บทความ

Article

ปัญหาผิวแต่ละช่วงวัย เป็นยังไง ? ควรดูแลผิวอย่างไรดี ?
Facebook
X
Email

ปัญหาผิวแต่ละช่วงวัย เป็นยังไง ? ควรดูแลผิวอย่างไรดี ?

หัวข้อที่น่าสนใจ

คุณเคยสงสัยไหมว่า…ทำไมผิวของเราถึงเปลี่ยนไปตามอายุ? ตั้งแต่วัยรุ่นที่ต้องรับมือกับสิวและความมัน ไปจนถึงวัย 30-40 ที่เริ่มมีริ้วรอยและผิวหย่อนคล้อย หรือวัย 50+ ที่ต้องการการดูแลอย่างลึกซึ้ง ทุกช่วงวัยล้วนมีลักษณะผิวและปัญหาที่แตกต่างกัน ซึ่งการเข้าใจผิวของตัวเองในแต่ละวัย คือกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้คุณดูแลผิวได้ตรงจุดและคงความอ่อนเยาว์ได้ยาวนาน

บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับ “ลักษณะและปัญหาผิวแต่ละช่วงวัย” พร้อมแนะนำแนวทางการดูแลผิวที่เหมาะสมกับวัยของคุณ ไม่ว่าคุณจะเพิ่งเริ่มเข้าสู่วัย 20 หรือก้าวเข้าสู่วัย 50+ ก็สามารถฟื้นฟูและยืดอายุผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ มาค้นหาคำตอบเพื่อผิวสุขภาพดีในทุกช่วงวัยไปพร้อมกันเลย!

ปัจจัยอะไรที่ทำให้เกิดปัญหาผิวแต่ละช่วงวัย

ปัจจัยที่ทำให้ผิวหน้าดูมีอายุ มักเกิดจากทั้ง “ภายใน” และ “ภายนอก” ซึ่งรวมกันแล้วส่งผลให้ผิวดู หมองคล้ำ ริ้วรอยบนใบหน้า หย่อนคล้อย และขาดความสดใส ปัจจัยหลักที่พบบ่อยมีดังนี้

ปัจจัยอะไรที่ทำให้เกิดปัญหาผิวแต่ละช่วงวัย

ปัจจัยภายนอกที่ทำให้ผิวแก่เร็ว

  • แสงแดด (รังสียูวี) เป็นสาเหตุอันดับหนึ่งของผิวแก่ก่อนวัย ทำให้เกิดฝ้า กระ จุดด่างดำ และริ้วรอย
  • มลภาวะและฝุ่นควัน ทำให้อนุมูลอิสระเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ผิวอักเสบ หมองคล้ำ และเกิดริ้วรอยง่าย
  • การนอนหลับไม่เพียงพอ ส่งผลต่อการฟื้นฟูผิว ทำให้ผิวโทรม ไม่กระจ่างใส
  • พฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่น สูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ ทำลายคอลลาเจนในผิว ทำให้ผิวแห้ง หยาบกร้าน และเกิดริ้วรอยเร็ว
  • การล้างหน้าไม่สะอาด หรือแต่งหน้าหนักโดยไม่ล้างออกให้หมด ทำให้รูขุมขนอุดตัน ผิวอักเสบ และเกิดริ้วรอยได้เร็วขึ้น

ปัจจัยภายในที่ทำให้ผิวดูมีอายุ

  • อายุที่เพิ่มขึ้น คอลลาเจนและอิลาสตินในผิวลดลง ทำให้ผิวบาง หย่อนคล้อยและเกิดริ้วรอย
  • ฮอร์โมนเปลี่ยนแปลง (เช่น วัยทอง) ส่งผลให้ผิวแห้งง่าย ผิวบาง และมีความยืดหยุ่นน้อยลง
  • พันธุกรรม บางคนมีแนวโน้มแก่ช้าหรือแก่เร็วกว่าปกติขึ้นอยู่กับพันธุกรรม
  • ภาวะเครียดเรื้อรัง ส่งผลต่อระดับฮอร์โมน ทำให้ผิวแห้ง ขาดน้ำ และเกิดสิวหรือริ้วรอยได้ง่าย
  • ขาดสารอาหารที่จำเป็นต่อผิว เช่น วิตามินซี วิตามินอี สังกะสี หรือกรดไขมันดี มีผลให้ผิวไม่แข็งแรง

อายุที่มากขึ้นส่งผลต่อผิวหน้าอย่างไรบ้าง ?

เมื่ออายุเพิ่มขึ้น “ผิวหน้า” จะเปลี่ยนแปลงทั้งในระดับผิวภายนอกและภายในลึกถึงชั้นเซลล์ โดยผลกระทบหลักที่มักเกิดขึ้น มีดังนี้

  1. คอลลาเจนและอิลาสตินลดลง อายุที่มากขึ้นทำให้ร่างกายผลิตคอลลาเจนและอิลาสตินลดลง ส่งผลให้ผิวเริ่ม หน้าหย่อนคล้อย ขาดความกระชับ และมี ริ้วรอย ชัดขึ้น
  2. ผิวบางและแห้งง่ายขึ้น ต่อมไขมันทำงานน้อยลง ทำให้ ความชุ่มชื้นในผิวลดลง ผิวจึงรู้สึก แห้ง ตึง ลอกง่าย และไวต่อการระคายเคือง
  3. เกิดจุดด่างดำและสีผิวไม่สม่ำเสมอ เมลานินในผิวเริ่มกระจายตัวผิดปกติ ทำให้เกิด ฝ้า กระ และจุดด่างดำ ผิวดู หมองคล้ำ ไม่กระจ่างใส แบบที่เคยเป็นในวัยหนุ่มสาว
  4. รูขุมขนกว้างขึ้น เมื่อผิวเริ่มหย่อนตัวลง รูขุมขนจึงดูชัดขึ้น โดยเฉพาะบริเวณแก้มและจมูก
  5. รูปหน้าคล้อย ไม่ชัดเหมือนเดิม ปริมาณไขมันใต้ผิวลดลงหรือเคลื่อนตัว ทำให้โครงหน้าเปลี่ยน เช่น แก้มตอบ ร่องแก้มลึก คางห้อย เหนียงเริ่มปรากฏ
  6. การผลัดเซลล์ผิวช้าลง ทำให้ผิวดู หมอง หยาบกร้าน และใช้เวลานานขึ้นกว่าจะฟื้นฟูจากรอยแผลหรือสิว

อายุผิวแต่ละช่วงวัย มีความแตกต่างกันอย่างไร ?

อายุผิวแต่ละช่วงวัย มีความแตกต่างกันอย่างไร ?

ปัญหาผิวแต่ละช่วงวัยมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจนทั้งในแง่ของ โครงสร้างผิว ความแข็งแรง การผลัดเซลล์ และปัญหาผิวแต่ละช่วงวัย ดังนี้

วัยรุ่น (อายุ 10-19 ปี)

ลักษณะและปัญหาผิวของวัยรุ่น (อายุ 10–19 ปี) มีความแตกต่างจากวัยอื่นอย่างชัดเจน เพราะเป็นช่วงที่ร่างกายมีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะฮอร์โมนแอนโดรเจนที่ส่งผลโดยตรงต่อการทำงานของผิวหนังและต่อมไขมัน ลักษณะผิวของวัยรุ่นมักผิวมันง่าย โดยเฉพาะบริเวณ T-Zone (หน้าผาก จมูก คาง) รูขุมขนกว้าง เพราะต่อมไขมันทำงานมาก ผิวอาจ ไวต่อการระคายเคือง โดยเฉพาะในคนที่เริ่มทดลองใช้ผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ

ปัญหาผิวที่พบบ่อยในวัยรุ่น

  1. สิวอุดตัน / สิวอักเสบ เกิดจากความมันส่วนเกิน + การอุดตันของรูขุมขน + ฮอร์โมนแปรปรวน มักพบที่หน้าผาก แก้ม คาง หรือแผ่นหลัง
  2. ผิวมันเยิ้ม ต่อมไขมันผลิตน้ำมันมากเกินไป ทำให้หน้ามันระหว่างวัน แต่งหน้าไม่ติด
  3. รอยแดง / รอยดำจากสิว หากกดหรือแกะสิวบ่อย จะทิ้งรอยไว้และรักษายากในระยะยาว
  4. ผิวแพ้ง่ายจากการลองใช้ผลิตภัณฑ์หลายตัว วัยนี้มักเริ่มทดลองใช้สกินแคร์หรือเมคอัพ ซึ่งอาจไม่เหมาะกับสภาพผิวและก่อให้เกิดสิวหรือผื่นได้
  5. ขาดการปกป้องผิวจากแสงแดด วัยรุ่นหลายคนยังไม่ให้ความสำคัญกับครีมกันแดด ทำให้ผิวหมองคล้ำหรือเกิดฝ้าก่อนวัย

วัย 20-29 ปี

ลักษณะและปัญหาผิวของวัย 20-29 ปี เป็นช่วงที่ผิวเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจนจากวัยรุ่น แม้ผิวยังดูแข็งแรงและอ่อนเยาว์ แต่เริ่มมี “สัญญาณของผิวเสื่อม” ปรากฏให้เห็นบ้างเล็กน้อย หากไม่ดูแลอย่างถูกวิธี อาจเป็นจุดเริ่มต้นของปัญหาผิวในระยะยาวได้ โดยผิวโดยรวมยังดูสดใสและฟื้นฟูได้เร็ว ระดับคอลลาเจนเริ่มลดลงเล็กน้อยตั้งแต่อายุ 25 ปีขึ้นไป ความมันและความแห้งอาจแปรปรวนตามฮอร์โมนหรือพฤติกรรมการใช้ชีวิต เริ่มมีผิวขาดน้ำ จากการนอนดึกหรือพักผ่อนไม่เพียงพอ

ปัญหาผิวที่พบบ่อยในวัย 20–29 ปี

  1. ผิวโทรม หมองคล้ำง่าย เกิดจากการนอนดึก ทำงานหนัก หรือใช้หน้าจอนาน ผิวดูไม่สดใส แม้ไม่มีสิวหรือริ้วรอยชัดเจน
  2. รอยสิว / จุดด่างดำสะสมจากวัยรุ่น หลายคนยังมีสิวฮอร์โมนขึ้นบ้าง โดยเฉพาะช่วงก่อนมีประจำเดือน เมื่อสิวหายแล้วมักทิ้งรอยดำที่รักษาได้ยากขึ้น
  3. เริ่มมีริ้วรอยเล็ก ๆ เช่น รอยย่นใต้ตา รอยยิ้ม ร่องบาง ๆ ที่หน้าผาก มักเห็นชัดเมื่อยิ้ม หรือแสดงสีหน้า
  4. ผิวแห้ง ขาดน้ำ รูขุมขนเริ่มชัด ผิวดูหยาบ ไม่ละเอียดเหมือนตอนวัยรุ่น รูขุมขนอาจกว้างขึ้นหากขาดความชุ่มชื้น
  5. ใช้สกินแคร์ไม่ตรงปัญหาผิว หลายคนเริ่มสนใจการดูแลผิว แต่ยังเลือกผลิตภัณฑ์ตามกระแส ไม่เหมาะกับสภาพผิวของตัวเอง

วัย 30-39 ปี

ลักษณะและปัญหาผิวของวัย 30–39 ปี เป็นช่วงที่ผิวเริ่มเข้าสู่กระบวนการ “เสื่อมถอย” อย่างเห็นได้ชัดมากขึ้นเมื่อเทียบกับวัย 20 เนื่องจากระดับคอลลาเจนและอีลาสตินในผิวเริ่มลดลงอย่างต่อเนื่อง จึงเป็นวัยที่ควรเริ่มการดูแลผิวอย่างจริงจังเพื่อชะลอวัยผิวและรักษาความอ่อนเยาว์ให้นานที่สุด ผิวมักเริ่มแห้งง่าย และเสื่อมความชุ่มชื้นตามธรรมชาติ ริ้วรอยเล็ก ๆ เริ่มชัดเจนขึ้น โดยเฉพาะรอบดวงตา หว่างคิ้ว และร่องแก้ม ผิวอาจหมองคล้ำและไม่สม่ำเสมอ 

ปัญหาผิวที่พบบ่อยในวัย 30–39 ปี

  1. ริ้วรอยแรกเริ่ม / ร่องลึกที่กำลังพัฒนา บริเวณหางตา หน้าผาก ร่องแก้ม เริ่มเห็นชัดแม้ไม่แสดงสีหน้า
  2. ความหย่อนคล้อยเล็กน้อย คอลลาเจนเริ่มเสื่อม โครงสร้างผิวเริ่มคลาย ส่งผลให้รูปหน้าดูเปลี่ยน
  3. ผิวแห้ง ขาดน้ำ ขาดความกระจ่างใส ทำให้ผิวดูเหนื่อย โทรม แต่งหน้าไม่ติด มักเกิดจากฮอร์โมน ความเครียด และการนอนพักไม่เพียงพอ
  4. จุดด่างดำ ฝ้า และเม็ดสีไม่สม่ำเสมอ เป็นผลจากการสะสมแสงแดดในช่วงวัย 20–30 ปีต้น ๆ โดยไม่ทาครีมกันแดดสม่ำเสมอ
  5. รูขุมขนกว้าง / ผิวไม่เรียบเนียน เพราะผิวขาดความยืดหยุ่น และการผลัดเซลล์ผิวเริ่มช้าลง

วัย 40-49 ปี

ลักษณะและปัญหาผิวของวัย 40–49 ปี จะเห็นความเปลี่ยนแปลงของผิวอย่างเด่นชัดเมื่อเทียบกับวัยก่อนหน้า เพราะในช่วงวัยนี้ ร่างกายจะผลิตคอลลาเจนและอีลาสตินลดลงมากกว่า 25–30% จากวัยหนุ่มสาว ส่งผลให้ผิวสูญเสียความกระชับ ความยืดหยุ่น และความสดใสไปอย่างต่อเนื่อง หากไม่ดูแลให้ดี อาจเกิดปัญหาผิวสะสมที่ยากจะแก้ในระยะยาว ผิวมักจะบางลง แห้งง่าย และขาดความยืดหยุ่น ความสามารถในการกักเก็บความชุ่มชื้นลดลง ริ้วรอยชัดเจนขึ้น 

ปัญหาผิวที่พบบ่อยในวัย 40–49 ปี

  1. ริ้วรอยลึก และผิวขาดความแน่นตึง เช่น ร่องแก้มลึก รอยหางตา รอยใต้ตา และหน้าผาก เกิดจากการเสื่อมของคอลลาเจนและการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อสะสม
  2. ใบหน้าหย่อนคล้อย กล้ามเนื้ออ่อนแรงและไขมันใต้ผิวเคลื่อนตัวลง ทำให้ผิวหย่อนคล้อย ไม่กระชับเหมือนเดิม
  3. ผิวแห้งกร้าน ขาดน้ำ ความสามารถในการกักเก็บน้ำของผิวลดลง ผิวดูไม่สดใส แต่งหน้าไม่ติด
  4. ฝ้า กระ จุดด่างดำ ฮอร์โมนเริ่มแปรปรวน + สะสมความเสียหายจากแดดในอดีต สีผิวไม่สม่ำเสมอชัดเจนมากขึ้น
  5. ผิวบาง ไวต่อการระคายเคือง การใช้สกินแคร์ที่ไม่เหมาะสมอาจทำให้เกิดอาการแพ้หรือผิวอักเสบง่าย

วัย 50 ปีขึ้นไป

ลักษณะและปัญหาผิวของวัย 50 ปีขึ้นไป เป็นช่วงที่ผิวมีการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจนที่สุดเมื่อเทียบกับทุกช่วงวัย เนื่องจากการลดลงของฮอร์โมนเอสโตรเจนในผู้หญิง (โดยเฉพาะในวัยหมดประจำเดือน) ทำให้การสร้างคอลลาเจน อีลาสติน และน้ำมันตามธรรมชาติในผิวลดลงอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ผิวบาง แห้ง หย่อนคล้อย และมีริ้วรอยชัดเจนมากยิ่งขึ้น และการผลัดเซลล์ผิวช้าลง ทำให้ผิวดูหมองคล้ำและขาดความเปล่งปลั่ง

ปัญหาผิวที่พบบ่อยในวัย 50+

  1. ริ้วรอยและความหย่อนคล้อยขั้นลึก เพราะคอลลาเจนและไขมันใต้ผิวหายไป ใบหน้าดูเหนื่อยล้าและมีอายุชัดเจน
  2. ผิวแห้ง ขาดความชุ่มชื้นเรื้อรัง ต่อมไขมันผลิตน้ำมันได้น้อยลงมาก ทำให้ผิวแห้งตึง ลอกง่าย
  3. ฝ้า กระ และจุดด่างดำชัดเจน สีผิวไม่สม่ำเสมอเกิดจากการสะสมเม็ดสีและการทำงานผิดปกติของเซลล์ผิว
  4. ผิวไวต่อการระคายเคือง ผิวบางลง ทำให้การใช้ผลิตภัณฑ์บางชนิดอาจเกิดอาการแพ้ได้ง่าย
  5. โครงสร้างผิวและรูปหน้าที่เปลี่ยนไป กระดูกและกล้ามเนื้อใบหน้าหดตัวเล็กลง ทำให้ใบหน้าดูโทรม

พฤติกรรมที่ทำให้ผิวหน้าแก่ก่อนวัยและริ้วรอยมาเร็วขึ้น

พฤติกรรมที่ทำให้ผิวหน้าแก่ก่อนวัยและริ้วรอยมาเร็วขึ้น

พฤติกรรมที่ทำให้ผิวหน้าแก่ก่อนวัย และทำให้ริ้วรอยมาเร็วขึ้น มักเป็นสิ่งที่เราอาจทำอยู่ทุกวันโดยไม่รู้ตัว ซึ่งส่งผลเสียต่อสุขภาพผิวทั้งในระยะสั้นและระยะยาว โดยสาเหตุหลัก ๆ มีดังนี้

  • ไม่ทาครีมกันแดดเป็นประจำ รังสียูวี (โดยเฉพาะ UVA) ทำลายคอลลาเจนใต้ผิว ทำให้เกิดริ้วรอย ฝ้า และจุดด่างดำ แสงแดดคือ ตัวการอันดับ 1 ของความชราผิวก่อนวัย
  • นอนดึก พักผ่อนไม่เพียงพอ ช่วงเวลานอนคือช่วงที่ผิวซ่อมแซมตัวเอง หากนอนดึกหรือหลับไม่สนิท จะทำให้ผิวโทรมขาดน้ำ และเกิดริ้วรอยได้ง่าย
  • สูบบุหรี่ / อยู่ใกล้ควันบุหรี่ นิโคตินและสารพิษในควันบุหรี่ทำให้เส้นเลือดตีบ ผิวขาดออกซิเจน ส่งผลให้ผิวหมองคล้ำ เหี่ยวเร็ว และดูแก่กว่าวัย
  • รับประทานอาหารที่มีน้ำตาลและไขมันสูง น้ำตาลสูงกระตุ้นกระบวนการ Glycation ที่ทำลายคอลลาเจน ไขมันทรานส์ส่งผลให้ผิวอักเสบ เกิดสิวและเร่งให้ผิวเสื่อมสภาพ
  • เครียดสะสม ฮอร์โมนความเครียด (Cortisol) ทำให้ผิวอักเสบ ผลัดเซลล์ช้าลง และเกิดริ้วรอยไว
  • ละเลยการดูแลผิว หรือใช้ผลิตภัณฑ์ไม่เหมาะกับปัญหาผิวแต่ละช่วงวัย ไม่ล้างหน้าให้สะอาด / ใช้สกินแคร์ที่ระคายเคือง ไม่เติมความชุ่มชื้น = ผิวแห้ง ริ้วรอยมาเร็ว
  • แสดงสีหน้าบ่อยเกินไป เช่น ขมวดคิ้ว ย่นหน้าผาก การทำสีหน้าแบบเดิมซ้ำ ๆ จะสร้าง “ริ้วรอยร่องลึก” โดยเฉพาะบริเวณหน้าผาก หางตา และร่องแก้ม
  • ดื่มน้ำน้อย ผิวขาดน้ำจะเหี่ยว หยาบกร้าน และเกิดริ้วรอยเล็ก ๆ ง่ายขึ้น
  • ขัดหน้าแรงเกินไป หรือสครับบ่อย ทำลายเกราะป้องกันผิว ทำให้ผิวบาง ระคายเคือง และไวต่อริ้วรอย
  • ดื่มแอลกอฮอล์และคาเฟอีนมากเกินไป ทำให้ร่างกายขาดน้ำ ผิวแห้ง หยาบ และหมอง

วิธีกู้หน้าเด็ก เปลี่ยนหน้าโทรม คืนอายุผิวทันใจ

วิธีกู้หน้าเด็ก เปลี่ยนหน้าโทรม คืนอายุผิวทันใจ ได้ด้วยหัตถการทางการแพทย์ ที่เห็นผลไวและปลอดภัย เหมาะกับคนที่อยากให้ใบหน้ากลับมาดูอ่อนเยาว์ สดใสในเวลาไม่นาน ดังนี้

  • โปรแกรม CHANALS Advance Serum คือหนึ่งในโปรแกรมดูแลผิวหน้าแบบล้ำลึกที่ได้รับความนิยม สกินบูสเตอร์ระดับพรีเมียมจากประเทศเกาหลี กระจ่างใส สุขภาพดี และอ่อนเยาว์อย่างเป็นธรรมชาติ ด้วยส่วนผสมสำคัญถึง 54 ชนิด ที่ช่วยเติมความชุ่มชื้นให้ผิวอย่างเข้มข้นและยาวนาน
  • โปรแกรม E-X-O The Phyto Serum (Series 2) ช่วยฟื้นฟูผิวจากภายใน ด้วยการใช้ Exosome ฉีดหน้า ซึ่งเป็นสารสกัดจากเซลล์ต้นกำเนิดที่ช่วยกระตุ้นการฟื้นฟูและซ่อมแซมเซลล์ผิวที่เสียหาย ช่วยให้ผิวดู กระจ่างใส นุ่มเนียน และอิ่มน้ำ
  • โปรแกรม Ultraformer III ถือเป็นหนึ่งในหัตถการที่ ช่วยยืดอายุผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะไม่ได้เป็นเพียงแค่การยกกระชับภายนอก แต่ยังช่วย กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวลึก ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญของผิวอ่อนเยาว์ในระยะยาว
  • โปรแกรม Ultherapy Prime ถือเป็นหนึ่งในเทคโนโลยียกกระชับระดับพรีเมียมที่ ช่วยยืดอายุผิวได้จริง โดยใช้พลังงานคลื่นเสียงอัลตราซาวด์ที่ลงลึกและแม่นยำ เพื่อกระตุ้นคอลลาเจนจากชั้นผิวลึกโดยไม่ต้องผ่าตัด เหมาะกับผู้ที่ต้องการชะลอวัยผิวและดูแลใบหน้าให้ดูอ่อนเยาว์ในระยะยาว
  • โปรแกรม Botox ลดริ้วรอย คืนผิวเรียบเนียน ฉีดจุดเล็ก ๆ บริเวณหน้าผาก หว่างคิ้ว หางตา หรือกราม ผิวดูเรียบเนียนทันใจ หน้ายกขึ้นเล็กน้อย ดูเด็กลงแบบไม่ต้องพักฟื้น
  • โปรแกรม Filler ฟื้นฟูใต้ตา ร่องแก้ม เติมความสดใส เหมาะกับผู้ที่มีใต้ตาลึก หน้าตาเหนื่อยโทรม หรือโหนกแก้มดูยุบ ฟิลเลอร์ช่วยคืนความอิ่มฟู ทำให้หน้าดูเด็กแบบเป็นธรรมชาติ
  • โปรแกรม Juvelook เร่งฟื้นฟูผิวอย่างล้ำลึก รวมสารอาหารผิวเข้มข้น + การบำบัดผิวเชิงลึก กระตุ้นการซ่อมแซมเซลล์ผิวโดยตรง เห็นผลในระดับโครงสร้าง เหมาะกับผิวที่อ่อนล้าเรื้อรังจากแสงแดด อายุ หรือความเครียด

ปัญหาสิวและความมันของผิวเกิดขึ้นกับวัยไหนมากที่สุด ?

ปัญหาสิวและความมันของผิวเกิดขึ้นกับวัยไหนมากที่สุด ?

ปัญหาสิวและความมันของผิว มักเกิดขึ้นมากที่สุดในช่วงวัย รุ่น (10-19 ปี) ซึ่งเป็นช่วงที่ฮอร์โมนในร่างกายมีการเปลี่ยนแปลงสูง โดยเฉพาะฮอร์โมนแอนโดรเจนที่กระตุ้นให้ ต่อมไขมันผลิตน้ำมันออกมามากกว่าปกติ ทำให้ผิวมันง่าย รูขุมขนอุดตัน และเกิดเป็นสิวอุดตันหรือสิวอักเสบในที่สุด

อย่างไรก็ตาม ปัญหานี้ อาจต่อเนื่องไปถึงช่วงวัย 20-29 ปี ได้เช่นกัน โดยเฉพาะในกลุ่มที่มีความเครียดสูง นอนดึก หรือใช้สกินแคร์ไม่เหมาะสมกับปัญหาผิวแต่ละช่วงวัย เช่น ใช้ผลิตภัณฑ์ที่อุดตันผิว หรือไม่ล้างเครื่องสำอางให้สะอาด ซึ่งสามารถทำให้เกิดสิวซ้ำ ๆ และมีปัญหาความมันเฉพาะจุด เช่น หน้าผาก จมูก คาง (T-zone)

หากดูแลไม่ถูกต้อง ปัญหาสิวในช่วงวัยรุ่นอาจกลายเป็น “สิวเรื้อรัง” หรือทิ้งรอยดำ รอยแดง และหลุมสิวไว้ได้ในระยะยาว จึงควรให้ความสำคัญกับการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยน ไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน (non-comedogenic) และหากมีสิวรุนแรงควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อรักษาให้ถูกจุด

การทำหัตถการควรเริ่มตั้งแต่ช่วงอายุเท่าไหร่ ?

การทำหัตถการเพื่อดูแลผิวหน้าไม่จำเป็นต้องรอให้มีริ้วรอยลึกหรือปัญหาชัดเจนก่อนถึงจะเริ่มได้ ปัจจุบันแนวโน้มการดูแลผิวแบบ “Preventive Treatment” หรือการป้องกันก่อนเกิดปัญหากำลังได้รับความนิยม โดยผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่า ควรเริ่มทำหัตถการเบา ๆ ได้ตั้งแต่ช่วงอายุ ประมาณ 25 ปีขึ้นไป ซึ่งเป็นช่วงที่คอลลาเจนในร่างกายเริ่มลดลงอย่างช้า ๆ ผิวเริ่มขาดน้ำ หมองคล้ำง่าย และริ้วรอยบาง ๆ เริ่มปรากฏ 

หากดูแลผิวตั้งแต่เนิ่น ๆ จะช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยลึกและปัญหาผิวเรื้อรังในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ วิธีดูแลผิววัย 30 ปีขึ้นไป การทำหัตถการจะเน้นไปที่การ ฟื้นฟูและชะลอความเสื่อมของผิว เช่น การเติม Skin Booster เพื่อให้ผิวอิ่มน้ำ การกระตุ้นคอลลาเจนด้วยโปรแกรม  HIFU และการใช้โปรแกรม Botox หรือ โปรแกรม  Filler อย่างเหมาะสมเพื่อคงความอ่อนเยาว์ของใบหน้า 

ส่วนในวัย 40-50 ปีขึ้นไป การทำหัตถการจะช่วย ย้อนวัยผิว และเสริมโครงสร้างใบหน้าให้กลับมาดูสดใส โดยทั้งหมดควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อผลลัพธ์ที่ปลอดภัยและเป็นธรรมชาติที่สุด

วิธีดูแลรักษาผิว ให้ดูอ่อนกว่าวัย สามารถทำได้ด้วยตนเอง

วิธีดูแลรักษาผิว ให้ดูอ่อนกว่าวัย สามารถทำได้ด้วยตนเอง

การดูแลผิวให้ดูอ่อนกว่าวัย สามารถเริ่มต้นได้ด้วยตัวเองในทุกวัน โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งหัตถการเสมอไป หากใส่ใจในรายละเอียดเล็ก ๆ และมีวินัยในการดูแลผิวอย่างต่อเนื่อง จะช่วย ชะลอวัยผิว และลดโอกาสเกิดริ้วรอยก่อนวัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งสามารถทำได้ด้วยวิธีดังต่อไปนี้

  • ทาครีมกันแดดเป็นประจำทุกวัน แสงแดดเป็นสาเหตุหลักของความแก่ก่อนวัย ควรเลือกกันแดดที่มี SPF 30-50 PA+++ และทาซ้ำระหว่างวันหากอยู่กลางแจ้งนาน
  • บำรุงผิวให้ชุ่มชื้นเสมอ ผิวที่ขาดน้ำจะดูโทรม เหี่ยวง่าย ใช้มอยส์เจอไรเซอร์ที่เหมาะกับสภาพผิวเช้า–เย็น เพื่อรักษาความยืดหยุ่น
  • รับประทานอาหารต้านวัย ทานผักผลไม้ที่มีวิตามิน A, C, E และสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น เบอร์รี่ อะโวคาโด ถั่ว ปลาแซลมอน ดื่มน้ำอย่างน้อย 1.5-2 ลิตร/วัน เพื่อให้ผิวอิ่มน้ำจากภายใน
  • นอนหลับให้เพียงพอ ควรนอน 6-8 ชั่วโมงต่อคืน เพื่อให้ร่างกายฟื้นฟูผิวตามธรรมชาติ เลี่ยงการนอนดึกที่ทำให้ใต้ตาคล้ำและผิวหมอง
  • ลดความเครียด ความเครียดสะสมทำให้เกิดริ้วรอยและสิว หมั่นผ่อนคลายด้วยกิจกรรมที่ชอบ เช่น อ่านหนังสือ เดินเล่น หรือทำสมาธิ
  • หลีกเลี่ยงพฤติกรรมทำร้ายผิว เช่น สูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ ล้างหน้ารุนแรง หรือใช้สกินแคร์ที่ระคายเคืองผิว
  • ล้างหน้าอย่างอ่อนโยน ใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยน pH สมดุล ไม่ทำลายน้ำมันตามธรรมชาติ หลีกเลี่ยงการขัดผิวแรง ๆ ที่ทำให้ผิวบางและระคายเคือง

มาดูแลผิวคืนความอ่อนเยาว์ที่ ลีเอนจาง คลินิก ดีอย่างไร ?

หากคุณกำลังมองหาสถานที่ที่สามารถฟื้นฟูและยืดอายุผิวได้อย่างปลอดภัย เห็นผล และตอบโจทย์ทุกช่วงวัย “ลีเอนจาง คลินิก” คือคำตอบที่ครบเครื่องทั้งเทคโนโลยีทางการแพทย์ล้ำสมัย ทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังโดยเฉพาะ และโปรแกรมดูแลผิวที่ออกแบบเฉพาะบุคคล ไม่ว่าจะเป็นวัย 20+ ที่เริ่มมีริ้วรอยจาง ๆ หรือปัญหาผิว วัย 35 ปี ขึ้นไป ที่ต้องการคืนความยืดหยุ่นและความสดใสให้ผิวอีกครั้ง

จุดเด่นของที่นี่คือการวิเคราะห์สภาพผิวอย่างละเอียดก่อนเริ่มการรักษา พร้อมเลือกใช้หัตถการและสกินบูสเตอร์ระดับพรีเมียม ที่เน้นการ “ฟื้นฟูผิวลึก” และ “ชะลอวัยผิว” ได้อย่างตรงจุด ไม่ใช่แค่ผิวดูดีภายนอก แต่ยังแข็งแรงจากภายใน เพราะที่ลีเอนจาง คลินิก เราไม่เพียงแค่ดูแล…แต่ใส่ใจทุกมิติของความงามอย่างแท้จริง หากสนใจโปรแกรมดูแลผิวที่ ลีเอนจาง คลินิก สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Line Official Account : @Lienjangthailand

สรุป

ปัญหาผิวแต่ละช่วงวัยไม่ใช่เรื่องน่ากังวล หากเรารู้เท่าทันและเข้าใจ “ธรรมชาติของผิว” ที่เปลี่ยนไปตามวัย ทั้งจากปัจจัยภายใน เช่น ฮอร์โมน อายุ หรือพันธุกรรม และปัจจัยภายนอกอย่างแสงแดด มลภาวะ และพฤติกรรมการใช้ชีวิต เพราะยิ่งเราเข้าใจลักษณะผิวและปัญหาเฉพาะช่วงวัยมากเท่าไร เราก็ยิ่งสามารถเลือกวิธีดูแลผิวได้อย่างตรงจุดและปลอดภัยมากขึ้น

ไม่ว่าคุณจะอยู่ในช่วงวัยไหน ก็สามารถเริ่มต้นดูแลผิวให้สุขภาพดี อ่อนเยาว์ และเปล่งปลั่งได้ตั้งแต่วันนี้ เพราะ “การดูแลผิวให้เหมาะกับปัญหาผิวแต่ละช่วงวัย” คือการลงทุนระยะยาวที่คุ้มค่าที่สุดสำหรับตัวเอง มาเปลี่ยนผิวโทรมให้กลับมาสดใส ดูเด็กลงในแบบที่เป็นคุณ ด้วยความเข้าใจและใส่ใจอย่างถูกวิธี

สอบถามปรึกษาแพทย์ฟรี

สอบถามปรึกษาแพทย์ฟรี