เคยส่องกระจกแล้วรู้สึกว่าผิวหน้าไม่เรียบเนียนไหม ? หลายคนอาจสงสัยว่าทำไมผิวถึงขรุขระ รูขุมขนกว้าง หรือมีรอยสิวที่ทำให้หน้าดูไม่สดใส ปัญหานี้เกิดจากหลายปัจจัย หากคุณกำลังเผชิญกับปัญหานี้ ไม่ต้องกังวลไป! เรามีคำตอบให้คุณในบทความนี้
ที่จะพาคุณไปทำความเข้าใจกับต้นตอของปัญหา พร้อมแนะนำวิธีฟื้นฟูผิวให้กลับมาเนียนกระจ่างใส ตั้งแต่การเลือกผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่เหมาะสม การทำทรีตเมนต์ที่ช่วยฟื้นฟูผิว ไปจนถึงเคล็ดลับการดูแลตัวเองที่ทำได้ง่าย ๆ ในทุกวัน ห้ามพลาด! มาปรับผิวให้เนียนใสไปด้วยกัน!
หน้าไม่เรียบเนียน คืออะไร ?
หน้าไม่เรียบเนียน หมายถึง สภาพผิวหน้าที่มีความไม่สม่ำเสมอ อาจเกิดจากปัญหาต่าง ๆ ของใบหน้า ส่งผลให้ผิวดูไม่เรียบเนียน ผิวมีความขรุขระ มีตุ่มนูน รูขุมขนกว้าง และไม่กระจ่างใส ที่สามารถสัมผัสและมองเห็นได้ชัดเจน ซึ่งปัญหานี้โดยส่วนใหญ่จะส่งผลในเรื่องของความมั่นใจ เพราะจะทำให้การแต่งหน้าเป็นคราบ แต่งหน้าตกร่องและทำให้เครื่องสำอางไม่ติดทนนาน
ปัญหาผิวหน้าไม่เรียบเนียน เกิดจากสาเหตุอะไร ?
ปัญหาผิวผิวหน้าดูไม่เรียบเนียนสามารถเกิดจากหลายสาเหตุหลัก ๆ ได้แก่
- รูขุมขนกว้าง : มักเกิดจากพันธุกรรม การผลิตน้ำมันส่วนเกิน หรือการอุดตันของสิ่งสกปรกในรูขุมขน
- รอยสิวและรอยดำ : เกิดจากการอักเสบของสิว เมื่อหายแล้วอาจทิ้งรอยดำหรือรอยแดงไว้ ทำให้ผิวดูไม่เรียบเนียน
- สิวอุดตัน : การสะสมของเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ไขมัน และสิ่งสกปรกทำให้เกิดสิวหัวดำและสิวหัวขาว
- ริ้วรอยและความหย่อนคล้อย : อายุที่เพิ่มขึ้นทำให้คอลลาเจนและอีลาสตินในผิวลดลง ส่งผลให้ผิวไม่เรียบเนียนและขาดความกระชับ
- ผิวขาดความชุ่มชื้น : เมื่อผิวแห้งหรือขาดน้ำ จะทำให้ผิวดูเป็นขุย ไม่เนียนละเอียด และเกิดริ้วรอยเล็ก ๆ ได้ง่าย
- การสัมผัสแสงแดดมากเกินไป : รังสียูวีทำลายคอลลาเจนในผิว ทำให้เกิดจุดด่างดำ ผิวหยาบกร้าน และสูญเสียความเรียบเนียน
- การดูแลผิวที่ไม่เหมาะสม : การล้างหน้าแรงเกินไป ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะกับสภาพผิว หรือการขัดผิวบ่อยเกินไปอาจทำให้ผิวระคายเคืองและเกิดปัญหาผิวไม่เรียบเนียน
- ฮอร์โมนและความเครียด : ส่งผลต่อการผลิตน้ำมันในผิว และอาจกระตุ้นให้เกิดสิวหรือปัญหาผิวอื่น ๆ
ปัญหาหน้าไม่เรียบเนียนส่งผลกระทบอย่างไร ?
