให้สิวหายดีและผิวมีความสมบูรณ์ก่อนที่จะพิจารณาการฉีดฟิลเลอร์ขมับ เพื่อผลลัพธ์ที่ดีและปลอดภัยที่สุด

ฉีดฟิลเลอร์ขมับช่วยยกหางตาขึ้นด้วยไหม ?

สามารถช่วยยกหางตาได้ในบางกรณี เนื่องจากเมื่อเติมฟิลเลอร์ที่บริเวณขมับ ฟิลเลอร์จะช่วยเติมเต็ม เพิ่มความอิ่มและยกผิวบริเวณขมับขึ้น ซึ่งอาจส่งผลให้ผิวรอบ ๆ ตาดูยกขึ้นตามไปด้วย โดยเฉพาะในผู้ที่มีขมับยุบหรือริ้วรอยบริเวณหางตา การเติมฟิลเลอร์ขมับจะช่วยให้โครงหน้าดูเรียบเนียนและมีมิติขึ้น แต่หากต้องการยกหางตาอย่างชัดเจน แนะนำให้พิจารณาการฉีดฟิลเลอร์ที่บริเวณหางตาโดยตรงหรือการใช้เทคนิคอื่น ๆ เช่น การฉีด Botox เพื่อผลลัพธ์ที่ตรงตามต้องการ

สรุป

การฉีดฟิลเลอร์ขมับมีประโยชน์ในการเติมเต็มบริเวณขมับที่ยุบลงหรือมีร่องลึก ช่วยให้ใบหน้าดูมีมิติและอ่อนเยาว์มากขึ้น โดยการใช้ฟิลเลอร์ที่มีส่วนผสมของ Hyaluronic Acid (HA) ซึ่งปลอดภัยและสามารถสลายได้ตามธรรมชาติ ผลลัพธ์จะเห็นได้ทันที ขึ้นอยู่กับชนิดของฟิลเลอร์ที่ใช้ ถือเป็นหัตถการที่ปลอดภัยเมื่อทำโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ในคลินิกที่มีมาตรฐาน และใช้ฟิลเลอร์ที่ได้รับการรับรองจากองค์การอนามัยต่างๆ เช่น FDA หรือ อย. เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและปลอดภัย