เทรนด์งานผิวสวย Glass skin กำลังมาแรงที่สุดในตอนนี้ เพราะใคร ๆ ก็อยากมีผิวใส ฉ่ำวาว สุขภาพดี Radiesse เป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมใหม่ที่สุดของงานผิวที่ช่วยกระตุ้นคอลลาเจนให้กับผิว และยังช่วยคืนความอ่อนเยาว์ ลดเลือนริ้วรอย หลุมสิว และช่วยให้ผิวเฟิร์มแน่นกระชับ อิ่มฟู เรียบเนียนขึ้นอีกด้วย ตอบโจทย์เทรนด์งานผิวที่ใครหลาย ๆ คนต้องการมากที่สุด
ในบทความนี้ ลีเอนจาง คลินิก จะพาทุกคนมารู้จักกับ เรเดียสซ์ คืออะไร ช่วยในเรื่องอะไรบ้าง และมีหลักการทำงานอย่างไร พร้อมตอบทุกข้อสงสัยที่ทุกคนอยากรู้ จะเป็นอย่างไรมาดูกันเลย
Radiesse คืออะไร ?
โปรแกรม Radiesse คือ นวัตกรรมใหม่ล่าสุดของตัวยากระตุ้นคอลลาเจน (Biostimulator) เป็นสารเติมเต็มที่จะแตกต่างจากฟิลเลอร์ทั่วไป โดยจะเป็นการเติมเต็มริ้วรอยและร่องลึก กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนเส้นใยตาข่ายผิวใหม่ได้ถึง 5 ประการ คือ Collagen Type I, Collagen Type III, Elastin, Proteoglycan สารน้ำหล่อเลี้ยงเซลล์ผิว และ Angiogenesis สารอาหารหล่อเลี้ยงเซลล์ผิว ผลลัพธ์จากการฉีดเรเดียสซ์ มักจะเห็นได้ชัดเจนในทันทีหลังการฉีด และมีผลลัพธ์ที่ยาวนาน ได้รับความไว้วางใจในหลายประเทศทั่วโลก
องค์ประกอบของตัวยา Radiesse
โปรแกรม Radiesse เป็นนวัตกรรมที่ช่วยฟื้นฟูโครงสร้างผิวที่จัดอยู่ในกลุ่มสารเติมเต็มเหมือนกับกับการฉีดฟิลเลอร์ แต่ไม่มีส่วนประกอบหลักที่สำคัญเป็น HA หรือ Hyaluronic acid เหมือนฟิลเลอร์ทั่วไป องค์ประกอบหลักของ Radiesse ประกอบด้วย แคลเซียม ไฮดรอกซีอะพาไทต์ (Calcium Hydroxylapatite , CaHA) เป็นสารที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติในร่างกาย ซึ่ง CaHA ที่อยู่ในเรเดียสซ์ จะเกิดขึ้นจากการสังเคราะห์ จนได้เป็นสารคา-ฮ่า ไมโครสเฟียร์ (CaHA Microsphere) ที่เหมือนกับสารที่มีอยู่ในร่างกาย
อนุภาค CaHA ใน Radiesse มีลักษณะเป็นทรงกลมขนาดอนุภาคสม่ำเสมอ 25-45 ไมครอน จึงมีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูง ช่วยเติมเต็มและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิวหนัง เมื่อมีอายุที่มากขึ้น การผลิตของคอลลาเจนก็มักจะน้อยลงและช้าลง จึงส่งผลให้ผิวหนังเกิดปัญหา เมื่อฉีดโปรแกรม Radiesse Filler เข้าไปในผิวหนัง เจลคาร์บอกซีเมธิลเซลลูโลสจะทำหน้าที่เป็นสารพาหะที่ช่วยในการกระจายตัวของอนุภาค CaHA ในเนื้อเยื่อผิวหนัง และสารชนิดนี้ไม่เกิดการต่อต้านภูมิคุ้มกันในร่างกาย รวมถึงยังสามารถสลายไปได้เองตามธรรมชาติในอนาคตอีกด้วย
Radiesse มีหลักการทำงานอย่างไร ?