ปัญหาหน้าไม่เรียบเนียนส่งผลกระทบทั้งในด้านความมั่นใจ บุคลิกภาพ และสุขภาพผิว ดังนี้
- ความมั่นใจลดลง ผิวที่ไม่เรียบเนียนอาจทำให้หลายคนรู้สึกไม่มั่นใจเมื่อต้องพบปะผู้คนหรือออกไปในที่สาธารณะ โดยเฉพาะหากมีปัญหารอยสิว รูขุมขนกว้าง หรือจุดด่างดำที่เห็นได้ชัด
- แต่งหน้ายากขึ้น ผิวที่ขรุขระ ไม่เรียบเนียน ทำให้เครื่องสำอางเกลี่ยไม่ติดทน อาจเกิดคราบ รองพื้นตกร่อง หรือทำให้เมคอัพดูไม่เป็นธรรมชาติ
- เกิดปัญหาผิวเพิ่มเติม หากไม่ได้รับการดูแลที่ถูกต้อง อาจทำให้เกิดปัญหาผิวอื่น ๆ ตามมา เช่น สิวอักเสบ ผิวแห้งลอก หรือผิวมันมากขึ้นจากการผลิตน้ำมันที่ไม่สมดุล
- ทำให้ดูแก่กว่าวัย ผิวที่ไม่เรียบเนียนมักมีปัญหาริ้วรอยเล็ก ๆ หรือความหมองคล้ำร่วมด้วย ซึ่งอาจทำให้ใบหน้าดูแก่กว่าวัย
- กระทบต่อโอกาสทางสังคมและการงาน ในบางอาชีพที่ต้องใช้ภาพลักษณ์ เช่น งานที่ต้องพบปะลูกค้า การเป็นนางแบบ หรือการทำงานในวงการบันเทิง ผิวหน้าที่ไม่เรียบเนียนอาจส่งผลต่อความประทับใจแรกพบ
หน้าไม่เรียบเนียน มีกี่ลักษณะ ? มีแบบไหนบ้าง ?
หน้าไม่เรียบเนียนสามารถแบ่งออกเป็น 8 ลักษณะหลัก ตามปัญหาผิวที่แตกต่างกัน ดังนี้
หน้าไม่เรียบเนียนจากรูขุมขนกว้าง
Body – หน้าไม่เรียบเนียน รูขุมขนกว้าง เป็นปัญหาผิวที่ทำให้ผิวดูขรุขระ ไม่เรียบเนียน และอาจทำให้หน้ามันมากขึ้น รูขุมขนที่กว้างเกิดจากหลายปัจจัย เช่น พันธุกรรม การผลิตน้ำมันส่วนเกิน การเสื่อมสภาพของคอลลาเจน หรือการสะสมของสิ่งสกปรกในรูขุมขน ซึ่งหากไม่ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม อาจทำให้เกิดสิวอุดตันและสิวอักเสบตามมา
อ่านบทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับ : รูขุมขนกว้าง
หน้าไม่เรียบเนียนจากปัญหาสิว (Acne)
หน้าไม่เรียบเนียนจากปัญหาสิว เป็นภาวะที่เกิดจากการอุดตันและอักเสบของรูขุมขน ส่งผลให้ผิวมีความขรุขระ ไม่เรียบเนียน และอาจทิ้งรอยสิวหรือรอยแผลเป็นไว้ ซึ่งปัญหาสิวสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น ฮอร์โมน การผลิตน้ำมันส่วนเกิน การสะสมของเซลล์ผิวที่ตายแล้ว หรือการติดเชื้อแบคทีเรีย ลักษณะของผิวที่ไม่เรียบเนียนจากสิว
- สิวอุดตัน (Comedones) หน้าไม่เรียบเนียน สิวอุดตัน สิวหัวขาว และสิวหัวดำ ทำให้ผิวดูไม่เรียบเนียน
- สิวอักเสบ (Inflammatory Acne) เป็นตุ่มแดง บวม อาจมีหนองร่วมด้วย ทำให้พื้นผิวขรุขระ
- รอยสิว (Post-Acne Marks) รอยแดง รอยดำที่เกิดขึ้นหลังจากสิวหาย
หน้าไม่เรียบเนียน เป็นตุ่ม
หน้าไม่เรียบเนียน เป็นตุ่ม คือปัญหาผิวที่เกิดจากการสะสมของน้ำมัน เซลล์ผิว หรือแบคทีเรียในรูขุมขน ทำให้เกิดตุ่มเล็กๆ บนผิวหน้า ซึ่งอาจมีลักษณะเป็นสิวอุดตันหรือสิวที่มีการอักเสบเกิดขึ้น ตุ่มเหล่านี้อาจมีหลายลักษณะ เช่น ตุ่มเล็กๆ หรือสิวที่มีการบวมแดงและบางครั้งมีหนองในกรณีที่เกิดการติดเชื้อ
หน้าไม่เรียบเนียนจากโรคผิวหนัง
ผิวหน้าดูไม่เรียบเนียนจากโรคผิวหนัง เป็นภาวะที่เกิดจากความผิดปกติของผิวหนัง ส่งผลให้ผิวดูขรุขระ มีผื่น รอยแดง หรือพื้นผิวไม่สม่ำเสมอ ซึ่งโรคผิวหนังบางชนิดอาจเกิดจากพันธุกรรม การแพ้สารเคมี หรือการติดเชื้อ โดยสามารถแบ่งออกเป็นโรคที่พบบ่อย
หน้าไม่เรียบเนียนจากผิวแห้งขาดความชุ่มชื้น
ผิวหน้าดูไม่เรียบเนียนจากผิวแห้งขาดความชุ่มชื้น เป็นภาวะที่ผิวขาดน้ำและน้ำมันที่ช่วยรักษาความชุ่มชื้น ส่งผลให้ผิวดูหมองคล้ำ หยาบกร้าน และอาจเกิดอาการลอกเป็นขุยได้ ผิวที่แห้งเกินไปจะทำให้พื้นผิวไม่เรียบเนียนและทำให้แต่งหน้าไม่ติด นอกจากนี้ยังอาจทำให้เกิดริ้วรอยก่อนวัยได้ง่าย
อ่านบทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับ : ผิวขาดน้ำ
หน้าไม่เรียบเนียนจากหลุมสิว
หลุมสิว เป็นปัญหาผิวที่เกิดจากการอักเสบรุนแรงของสิว ทำให้เกิดความเสียหายต่อชั้นผิวและคอลลาเจน ส่งผลให้ผิวมีลักษณะเป็นหลุม ไม่เรียบเนียน หลุมสิวเกิดขึ้นเมื่อกระบวนการฟื้นฟูของผิวไม่สามารถสร้างคอลลาเจนขึ้นมาทดแทนได้อย่างสมบูรณ์
หน้าไม่เรียบเนียนจากริ้วรอย
ริ้วรอย เป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญที่ทำให้ผิวหน้าดูไม่เรียบเนียน มักเกิดจากการเสื่อมสภาพของคอลลาเจนและอีลาสตินในผิว ส่งผลให้เกิดรอยพับ ร่องลึก และความหย่อนคล้อย ทำให้พื้นผิวดูไม่เรียบเนียนเหมือนเดิม ริ้วรอยสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ๆ ได้แก่
- ริ้วรอยตื้น (Fine Lines) มักเป็นเส้นเล็ก ๆ เกิดจากความแห้งและการแสดงสีหน้า เช่น รอยยิ้ม หรือรอยข้างตา
- ริ้วรอยลึก (Deep Wrinkles) เกิดจากอายุที่มากขึ้นและการสูญเสียโครงสร้างของผิว เช่น ร่องแก้มลึก หรือรอยหน้าผาก
อ่านบทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับ : ริ้วรอยบนใบหน้า
หน้าไม่เรียบเนียนจากขน
หน้าไม่เรียบเนียนจากขน คือปัญหาผิวที่เกิดจากการมีขนที่ใบหน้า ซึ่งอาจทำให้ผิวดูไม่เรียบเนียน และอาจทำให้เกิดการสะสมของน้ำมัน สิ่งสกปรก และเซลล์ผิวที่ตายแล้วในรูขุมขน การมีขนที่ใบหน้าอาจทำให้การแต่งหน้าหรือการบำรุงผิวไม่เรียบเนียน และในบางกรณีก็อาจเป็นสาเหตุของการเกิดสิวหรืออาการระคายเคืองได้
วิธีแก้ปัญหาหน้าไม่เรียบเนียน
วิธีแก้ปัญหาขึ้นอยู่กับสาเหตุที่ทำให้ผิวหน้าดูไม่เรียบเนียน ซึ่งสามารถมีหลายปัจจัย เช่น สิว ริ้วรอย ขน รูขุมขนกว้าง หรือปัญหาผิวแห้ง ต่อไปนี้คือวิธีการแก้ปัญหาต่าง ๆ ที่สามารถใช้เพื่อทำให้ผิวหน้าเรียบเนียนขึ้น
