คุณเคยสงสัยเกี่ยวกับการฉีดโบท็อกหรือไม่ ? ไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่ที่สนใจในการฉีดโบท็อก หรือผู้ที่เคยมีประสบการณ์แล้วแต่ยังมีข้อสงสัยเกี่ยวกับโบท็อกอยู่ ไม่ต้องกังวลอีกต่อไป! เพราะลีเอนจาง คลินิกได้รวบรวมคำถามยอดฮิตพร้อมคำตอบที่ชัดเจนและละเอียดไว้ในบทความนี้แล้ว ไม่ว่าคุณจะสงสัยเกี่ยวกับความปลอดภัยของการฉีด อายุที่เหมาะสมสำหรับการฉีด หรือวิธีการเลือกสถานที่ในการฉีด เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจได้อย่างมั่นใจ!
Q : ฉีดโบท็อก กี่วันเห็นผล ?
A : การฉีดโบท็อก (Botox) มักจะเริ่มเห็นผลประมาณ 3-7 วัน หลังจากฉีด และจะเห็นผลเต็มที่ในช่วง 10-14 วัน หลังการฉีด ทั้งนี้ ระยะเวลาที่เห็นผลอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับบุคคลและบริเวณที่ฉีด โดยทั่วไปผลของโบท็อกจะคงอยู่ประมาณ 3-6 เดือน
Q : ฉีดโบท็อก อันตรายไหม ?
A : การฉีดโบท็อก (Botox) โดยทั่วไปถือว่าปลอดภัย หากดำเนินการโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและมีใบรับรอง การลดความเสี่ยงคือการเลือกฉีดโบท็อกกับแพทย์ที่มีประสบการณ์และคลินิกที่มีมาตรฐานสูง อย่างไรก็ตาม การฉีดโบท็อกก็มีความเสี่ยงที่ควรรู้ เช่น
- ผลข้างเคียงชั่วคราว เช่น อาการบวม แดง หรือช้ำบริเวณที่ฉีด ซึ่งส่วนใหญ่จะหายไปในไม่กี่วัน
- ปัญหากล้ามเนื้ออ่อนแรง หากโบท็อกแพร่ไปยังกล้ามเนื้อบริเวณอื่น อาจทำให้เกิดผลข้างเคียง เช่น หนังตาตกหรือยิ้มไม่เท่ากัน
- อาการแพ้ ในบางกรณีหากมีการแพ้ต่อส่วนผสมของโบท็อก อาจเกิดอาการแพ้หรือปฏิกิริยาทางผิวหนังที่รุนแรง
- การติดเชื้อ หากสถานที่หรืออุปกรณ์ไม่สะอาดพอ
อ่านบทความที่น่าสนใจเกี่ยวกับ : โบท็อกซ์
Q : ฉีดโบท็อก ราคาเท่าไร ?
A : ราคาของการฉีดโบท็อก (Botox) จะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น บริเวณที่ฉีด ปริมาณยูนิตที่ใช้ ยี่ห้อของโบท็อก และสถานพยาบาลที่เลือกใช้ แนะนำให้ปรึกษาคลินิกโดยตรงเพื่อทราบรายละเอียดและราคาเฉพาะในแต่ละสถานที่ โดยแต่ละบริเวณราคาจะมีดังนี้
- บริเวณหน้าผาก รอยย่นระหว่างคิ้ว หรือรอบดวงตา ประมาณ 3,000-15,000 บาท ขึ้นอยู่กับจำนวนยูนิต
- บริเวณกราม หรือการลดขนาดกราม ประมาณ 5,000-20,000 บาท
- การฉีดโบท็อกลดเหงื่อบริเวณรักแร้ ประมาณ 8,000-20,000 บาท
Q : โบท็อกที่ดีต้องไม่ผสมน้ำเกลือจริงไหม ?
A : โบท็อกที่ดีควรจะเป็นผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้ผสมน้ำเกลือหรือสารเจือปนอื่น ๆ ที่ไม่จำเป็น เนื่องจากการผสมน้ำเกลืออาจทำให้ลดความเข้มข้นของโบท็อกลง ส่งผลให้ประสิทธิภาพในการรักษาน้อยลงหรือไม่สามารถให้ผลลัพธ์ที่ต้องการได้ควรเลือกใช้โบท็อกที่ได้รับการรับรองจากหน่วยงานที่มีความน่าเชื่อถือ เช่น อย. (สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา) เพื่อความปลอดภัยและคุณภาพ
และควรทำการฉีดโบท็อกในสถานที่ที่มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ และสามารถให้คำแนะนำเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่ใช้ การใช้โบท็อกที่มีคุณภาพสูงและไม่ผสมน้ำเกลือจะช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและลดความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียง
อ่านบทความที่น่าสนใจเกี่ยวกับ : โบท็อกซ์ยี่ห้อไหนดี
Q : ฉีดโบท็อก คลินิกไหนดี ?
A : การเลือกคลินิกเป็นสิ่งสำคัญมาก ควรพิจารณาปัจจัยหลายอย่างเพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ดี ต่อไปนี้คือคำแนะนำในการเลือกคลินิกที่ดี
- ควรเลือกคลินิกที่มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการฉีดโบท็อกและมีประสบการณ์ยาวนาน แพทย์ควรมีใบรับรองและสามารถให้คำแนะนำได้อย่างละเอียด
- เลือกคลินิกที่มีใบอนุญาตประกอบกิจการถูกต้องตามกฎหมาย และได้รับการรับรองจากหน่วยงานสาธารณสุข
- คลินิกควรมีมาตรฐานความสะอาดและการฆ่าเชื้อที่สูง การใช้อุปกรณ์ที่สะอาดและปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญ
- ควรเลือกคลินิกที่ใช้โบท็อกของแท้จากผู้ผลิตที่ได้รับการรับรอง และคลินิกควรสามารถแสดงข้อมูลผลิตภัณฑ์ได้อย่างชัดเจน
- อ่านรีวิวจากผู้ใช้บริการคนอื่น ๆ เพื่อประเมินประสบการณ์ของคลินิกนั้น
Q : ฉีดโบท็อก 50 ยูนิต เห็นผลไหม ?
A : การฉีดโบท็อก 50 ยูนิตมักจะเห็นผลในระดับหนึ่ง ขึ้นอยู่กับบริเวณที่ฉีดและปริมาณที่ต้องการ เช่น ถ้าฉีดที่หน้าผาก หรือตีนกา 50 ยูนิตอาจจะให้ผลที่ชัดเจน แต่ถ้าฉีดที่บริเวณอื่น ๆ หรือมีการกล้ามเนื้อที่แข็งแรงมาก อาจจะต้องใช้ปริมาณมากกว่านั้นเพื่อให้เห็นผลที่ชัดเจน
โดยทั่วไปแล้ว หลังการฉีดจะเริ่มเห็นผลใน 3-5 วัน และจะเห็นผลเต็มที่ภายใน 2 สัปดาห์ ผลลัพธ์สามารถอยู่ได้นานประมาณ 3-6 เดือน ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น อายุ การดูแลผิว และรูปแบบการใช้ชีวิตของแต่ละคน
Q : ฉีดโบท็อก งดออกกําลังกายกี่วัน ?
A : หลังการฉีดโบท็อก แนะนำให้งดออกกำลังกายอย่างน้อย 24-48 ชั่วโมง เพื่อป้องกันไม่ให้โบท็อกกระจายไปยังบริเวณอื่น ๆ ที่ไม่ต้องการ ซึ่งอาจส่งผลต่อผลลัพธ์และทำให้เกิดผลข้างเคียงได้ นอกจากนี้ การออกกำลังกายที่รุนแรงอาจทำให้เกิดความดันโลหิตสูงและการไหลเวียนของเลือดที่เพิ่มขึ้น ซึ่งอาจทำให้โบท็อกมีประสิทธิภาพน้อยลง หลังจากนั้นคุณสามารถกลับมาออกกำลังกายได้ตามปกติ แต่ไม่ควรหักโหมจนเกินไปและหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักในวันแรก ๆ หลังการฉีด
Q : ฉีดโบท็อก งดแอลกอฮอล์กี่วัน ?
A : หลังการฉีดโบท็อก แนะนำให้งดการดื่มแอลกอฮอล์ประมาณ 14 วัน เพื่อช่วยลดความเสี่ยงของผลข้างเคียง เช่น การบวม แดง หรือฟกช้ำในบริเวณที่ฉีด การดื่มแอลกอฮอล์อาจทำให้หลอดเลือดขยายตัวและเพิ่มการไหลเวียนของเลือด ซึ่งอาจส่งผลต่อผลลัพธ์ของโบท็อกได้ หากต้องการให้ผลลัพธ์ดีที่สุด หากทำไม่ได้จริง ๆ ควรงดอย่างน้อย ในช่วง 6 – 7 วันหลังการฉีดค่ะ
Q : มีโอกาสแพ้โบท็อกได้หรือไม่ ?
A : มีโอกาสแพ้โบท็อกได้ แต่ถือว่าเกิดขึ้นได้น้อยมาก โดยทั่วไป โบท็อก (Botulinum toxin) ถือว่าปลอดภัยและใช้กันอย่างแพร่หลายในการทำศัลยกรรมความงาม อย่างไรก็ตาม อาการแพ้หรือผลข้างเคียงบางประการอาจเกิดขึ้นได้ เช่น อาจมีอาการแพ้ที่แสดงออก เช่น ผื่น คัน บวม หรือรู้สึกไม่สบายในบริเวณที่ฉีด เพื่อความปลอดภัย ควรเลือกคลินิกที่มีความน่าเชื่อถือและแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในการฉีด และควรปรึกษาแพทย์ก่อนทำการฉีดเพื่อหารือเกี่ยวกับความเสี่ยงและข้อควรระวังที่เหมาะสมกับตัวคุณ
Q : ดื้อโบท็อก แก้ไขอย่างไร ?
A : การดื้อโบท็อก (Botulinum toxin) หมายถึงการที่ร่างกายมีปฏิกิริยาต่อการรักษาด้วยโบท็อกน้อยลงหรือไม่เห็นผลหลังจากการฉีดหลายครั้ง ซึ่งอาจเกิดขึ้นจากหลายสาเหตุ เช่น การพัฒนาภูมิคุ้มกันต่อโบท็อก หรือการใช้ปริมาณที่ต่ำเกินไป ควรหยุดการฉีดเป็นระยะเวลา 6-12 เดือน เพื่อให้ร่างกายปรับตัวและลดความดื้อที่อาจเกิดขึ้น และควรพบแพทย์ที่ทำการฉีดเพื่อประเมินสถานการณ์และให้คำแนะนำที่เหมาะสม รวมถึงการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์โบท็อกจากผู้ผลิตที่แตกต่างกันอาจช่วยลดปัญหาดื้อได้ค่ะ
Q : มีกลิ่นตัวกลิ่นเหงื่อ ฉีดโบท็อก ช่วยได้หรือไม่ ?
A : การฉีดโบท็อกสามารถช่วยลดกลิ่นตัวและกลิ่นเหงื่อได้ โดยเฉพาะในกรณีที่มีปัญหากลิ่นเหงื่อที่เกิดจากต่อมเหงื่อทำงานมากเกินไป (hyperhidrosis) โบท็อกจะช่วยลดการผลิตเหงื่อในบริเวณที่ฉีด เช่น ใต้วงแขน ฝ่ามือ หรือเท้า โบท็อกทำงานโดยการบล็อกสัญญาณประสาทที่กระตุ้นต่อมเหงื่อ ทำให้ลดการผลิตเหงื่อในบริเวณที่ฉีด แต่ก่อนทำการฉีด ควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินสาเหตุของกลิ่นเหงื่อและหารือเกี่ยวกับความเสี่ยงและผลข้างเคียง
อ่านบทความที่น่าสนใจเกี่ยวกับ : โบท็อกรักแร้
Q : ฉีดโบท็อก ห้ามนอนราบ กี่ชม. ?