หลักการทำงานของ Radiesse คือการฉีดตัวยาเข้าไปในชั้นระนาบใต้ผิว ตัวยาที่เข้าไปในผิวจะไปกระตุ้นการทำงานของ Fibroblasts (ไฟโบรบลาส) ที่เป็นเซลล์ต้นกำเนิดของคอลลาเจนในผิวหนัง โดยการสร้างคอลลาเจนใหม่ให้มีจำนวนมากขึ้น หลังจากนั้น แคลเซียม ไฮดรอกซีอะพาไทต์ (CaHA) จะก่อตัวเป็นโครงสร้าง และเกิดการกระตุ้นเซลล์ให้ผลิตคอลลาเจนรอบ ๆ โครงสร้าง หรือเส้นใยตาข่าย 3 มิติ (3D Matrix) จะช่วยให้โครงสร้างผิวแข็งแรง มีความกระชับ เรียบเนียนทำให้ใบหน้าดูเต่งตึงขึ้น
สร้างคอลลาเจนเส้นใยตาข่ายผิวใหม่ได้ถึง 5 ประการ
- ช่วยกระตุ้นให้เกิดการสร้าง Collagen Type I มากถึง 150% ทำให้ผิวเรียบเนียน อ่อนเยาว์
- ช่วยกระตุ้นให้เกิดการสร้าง Collagen Type III มากถึง 130% ทำให้โครงสร้างผิวแข็งแรงมากขึ้น
- ช่วยเพิ่ม Elastin ในผิว สูงถึง 260% ทำให้ผิวยืดหยุ่นมากยิ่งขึ้น
- ช่วยเพิ่ม Proteoglycan สารน้ำหล่อเลี้ยงเซลล์ผิว ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น และป้องกันริ้วรอย
- ช่วยเพิ่ม Angiogenesis สารอาหารหล่อเลี้ยงเซลล์ผิว ทำให้ผิวเปล่งปลั่งอมชมพู
ฉีด Radiesse ดีอย่างไร ?
Radiesse มีประโยชน์หลายประการในการปรับปรุงลักษณะของผิวและการเสริมสร้างโครงสร้างผิวหน้า ดังนี้
- ช่วยลดเลือนริ้วรอยลึกและร่องลึกต่าง ๆ เช่น ร่องแก้ม ร่องข้างจมูก และร่องมุมปาก ทำให้ผิวดูเรียบเนียนและอ่อนเยาว์ขึ้น
- ช่วยยกกระชับผิวหน้าและเพิ่มโครงสร้างของใบหน้า ทำให้ใบหน้าดูยกกระชับและเต่งตึงขึ้น
- ช่วยเสริมสร้างโครงสร้างของใบหน้า เช่น เสริมแก้ม เสริมคาง และปรับรูปทรงจมูก ทำให้ใบหน้าดูมีมิติและสมส่วนมากขึ้น
- ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ในผิว ทำให้ผิวมีความยืดหยุ่นและความแข็งแรง ฉ่ำวาว เนียนใส
- มีผลลัพธ์ที่ยาวนาน ขึ้นอยู่กับการดูแลและสภาพผิวของแต่ละบุคคล ทำให้ไม่ต้องฉีดบ่อย ๆ
- สามารถใช้ในการปรับปรุงและเสริมสร้างโครงสร้างผิวบริเวณอื่น ๆ เช่น มือ เพื่อทำให้มือดูอ่อนเยาว์ขึ้น
Radiesse เหมาะกับใคร ?