- การรักษาสิวและการอุดตันของรูขุมขน : ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ BHA (Salicylic Acid) หรือ AHA เพื่อล้างสิ่งสกปรกและเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกจากรูขุมขน หรือรักษาสิวด้วยยาทา เช่น เบนโซอิล เปอรอกไซด์ หรือ น้ำมันทีทรี เพื่อลดการอักเสบ
- การลดริ้วรอยและความหย่อนคล้อย : เช่น โปรแกรมฟิลเลอร์ เติมเต็มร่องลึกและเพิ่มความเรียบเนียนให้กับผิว และ โปรแกรมโบท็อกซ์ ที่ช่วยลดริ้วรอยที่เกิดจากการแสดงสีหน้า เช่น รอยหน้าผากและตีนกา หรือการทำเครื่อง HIFU , RF ที่เป็นเทคโนโลยีการยกกระชับผิว ลดการหย่อนคล้อย และทำให้ผิวเรียบเนียน
- การลดรูขุมขนกว้าง : เช่น การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของไนอาซินาไมด์ (Niacinamide) หรือ วิตามินซี เพื่อลดขนาดรูขุมขน และการใช้ครีมบำรุงที่ช่วยควบคุมความมัน เช่น Oil-Free moisturizer หรือ matte sunscreen
- การจัดการปัญหาผิวแห้งขาดความชุ่มชื้น : ทาครีมที่มีส่วนผสมของ Hyaluronic Acid เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว และใช้น้ำมันบำรุงผิว (Face Oil) เช่น Rosehip Oil หรือ Argan Oil เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว รวมถึงการทามาสก์บำรุงผิวที่ช่วยเติมน้ำให้กับผิว
- การกำจัดขนบนใบหน้า : โดยการแว็กซ์หรือเลเซอร์กำจัดขน เพื่อกำจัดขนที่ใบหน้าอย่างถาวร ส่วนการโกนขนอย่างถูกวิธี ใช้มีดโกนที่เหมาะสมเพื่อกำจัดขนที่ใบหน้าให้เรียบเนียน
- การปรับสมดุลผิว : โดยการผลัดเซลล์ผิว (Exfoliation) ใช้สครับหรือผลิตภัณฑ์ที่มี AHA หรือ BHA เพื่อขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกจากผิว และการใช้มาสก์บำรุงผิว เช่น มาสก์ที่มีส่วนผสมของ Clay เพื่อช่วยดูดซับสิ่งสกปรกและน้ำมัน รวมถึงการใช้เซรั่มบำรุงผิว เช่น Vitamin C หรือ Peptide Serum เพื่อฟื้นฟูและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน
- การทำทรีตเมนต์ต่าง ๆ : เป็นการทำทรีตเมนต์ดุแลผิว เพื่อฟื้นฟูผิวและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน เช่น การฉีด Skin Booster ที่ช่วยปรับผิวให้เรียบเนียนและเปล่งปลั่งขึ้น กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนเพื่อช่วยให้ผิวเรียบเนียนและฟื้นฟูจากความหมองคล้ำ
การรักษาปัญหาผิวหน้าไม่เรียบเนียนที่ ลีเอนจาง คลินิก
ลีเอนจาง คลินิก (Lienjang Clinic Thailand) มีบริการหลายประเภทที่สามารถช่วยแก้ปัญหาผิวหน้าได้ตามสาเหตุที่แตกต่างกัน ดังนี้
- โปรแกรม Juvelook เหมาะสำหรับ ผิวหน้าแห้งกร้าน ผิวไม่เรียบเนียนจากความขาดน้ำ ซึ้งโปรแกรม Juvelook เป็นโปรแกรมที่เติมน้ำและสารอาหารให้กับผิวหน้า ทำให้ผิวดูสดใส เรียบเนียนขึ้น และมีความชุ่มชื้น