A : หลังจากการฉีดโบท็อก ควรหลีกเลี่ยงการนอนราบประมาณ 4-6 ชั่วโมง เพื่อป้องกันไม่ให้โบท็อกกระจายไปยังบริเวณอื่นที่ไม่ต้องการและลดโอกาสในการเกิดผลข้างเคียง นอกจากนี้ยังควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ทำให้เลือดไหลเวียนมากเกินไป เช่น การออกกำลังกายหนัก หรือการดื่มแอลกอฮอล์ในช่วง 24 ชั่วโมงแรกหลังการฉีด เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดจากการรักษา
Q : ฉีดโบท็อกบ่อย ๆ อันตรายไหม ?
A : การฉีดโบท็อกบ่อย ๆ มีความเสี่ยงที่ควรพิจารณา แต่โดยทั่วไปแล้วหากทำโดยแพทย์ในคลินิกที่น่าเชื่อถือ จะมีความปลอดภัยและสามารถทำได้ อย่างไรก็ตามมีข้อควรระวังและผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้ เช่น การฉีดโบท็อกบ่อยเกินไป อาจทำให้ร่างกายพัฒนาภูมิคุ้มกันต่อโบท็อก ส่งผลให้ประสิทธิภาพลดลงในอนาคต และอาจเกิดอาการไม่พึงประสงค์ เช่น บวม ช้ำ ปวดศีรษะ หรือกล้ามเนื้ออ่อนแรงในบริเวณที่ฉีด
Q : หลังฉีดโบท็อกสามารถแต่งหน้าได้เลยไหม ?
A : ควรหลีกเลี่ยงการแต่งหน้าทันทีในวันนั้น โดยทั่วไปแนะนำให้รอประมาณ 24 ชั่วโมงก่อนที่จะเริ่มแต่งหน้า เพื่อให้ผิวฟื้นฟูและลดโอกาสในการระคายเคืองหรือการติดเชื้อที่อาจเกิดขึ้นในบริเวณที่ฉีด และหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่ระคายเคือง เช่น สกินแคร์ที่มีกรด หรือส่วนผสมที่รุนแรงในช่วง 24 ชั่วโมงแรก รอจนกว่าผิวจะฟื้นตัวดีและไม่มีอาการบวม หรือลดความรุนแรงของการระคายเคือง
Q : โบท็อกมีผลต่อการตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตรหรือไม่ ?
A : โดยทั่วไปแล้ว แพทย์มักไม่แนะนำให้ฉีดโบท็อกในระหว่างการตั้งครรภ์ เนื่องจากยังไม่มีข้อมูลเพียงพอเกี่ยวกับความปลอดภัยของการใช้โบท็อกในหญิงตั้งครรภ์ และอาจมีความเสี่ยงต่อการพัฒนาของทารกในครรภ์ แม้ว่าการวิจัยที่มีอยู่จะไม่แสดงให้เห็นถึงผลกระทบที่ชัดเจนจากโบท็อกต่อการให้นมบุตร แต่แพทย์มักแนะนำให้หลีกเลี่ยงการฉีดโบท็อกในช่วงที่ให้นมบุตรเพื่อความปลอดภัย หากคุณตั้งครรภ์หรือให้นมบุตรและกำลังพิจารณาการฉีดโบท็อก ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญก่อนทำการรักษา เพื่อให้ได้ข้อมูลที่เหมาะสมและปลอดภัยที่สุดสำหรับคุณและลูกน้อย
Q : ฉีดแล้วหน้าจะดูแข็งเป็นหุ่นยนต์ไหม ?