- ผู้ที่มีริ้วรอยลึก ร่องข้างจมูก ร่องแก้ม ริ้วรอยหน้าผาก และร่องมุมปาก สามารถช่วยเติมเต็มและลดเลือนริ้วรอยเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ผู้ที่มีผิวหน้าหย่อนคล้อยหรือขาดความเต่งตึง สามารถใช้ในการยกกระชับผิวหน้า ทำให้ใบหน้าดูยกกระชับและอ่อนเยาว์ขึ้น
- ผู้ที่ต้องการเสริมสร้างหรือปรับรูปทรงของใบหน้า เช่น เสริมแก้ม เสริมคาง และปรับรูปทรงจมูก ช่วยเสริมโครงสร้างใบหน้าให้ดูมีมิติและสมส่วนมากขึ้น
- ผู้ที่ต้องการให้ผิวดูเนียนใส ฉ่ำวาว มีคุณสมบัติในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ในผิว ทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์และมีผิวที่สุขภาพดี
- ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่ยาวนานในการเติมเต็มและยกกระชับผิว
- ผู้ที่ต้องการปรับปรุงและเสริมสร้างความเต่งตึงให้กับผิวบริเวณมือ ทำให้มือดูอ่อนเยาว์ขึ้น
*ข้อควรรู้ ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีประวัติการแพ้สารแคลเซียม ไฮดรอกซีอะพาไทต์ หรือสารประกอบอื่น ๆ ที่อยู่ในผลิตภัณฑ์ ควรปรึกษาแพทย์ เพื่อประเมินความเหมาะสมและรับคำแนะนำก่อนทำการฉีด*
Radiesse ฉีดส่วนไหนได้บ้าง ?
สามารถฉีดได้ในหลายบริเวณบนใบหน้า เพื่อแก้ไขและปรับปรุงลักษณะผิว รวมถึงการเสริมสร้างโครงสร้างใบหน้า บริเวณที่นิยมฉีด Radiesse มีดังนี้
- ร่องแก้ม: ร่องลึกที่เกิดขึ้นเหนือมุมปากลงมาที่มุมปาก
- แก้ม: ใช้เพื่อเสริมสร้างความเต่งตึงและยกกระชับผิวบริเวณแก้ม
- คาง: ใช้เพื่อเสริมสร้างและปรับรูปทรงของคาง
- ร่องใต้ตา: ลดเลือนร่องลึกและความหมองคล้ำใต้ตา
- ขมับตอบ: สามารถแก้ไขปัญหาขมับตอบ และทำให้โครงหน้าชัดเจน
- มือ (Hands): ใช้ในการเติมเต็มและเสริมสร้างความเต่งตึงให้กับผิวบริเวณมือ เพื่อทำให้มือดูอ่อนเยาว์และเนียนเรียบขึ้น
- รอยแผลเป็น ร่อง หรือหลุมที่เกิดจากสิว: ใช้ในการเติมเต็มและปรับปรุงลักษณะของรอยแผลเป็น ร่องลึก ให้ดูเรียบเนียนขึ้น
- คอและเนินอกผู้หญิง: สามารถแก้ไขปัญหารอยเหี่ยวย่นในบริเวณในส่วนนี้ของร่างกายได้
*หมายเหตุ บริเวณที่ไม่แนะนำให้ฉีด คือ ริมฝีปาก เพราะจะทำให้เกิดเป็นก้อนจากการกระตุ้นของ CaHA ได้ หากต้องการเติมริมฝีปาก แนะนำให้เป็นฟิลเลอร์ตัวอื่นแทนมากกว่า*
Radiesse อันตรายไหม ?