- โปรแกรมชาแนล (Chanels) เหมาะสำหรับ ผิวหมองคล้ำ รูขุมขนกว้าง สิวและจุดด่างดำ โปรแกรมนี้ช่วยเติมความชุ่มชื้นให้กับผิว เพิ่มความกระจ่างใสฉ่ำวาว มีความเรียบเนียน และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินให้กับชั้นผิว อีกทั้งยังช่วยลดปัญหาเม็ดสีที่เกิดจากแสงแดดและอายุที่มากขึ้น
- โปรแกรมโบท็อกซ์กับโปรแกรมฟิลเลอร์ เหมาะสำหรับ ริ้วรอยลึก ปัญหาผิวหย่อนคล้อย โดยใช้โปรแกรมโบท็อกซ์ เพื่อปรับรูปหน้าและลดริ้วรอย บริเวณหน้าผาก หางตา หรือร่องแก้ม และใช้ โปรแกรมฟิลเลอร์ เพื่อเติมเต็มริ้วรอยและเพิ่มความเรียบเนียนให้กับผิว
- โปรแกรม Ultraformer iii เหมาะสำหรับ ผิวหย่อนคล้อย หน้าไม่เรียบเนียนจากการสูญเสียความกระชับ โดยใช้เทคโนโลยี HIFU (High-Intensity Focused Ultrasound)เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนลึกถึงชั้นผิว ทำให้ผิวกระชับขึ้นและเรียบเนียน
- EXO Repair Skin Essence เหมาะสำหรับ ผิวแห้ง ผิวขาดความชุ่มชื้น ผิวไม่เรียบเนียนจากความเสียหายของผิว เป็นโปรแกรมที่ใช้สาร PDRN (Polydeoxyribonucleotide) ที่มีสารสกัดจาก DNA ของปลาแซลมอน เพื่อช่วยในการฟื้นฟูและซ่อมแซมผิวหนัง กระตุ้นการสร้างเซลล์ใหม่และช่วยฟื้นฟูเนื้อเยื่อที่เสียหาย
*หากสนใจโปรแกรมดูแลผิวที่ ลีเอนจาง คลินิก สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Line Official Account : @Lienjangthailand*
การป้องกันการเกิดผิวหน้าไม่เรียบเนียนด้วยตนเอง
การป้องกันด้วยตนเองสามารถทำได้หลายวิธีที่ง่ายและสามารถปรับใช้ในชีวิตประจำวัน เพื่อช่วยให้ผิวหน้าเรียบเนียนและมีสุขภาพดีอยู่เสมอ ต่อไปนี้คือวิธีที่จะช่วยให้ใบหน้ากลับมาเนียนใสได้โดยด้วยตนเอง
- การทำความสะอาดผิวหน้าอย่างสม่ำเสมอ : ควรล้างหน้าทุกเช้าและเย็นด้วยผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่เหมาะสมกับสภาพผิว เช่น เจลล้างหน้า หรือ โฟมล้างหน้า ที่ไม่ทำให้ผิวแห้งจนเกินไป ไม่ล้างหน้าด้วยน้ำร้อนเกินไป น้ำร้อนอาจทำให้ผิวแห้งและขาดความชุ่มชื้นได้ ควรใช้น้ำอุ่นในการล้างหน้า
- การบำรุงผิวอย่างเหมาะสม : ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ Hyaluronic Acid ช่วยเติมน้ำให้กับผิวและทำให้ผิวอิ่มน้ำ รวมถึงการทาครีมบำรุงผิวหลังการทำความสะอาด ใช้ครีมบำรุงหรือเซรั่มที่เหมาะสมกับสภาพผิวเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นและคงความยืดหยุ่นให้กับผิว
