บทความ

Article

คนเป็นสิวก็ทำได้! 5 หัตถการทำสวยไม่ต้องรอสิวหาย
Facebook
X
Email

คนเป็นสิวก็ทำได้! 5 หัตถการทำสวยไม่ต้องรอสิวหาย

หัวข้อที่น่าสนใจ

หากคุณกำลังต่อสู้กับปัญหาสิวที่ทำให้ผิวไม่เรียบเนียน และอยากทำหัตถการความงาม แต่ไม่กล้า บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับ “หัตถการที่คนเป็นสิวทำได้” ที่ช่วยฟื้นฟูผิวได้อย่างตรงจุดและปลอดภัย ตั้งแต่การลดการอักเสบ บำรุงฟื้นฟูผิว ไปจนถึงการกระตุ้นคอลลาเจนเพื่อให้ผิวกลับมาเนียนใสอีกครั้ง

อย่าปล่อยให้สิวกลายเป็นตัวการทำลายความมั่นใจของคุณ มาลองค้นหาวิธีที่เหมาะสมกับผิวและปัญหาของคุณเองได้ในบทความนี้ รับรองว่าจะช่วยให้คุณเข้าใจทางเลือกที่หลากหลาย พร้อมตัดสินใจได้ง่ายขึ้นว่าควรเริ่มต้นดูแลผิวด้วยวิธีไหน เพื่อคืนความใสให้ผิวอย่างปลอดภัยและได้ผลลัพธ์มากที่สุด

คนเป็นสิวสามารถทำหัตถการความงามได้ไหม ?

คนเป็นสิวสามารถทำหัตถการความงามได้ไหม ?

คนเป็นสิวสามารถทำหัตถการความงามได้ เนื่องจากหัตถการหลายชนิดช่วยลดการอักเสบ ฟื้นฟูผิว และลดรอยดำ รอยแดง ได้ดีกว่าการใช้สกินแคร์เพียงอย่างเดียว แต่สิ่งสำคัญคือควรให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเป็นผู้ประเมินสภาพผิวและเลือกวิธีการที่เหมาะสมกับระดับความรุนแรงของสิว เพราะหัตถการบางอย่าง เช่น โปรแกรมฟิลเลอร์ โปรแกรมโบท็อกซ์ หรือโปรแกรมเมโสแฟต หากทำในช่วงที่มีสิวอักเสบรุนแรง อาจเสี่ยงติดเชื้อหรือทำให้สิวลุกลามได้ ดังนั้นการรักษาสิวควรทำควบคู่กับการดูแลโดยแพทย์ เพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ได้จริง

สิวเกิดจากอะไร ? เจาะลึกสาเหตุสิวที่หลายคนไม่เคยรู้

สิวเกิดได้จากหลายสาเหตุ โดยหลัก ๆ มักมาจากความผิดปกติของการทำงานของต่อมไขมันและรูขุมขน เมื่อร่างกายผลิตน้ำมัน (Sebum) มากเกินไป ผสมกับเซลล์ผิวที่ตายแล้วและสิ่งสกปรก จึงเกิดการอุดตันจนกลายเป็นสิว นอกจากนี้ยังมีปัจจัยกระตุ้นอื่น ๆ เช่น

  • ฮอร์โมน : ความผันผวนของฮอร์โมน โดยเฉพาะช่วงวัยรุ่น ช่วงมีประจำเดือน หรือภาวะฮอร์โมนไม่สมดุล ทำให้ต่อมไขมันทำงานมากขึ้น
  • พันธุกรรม : หากครอบครัวมีประวัติเป็นสิวง่าย ก็มีโอกาสสูงที่จะเป็นสิว
  • การใช้สกินแคร์หรือเครื่องสำอางไม่เหมาะสม : ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมอุดตันรูขุมขน
  • พฤติกรรมประจำวัน : การล้างหน้าไม่สะอาด พักผ่อนไม่เพียงพอ เครียด หรือกินอาหารบางชนิด เช่น ของมัน ของหวาน
  • เชื้อแบคทีเรีย P. acnes : เป็นตัวกระตุ้นให้สิวอุดตันเกิดการอักเสบ

สิวมีกี่ประเภท มีแบบไหนบ้าง ?

สิวมีหลายประเภท แบ่งได้ตามลักษณะและความรุนแรง โดยทั่วไปจะแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ ๆ คือ สิวที่ไม่อักเสบ และ สิวที่อักเสบ ดังนี้

สิวไม่อักเสบ

  • สิวอุดตันหัวเปิด (Blackheads) หัวสิวเปิดออกมาเป็นสีดำ เกิดจากน้ำมันและสิ่งสกปรกที่อุดตันในรูขุมขน
  • สิวอุดตันหัวปิด (Whiteheads) เป็นตุ่มนูนเล็ก ๆ สีขาว อยู่ใต้ผิวหนัง มักทำให้ผิวไม่เรียบ