ความปลอดภัยของ Radiesse ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ความชำนาญของแพทย์ที่ทำการฉีด สภาพผิวของผู้รับบริการ และการดูแลหลังการฉีด ถึงแม้ว่าเรเดียสซ์จะได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยา (FDA) ในสหรัฐอเมริกา ว่าปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ แต่ก็ยังมีความเสี่ยงที่ควรระวัง เช่น
- อาการแพ้: แม้ว่าจะพบได้น้อย แต่บางคนอาจมีปฏิกิริยาทางภูมิคุ้มกันต่อสารที่ฉีดเข้าไป
- การติดเชื้อ: การติดเชื้อสามารถเกิดขึ้นได้หากไม่ปฏิบัติตามการป้องกันอย่างเคร่งครัด
- การบวมและช้ำ: อาจเกิดขึ้นในบริเวณที่ฉีดและมักจะหายไปภายในไม่กี่วัน
- ก้อนใต้ผิวหนัง: อาจเกิดขึ้นหากฟิลเลอร์ไม่ได้ถูกฉีดอย่างเหมาะสม
- การอุดตันของหลอดเลือด: ซึ่งเป็นภาวะที่ต้องรับการรักษาอย่างเร่งด่วน
Radiesse มีกี่รุ่น
มีอยู่สองรุ่นหลัก ๆ ทั้งสองรุ่นนี้มีส่วนผสมหลักคือ แคลเซียม ไฮดรอกซีอะพาไทต์ (Calcium Hydroxylapatite) ที่ช่วยเติมเต็มและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้กับชั้นผิวหนัง แตกต่างกันที่รุ่น Radiesse (+) with Lidocaine มีการเพิ่มยาชาเข้ามา เพื่อช่วยลดความเจ็บปวดในระหว่างการฉีด ดังนั้น การเลือกใช้รุ่นที่เหมาะสมจะขึ้นอยู่กับพื้นที่ที่ต้องการฉีดและคำแนะนำของแพทย์
Radiesse Classic: เป็นรุ่นพื้นฐานที่ใช้ในการเติมเต็มริ้วรอยและร่องลึกต่าง ๆ บนใบหน้า รวมถึงการยกกระชับผิวและการเสริมสร้างความเต่งตึงให้กับผิวหน้า
Radiesse (+) with Lidocaine: เป็นรุ่นที่เพิ่มยาชา Lidocaine เข้าไปในผลิตภัณฑ์ เพื่อลดความเจ็บปวดและความไม่สบายในระหว่างการฉีด ทำให้การฉีดเป็นไปอย่างสะดวกสบายมากขึ้น
Radiesse ต่างจากหัตถการงานผิวอื่น ๆ อย่างไร ?
Radiesse มีความแตกต่างจาก biostimulator และฟิลเลอร์รุ่นอื่น ๆ เช่น Sculptra และ Ellanse เป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในการฟื้นฟูและปรับปรุงผิวพรรณ แต่มีลักษณะและวิธีการทำงานที่แตกต่างกัน ซึ่งขอยกตัวอย่าง Biostimulator อื่น ๆ (เช่น Sculptra และ Ellanse) ดังนี้
- Sculptra: มีส่วนประกอบหลักเป็นกรดโพลีกลิออลิค (Poly-L-lactic Acid) ทำงานโดยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่อย่างช้า ๆ ผลลัพธ์จะเห็นได้หลังจากการฉีดหลายครั้ง ผลลัพธ์มักจะอยู่ได้นานประมาณ 2-3 ปี
- Ellanse: มีส่วนประกอบหลักเป็นโพลีเมอร์อีสเทอร์ (Polycaprolactone) ซึ่งเป็นชนิดของ biostimulator ทำงานโดยการเติมเต็มและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ผลลัพธ์จะเห็นได้ทันทีและยังมีการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนเพิ่มเติม ผลลัพธ์มักจะอยู่ได้นานตั้งแต่ 1-4 ปี ขึ้นอยู่กับชนิดของ Ellanse ที่ใช้
ก่อนฉีด Radiesse เตรียมตัวอย่างไร ?
การเตรียมตัวก่อนฉีดมีขั้นตอนสำคัญที่ควรปฏิบัติ เพื่อให้การฉีดได้ผลลัพธ์ที่ดีและลดความเสี่ยงจากผลข้างเคียงต่าง ๆ ดังนี้
- ปรึกษาแพทย์ผู้ชำนาญ แพทย์จะตรวจสภาพผิวและปรึกษาเกี่ยวกับเป้าหมายในการรักษา แจ้งแพทย์เกี่ยวกับประวัติสุขภาพ โรคประจำตัว หรือการแพ้ยาใด ๆ
- หลีกเลี่ยงยาลดการแข็งตัวของเลือด เช่น แอสไพริน, ไอบูโพรเฟน ควรหลีกเลี่ยงเป็นเวลา 1-2 สัปดาห์ก่อนการฉีด
- หลีกเลี่ยงอาหารเสริมบางชนิดที่อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดรอยช้ำ เช่น วิตามินอี, แปะก๊วย, โสม
- หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์และเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนเป็นเวลา 24-48 ชั่วโมงก่อนการฉีด เพื่อลดความเสี่ยงของการเกิดรอยช้ำและอาการบวม
- หลีกเลี่ยงการทำหัตถการผิวหน้าที่อาจทำให้ผิวระคายเคือง เช่น การสครับผิวหรือการทำเลเซอร์ เป็นเวลา 1 สัปดาห์ก่อนการฉีด รักษาผิวหน้าให้สะอาดและ
- หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารเคมีที่อาจทำให้ผิวระคายเคือง
- นอนหลับให้เพียงพอในคืนก่อนวันฉีด เพื่อให้ร่างกายและผิวหนังมีความพร้อมสำหรับการฉีด
- ไม่ควรฉีด Radiesse พร้อมกับหัตถการอื่น ๆ
หลังฉีด Radiesse ดูแลตัวเองอย่างไร ?