- การทาครีมกันแดดทุกวัน : ควรทาครีมกันแดด SPF 30 ขึ้นไป ทุกเช้า เพื่อปกป้องผิวจากรังสี UV ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดริ้วรอยและผิวหยาบกร้าน เลือกครีมกันแดดที่เหมาะกับสภาพผิว เช่น กันแดดสูตรควบคุมความมันสำหรับผิวมัน หรือสูตรที่มีความชุ่มชื้นสำหรับผิวแห้ง
- การรักษาความชุ่มชื้นให้กับผิว : เช่น การดื่มน้ำเพียงพอ การดื่มน้ำช่วยให้ผิวคงความชุ่มชื้นและกระจ่างใส และการใช้มอยส์เจอไรเซอร์ ควรทาครีมมอยส์เจอไรเซอร์อย่างสม่ำเสมอเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสหน้าบ่อยเกินไป : การสัมผัสหน้าด้วยมือที่ไม่สะอาดอาจทำให้เกิดสิวหรือการระคายเคืองที่ทำให้ผิวดูไม่เรียบเนียน รวมถึงหลีกเลี่ยงการขัดผิวแรง ๆ การขัดผิวแรง ๆ หรือการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีเม็ดสครับหยาบอาจทำให้ผิวระคายเคืองและเกิดการอักเสบ
- การปรับอาหารและการนอนหลับ : ทานอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น ผลไม้และผักสดที่ช่วยให้ผิวแข็งแรง หรือการนอนหลับให้เพียงพอ การนอนหลับให้ครบ 7-8 ชั่วโมงต่อคืนช่วยให้ผิวฟื้นฟูและลดความเครียดที่อาจทำให้ผิวไม่เรียบเนียน
- การควบคุมความมันและการอุดตันของรูขุมขน : ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยควบคุมความมันสำหรับผิวที่มีปัญหาความมัน ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยควบคุมความมันโดยไม่ทำให้ผิวแห้งเกินไป และหลีกเลี่ยงการใช้เครื่องสำอางที่หนักเกินไป เครื่องสำอางที่หนาอาจทำให้รูขุมขนอุดตันและเกิดสิว
- การใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยลดริ้วรอย : ใช้เซรั่มที่มีส่วนผสมของ Retinol หรือ Vitamin C เพื่อกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนและช่วยให้ผิวหน้าเรียบเนียนและกระจ่างใส
- การรักษาผิวจากภายใน เสริมอาหารเสริมที่มีประโยชน์ต่อผิว เช่น คอลลาเจน หรือ สารต้านอนุมูลอิสระ เพื่อบำรุงผิวจากภายใน
*การดูแลและป้องกันผิวหน้าไม่ให้เกิดปัญหาหน้าไม่เรียบเนียนสามารถทำได้ง่ายๆ เพียงแค่ปรับพฤติกรรมการดูแลผิวและใส่ใจในสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ*
สรุป
ผิวหน้าไม่เรียบเนียนเกิดจากหลายปัจจัย เช่น รูขุมขนกว้าง สิวและรอยสิว ผิวขาดความชุ่มชื้น หรือการสะสมของเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ส่งผลให้ผิวดูไม่สม่ำเสมอและขาดความกระจ่างใส วิธีแก้ไขสามารถทำได้โดยการดูแลผิวอย่างถูกต้อง เช่น การผลัดเซลล์ผิวด้วย AHA/BHA เติมความชุ่มชื้นด้วยสกินแคร์ที่มีส่วนผสมของไฮยาลูรอนิกแอซิด การทำทรีตเมนต์บำรุงผิว เช่น Skin Booster รวมถึงการปกป้องผิวจากแสงแดดเพื่อลดการเสื่อมสภาพของคอลลาเจน ซึ่งช่วยให้ผิวกลับมาเรียบเนียนและสุขภาพดีขึ้น