สิวอักเสบ

  • สิวตุ่มแดง (Papules) ตุ่มสิวแดงเล็ก ๆ ที่เริ่มอักเสบ กดแล้วเจ็บ
  • สิวหนอง (Pustules) สิวที่มีหนองสีขาวหรือเหลืองตรงกลาง ล้อมรอบด้วยผิวแดง
  • สิวก้อน (Nodules) ก้อนสิวแข็งขนาดใหญ่ใต้ผิวหนัง เจ็บมาก รักษายาก และทิ้งรอยได้ง่าย
  • สิวซีสต์ (Cystic Acne) สิวอักเสบรุนแรงที่สุด เป็นถุงหนองลึกใต้ผิวหนัง มักทิ้งรอยแผลเป็นชัดเจน

อ่านบทความที่น่าสนใจเพิ่มเติม : เจาะลึก! สิวฮอร์โมน คืออะไร ? ทำอย่างไรให้หน้ากลับมาเนียนใส

รู้หรือไม่ ? บริเวณไหนของใบหน้าที่สิวขึ้นบ่อย

รู้หรือไม่ ? บริเวณไหนของใบหน้าที่สิวขึ้นบ่อย

สิวบนใบหน้า มักเกิดในบริเวณที่ต่อมไขมันทำงานค่อนข้างมาก หรือที่เรียกว่า T-Zone เป็นส่วนที่มีรูขุมขนใหญ่และน้ำมันออกเยอะ ทำให้เกิดสิวง่าย บริเวณที่พบบ่อย ได้แก่

  • หน้าผาก มักเกิดสิวจากความมันส่วนเกิน ความเครียด หรือการนอนดึก
  • จมูก ต่อมไขมันเยอะ ทำให้เกิดสิวหัวขาวหรือหัวดำได้ง่าย
  • คาง มักเกี่ยวข้องกับฮอร์โมน โดยเฉพาะในช่วงวัยรุ่นหรือช่วงมีรอบเดือน
  • แก้ม แม้จะไม่มันเท่า T-Zone แต่ก็เกิดได้จากการสัมผัสหน้า มือ โทรศัพท์ หรือผ้าเช็ดหน้า

เช็กพฤติกรรมประจำวัน ที่อาจเป็นตัวการทำให้สิวไม่หายสักที

สิวเรื้อรังบางครั้งไม่ได้เกิดจากผิวหรือฮอร์โมนเพียงอย่างเดียว แต่ยังเกิดจากพฤติกรรมประจำวัน ที่ทำให้สิวไม่หายสักที ลองเช็กตัวเองตามรายการนี้

  1. การล้างหน้าไม่ถูกวิธี ล้างหน้าบ่อยเกินไปทำให้ผิวแห้ง ขาดน้ำมันธรรมชาติ ต่อมไขมันผลิตน้ำมันมากขึ้น และสิวอักเสบเพิ่ม อีกทั้งล้างหน้าไม่สะอาด คราบเครื่องสำอางหรือสิ่งสกปรกตกค้างอาจทำให้รูขุมขนอุดตัน
  2. สัมผัสหน้าบ่อย ใช้มือบีบ แคะ หรือจับหน้า ทำให้แบคทีเรียเข้าสู่รูขุมขน เกิดสิวอักเสบเพิ่ม อีกทั้งการใช้โทรศัพท์หรือหมอนสกปรก เมื่อสัมผัสหน้าซ้ำ ๆ ทำให้เกิดสิว
  3. อาหารและเครื่องดื่ม ของมัน ของทอด น้ำตาลสูง จะไปกระตุ้นต่อมไขมันและฮอร์โมน ทำให้เกิดสิวเพิ่ม อีกทั้งการดื่มน้ำน้อย ก็สามารถไปทำให้ผิวแห้ง ขาดการขับของเสียจนทำให้ สิวไม่ยุบ
  4. ความเครียดและการนอน นอนดึกหรือพักผ่อนไม่เพียงพอ จนทำให้ฮอร์โมน Cortisol สูง จนก่อให้เกิดสิวอักเสบง่ายขึ้น อีกทั้งความเครียด ก็ส่งผลให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อน ทำให้สิวอักเสบหายช้า
  5. ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวไม่เหมาะสม ใช้สกินแคร์ที่อุดตันรูขุมขน (Comedogenic) ผสมหลายผลิตภัณฑ์พร้อมกัน ทำให้ระคายเคืองผิวจนสิวกำเริบ
  6. ฮอร์โมนและยาบางชนิด สิวฮอร์โมน เช่น คางและกรอบหน้า อาจเกิดจากรอบเดือนหรือยาเม็ดคุมกำเนิด ยาบางชนิด เช่น ยากลุ่มสเตียรอยด์ ทำให้ต่อมไขมันทำงานมากขึ้น

รวม 5 หัตถการที่คนเป็นสิวสามารถทำได้ แต่ควรเลือกให้ดี

หัตถการที่คนเป็นสิวสามารถทำได้นั้นมีหลายหัตถการที่สามารถช่วยลดสิวและฟื้นฟูผิวได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ ซึ่งแพทย์มักแนะนำตามสภาพผิว ดังนี้