การดูแลตัวเองหลังการฉีดอย่างถูกต้องจะช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ลดความเสี่ยงจากผลข้างเคียง และทำให้ผิวฟื้นตัวได้เร็วขึ้น ดังนี้
- หลีกเลี่ยงการสัมผัส กดนวด หรือถูบริเวณที่ฉีดเป็นเวลาอย่างน้อย 24 ชั่วโมงหลังการฉีด เพื่อป้องกันการเคลื่อนย้ายของ Radiesse
- หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกรด (เช่น กรดไกลโคลิก, กรดซาลิไซลิก) หรือสารเคมีที่อาจทำให้ผิวระคายเคืองเป็นเวลาอย่างน้อย 24-48 ชั่วโมง
- หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก การยกของหนัก หรือกิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออกมากเป็นเวลา 24-48 ชั่วโมงหลังการฉีด
- หลีกเลี่ยงการอาบน้ำร้อน ซาวน่า หรือการทำกิจกรรมที่ต้องสัมผัสกับความร้อนสูงเป็นเวลาอย่างน้อย 24-48 ชั่วโมง
- หลีกเลี่ยงการนอนคว่ำหน้าอย่างน้อย 1 สัปดาห์
- หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์และเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนเป็นเวลา 24-48 ชั่วโมงหลังการฉีด เพื่อลดความเสี่ยงของการเกิดรอยช้ำและอาการบวม
- หลีกเลี่ยงการแต่งหน้าหรือใช้ผลิตภัณฑ์บนใบหน้าในวันแรกหลังการฉีด เพื่อให้บริเวณที่ฉีดมีเวลาฟื้นตัว
- หากรู้สึกว่ามีก้อนใต้ผิวหนัง สามารถกดนวดในบริเวณที่เป็นก้อนเพื่อลดอาการได้
- หากบริเวณที่ฉีดมีรอยชํ้า ซึ่งพบได้เป็นปกติเนื่องจากการฉีด Radiesse เป็นการฉีดกระจายทั่วหน้า
- การพักผ่อนให้เพียงพอจะช่วยให้ร่างกายและผิวหนังฟื้นตัวได้เร็วขึ้น
- เข้าพบแพทย์ตามนัดเพื่อติดตามผลการฉีดและรับคำแนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับการดูแลตัวเอง
ฉีด Radiesse กี่วันเห็นผล ?
ผลลัพธ์ของการฉีด Radiesse จะเริ่มเห็นได้ภายใน 1-2 สัปดาห์หลังจากการฉีด โดยผลลัพธ์จะเห็นผลชัดเจนเต็มที่ใน 3-6 สัปดาห์ถึง3-6 เดือน หลังการฉีดอาจจะเกิดการบวมและอาจมีรอยแดงบ้าง ซึ่งเป็นเรื่องปกติและจะลดลงภายในไม่กี่วัน เรเดียสซ์ทำงานโดยการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิวหนัง ซึ่งช่วยเพิ่มความกระชับและลดริ้วรอย ผลลัพธ์สุดท้ายจะปรากฏให้เห็นเมื่อการสร้างคอลลาเจนใหม่เริ่มทำงานครบถ้วนแล้ว
ฉีด Radiesse ต้องฉีดกี่ครั้ง ?