A : หน้าจะไม่ดูแข็งหรือมีลักษณะเหมือนหุ่นยนต์ หากทำโดยแพทย์ที่มีความชำนาญในการฉีดโบท็อก จะสามารถควบคุมปริมาณที่ใช้และเทคนิคการฉีดให้เหมาะสมกับโครงสร้างใบหน้าแต่ละคน และการฉีดในปริมาณที่เหมาะสมจะช่วยให้กล้ามเนื้อในบริเวณที่ฉีดผ่อนคลายโดยไม่ทำให้หน้าดูแข็งเกินไป แพทย์ที่มีประสบการณ์จะรู้ว่าควรฉีดในจุดไหนและใช้ปริมาณเท่าไหร่เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ
Q : หากฉีดแล้วไม่ชอบผลลัพธ์ต้องทำยังไง ?
A : โบท็อกจะใช้เวลาประมาณ 1-2 สัปดาห์ก่อนที่ผลจะชัดเจน ดังนั้นคุณอาจต้องรอสักครู่เพื่อดูว่าผลลัพธ์จะดีขึ้นหรือไม่ และหากคุณยังไม่พอใจกับผลลัพธ์ ควรกลับไปพบแพทย์ที่ทำการฉีดเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับความกังวลของคุณ แพทย์จะสามารถให้คำแนะนำที่เหมาะสม ในบางกรณี แพทย์อาจแนะนำให้ทำการฉีดเพิ่มเติมในปริมาณที่เหมาะสมเพื่อปรับปรุงผลลัพธ์
Q : อายุเท่าไหร่จึงควรฉีดโบท็อก ?
A : โดยทั่วไปแล้ว อายุที่แนะนำสำหรับการฉีดโบท็อกมักอยู่ที่ประมาณ 18 ปีขึ้นไป โดยอาจมีข้อยกเว้นในบางกรณี สำหรับผู้ที่มีปัญหาริ้วรอยหรือกล้ามเนื้อหน้าที่ต้องการการรักษาก่อน อายุไม่ได้เป็นเพียงปัจจัยเดียวในการตัดสินใจ แต่สภาพผิวและการมีริ้วรอยหรือสัญญาณแห่งวัยก็เป็นสิ่งสำคัญที่ควรพิจารณา บางคนอาจต้องการฉีดเพื่อป้องกันการเกิดริ้วรอยในอนาคต ในขณะที่คนอื่นอาจต้องการเพื่อปรับปรุงลักษณะใบหน้าที่มีริ้วรอยอยู่แล้ว
Q : ฉีดโบท็อกแล้วทำ Ultraformer III ได้ไหม ?
A : การทำ Ultraformer III หลังจากการฉีดโบท็อกสามารถทำได้ แต่ควรมีการเว้นระยะเวลาเพื่อให้แน่ใจว่าการรักษาทั้งสองแบบไม่กระทบกัน โดยทั่วไปแนะนำให้รอประมาณ 2-4 สัปดาห์ ก่อนที่จะทำ Ultraformer III ดังนั้นควรปรึกษาแพทย์เพื่อให้ได้รับคำแนะนำที่เหมาะสมเกี่ยวกับระยะเวลาที่เหมาะในการทำทั้งสองหัตถการและความปลอดภัย
สรุป
คำถามยอดฮิตเกี่ยวกับการฉีดโบท็อกมักเกี่ยวข้องกับความปลอดภัยและประสิทธิภาพของการรักษา ผู้คนมักสงสัยว่าโบท็อกเหมาะกับอายุเท่าไหร่ ? จะมีผลข้างเคียงหรือไม่ ? และจะทำให้หน้าดูแข็งหรือไม่ ? และยังมีคำถามอีกมากมายเกี่ยวกับการโบท็อก สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นคำถามที่สำคัญที่ผู้สนใจในการฉีดโบท็อกมักต้องการคำตอบเพื่อช่วยในการตัดสินใจในการรักษาอย่างมั่นใจ หากท่านใดมีคำถามเพื่อเติมอยากปรึกษากับแพทย์ดดยตรง สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ Line Official Account : @Lienjangthailand หรือสามารถเข้ามาติดต่อโดยตรงที่ Lienjang Clinic Thailand ทุกสาขา