การฉีด Radiesse ส่วนมากฉีดครั้งเดียว และจะมีการฉีดย้ำทุก 12-18 เดือน เพื่อรักษาผลลัพธ์และปรับปรุงสภาพผิวตามความต้องการ ส่วนจำนวนครั้งแนะนำให้ฉีดอยู่ที่ 1-3 ครั้ง ระยะห่างครั้งละ 1 เดือน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความต้องการของแต่ละบุคคลและการตอบสนองของผิว ควรได้รับการพิจารณาจากแพทย์ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและปลอดภัยตามสภาพผิวและเป้าหมายการรักษาของคุณ
Radiesse อยู่ได้นานไหม ?
มักจะคงผลลัพธ์ได้ยาวนานถึง 2 ปี ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น การตอบสนองของผิวแต่ละคนอาจแตกต่างกัน รวมถึงพื้นที่ที่ทำการฉีด การดูแลและการปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์หลังการฉีดและการรับประทานอาหาร การออกกำลังกาย การดูแลผิวพรรณก็สามารถมีผลต่อผลลัพธ์ด้วยเช่นกัน
radiesse ราคาเท่าไร ?
ในการฉีด radiesse ราคาอาจแตกต่างกันไปตามสถานที่และแพทย์ที่ให้บริการ รวมถึงพื้นที่ที่ฉีด โดยทั่วไป ราคาจะอยู่ในช่วงประมาณ 30,000 บาทขึ้นไป แต่ราคานี้อาจเปลี่ยนแปลงได้ตามคลินิกหรือสถานพยาบาลต่าง ๆ ควรปรึกษาแพทย์หรือคลินิกที่คุณสนใจ เพื่อขอข้อมูลราคาและคำแนะนำตามความต้องการของคุณ
เลือกฉีด Radiesse ที่ไหนดี ?
การเลือกสถานที่ฉีดเรเดียสซ์ควรพิจารณาหลายปัจจัย เพื่อให้แน่ใจว่าคุณได้รับการรักษาที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ
- เลือกแพทย์ที่มีประสบการณ์และมีความชำนาญในการฉีด แพทย์ควรมีการฝึกอบรมและการรับรองจากองค์กรทางการแพทย์ที่เกี่ยวข้อง
- ควรเลือกสถานที่ที่มีชื่อเสียงและได้รับการรับรองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) หรือหน่วยงานสุขภาพอื่น ๆ
- ตรวจสอบให้แน่ใจว่าสถานที่ที่คุณเลือกมีมาตรฐานความสะอาดและความปลอดภัยสูง รวมถึงการใช้วัสดุและเครื่องมือที่มีคุณภาพ
- ควรมีการปรึกษาเบื้องต้นกับแพทย์ เพื่อประเมินสภาพผิวและวางแผนการรักษา โดยแพทย์จะช่วยแนะนำวิธีการและแผนการรักษาที่เหมาะสมกับคุณ
- ตรวจสอบความคิดเห็นและรีวิวจากผู้ที่เคยใช้บริการที่คลินิกนั้น ๆ ซึ่งจะช่วยให้คุณมีข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลลัพธ์และประสบการณ์ของผู้อื่น
- ตรวจสอบให้แน่ใจว่าผลิตภัณฑ์ Radiesse ที่ใช้เป็นของแท้มีการรับรองและผ่านการตรวจสอบคุณภาพ
สรุป
ทั้งหมดนี้ทำให้ Radiesse เป็นสารเติมเต็มที่มีประสิทธิภาพในการเติมเต็มริ้วรอยและร่องลึก รวมถึงการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ในชั้นใต้ผิวหนัง ทำให้ผลลัพธ์ยาวนานและดูเป็นธรรมชาติ ช่วยเติมเต็มและลดเลือนริ้วรอย ยกกระชับผิวหน้า เสริมสร้างโครงสร้างใบหน้า ทำให้มีใบหน้าที่สวยตามฉบับผิวสวยแบบ Glass skin และมีผลลัพธ์ที่ยาวนาน หากท่านใดสนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Line Official Account : @Lienjangthailand