รวม 5 หัตถการที่คนเป็นสิวสามารถทำได้ แต่ควรเลือกให้ดี

โปรแกรม skinbooster

โดยทั่วไปแล้ว เป็นสิวเล็กน้อยสามารถฉีดโปรแกรม Skinbooster ได้ เพราะตัวยาจะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ลดการอักเสบเล็กน้อย และฟื้นฟูสภาพผิว ขึ้นอยู่กับแต่ละสูตร แต่ละตัวยา โปรแกรม Skinbooster บางตัวอาจไม่ได้ช่วยรักษาสิวโดยตรง แต่ช่วยปรับสมดุลผิว ลดรอยสิว และเพิ่มความแข็งแรงของผิว ทำให้ผิวฟื้นตัวได้ดีขึ้นในระยะยาว

โปรแกรมโบท็อกซ์

สามารถฉีดโปรแกรมโบท็อกซ์ได้แม้คุณเป็นสิว แต่ควรหลีกเลี่ยงการฉีดบริเวณที่มีสิวอักเสบโดยตรง เนื่องจากการฉีดผ่านผิวที่อักเสบอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อหรือทำให้สิวรุนแรงขึ้นได้ แนะนำให้รักษาสิวให้อักเสบน้อยลงก่อน และควรปรึกษาแพทย์ก่อน โดยแพทย์จะประเมินผิวและตำแหน่งสิว เพื่อปรับวิธีฉีดให้เหมาะสม

โปรแกรมยกกระชับ 

คนเป็นสิวสามารถทำหัตถการยกกระชับด้วยเครื่องได้ หากเป็นสิวอุดตันเล็กน้อย หรือสิวผดผื่น โดยทั่วไปสามารถทำโปรแกรม Ulthera , โปรแกรม Thermage หรือเครื่องยกกระชับอื่น ๆ ได้ตามปกติ เครื่องยกกระชับจะยิงพลังงานลึกลงไปที่ชั้นคอลลาเจน ไม่ได้กระทบชั้นผิวด้านบนโดยตรง จึงไม่กระตุ้นให้สิวเพิ่ม แต่มีบางเครื่องยกกระชับที่ใช้เข็ม ควรระวังเป็นพิเศษ

โปรแกรมเมโสแฟต 

โดยทั่วไป เป็นสิวสามารถฉีดโปรแกรมเมโสแฟตได้ โดยแฟตจะฉีดลงชั้นไขมันใต้ผิว ไม่ส่งผลโดยตรงต่อสิวที่อยู่ในชั้นตื้น หากมีสิวเล็กน้อย หรือสิวผดผื่นที่ไม่อักเสบมาก สามารถฉีดเมโสแฟตได้ตามปกติ หากมีสิวอักเสบจำนวนมาก หรือ มีสิวหัวช้าง สิวหนอง บริเวณที่จะฉีด ควรหลีกเลี่ยง เนื่องจากการแทงเข็มผ่านผิวที่อักเสบอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ หรือทำให้สิวลุกลามมากขึ้นได้

โปรแกรมฟิลเลอร์ 

โดยทั่วไป คนที่เป็นสิวสามารถฉีดโปรแกรมฟิลเลอร์ได้ แต่ต้องระวังเป็นพิเศษ ขึ้นอยู่กับชนิดและความรุนแรงของสิว รวมถึงตำแหน่งที่ต้องการฉีด แต่หากถ้ามีสิวอักเสบ สิวหนอง หรือสิวหัวช้าง บริเวณที่จะฉีด ไม่ควรฉีดทันที เพราะเข็มอาจพาเชื้อแบคทีเรียเข้าสู่ชั้นผิวลึก ทำให้เกิดการติดเชื้อรุนแรงได้ ควรรักษาสิวให้อักเสบน้อยลงก่อน

เสี่ยงไหม? หากทำหัตถการขณะเป็นสิวอักเสบ

ถ้าทำหัตถการความงาม (เช่น โปรแกรมฟิลเลอร์ โปรแกรมโบท็อกซ์ หรือโปรแกรมเมโส) ในขณะที่ผิวกำลังเป็นสิวอักเสบอยู่ หรือคนเป็นสิวหนัก อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงตามมาได้หลายอย่าง เช่น

  1. การอักเสบลุกลามมากขึ้น เข็มหรือเครื่องมือที่สัมผัสกับสิวอักเสบ อาจกระตุ้นให้เชื้อแบคทีเรียแพร่กระจายไปยังผิวรอบ ๆ ทำให้สิวอักเสบหนักกว่าเดิม หรือเกิดสิวเม็ดใหม่ขึ้น
  2. ติดเชื้อซ้ำซ้อน หากสิวมีหนอง เมื่อถูกกดหรือโดนกระทบจากหัตถการ อาจทำให้เชื้อเข้าสู่ชั้นผิวลึก เกิดการติดเชื้อรุนแรง หรือเป็นฝีได้
  3. บวม แดง และเจ็บนานกว่าปกติ เนื่องจากผิวบริเวณนั้นอักเสบอยู่แล้ว พอไปกระตุ้นเพิ่ม จะทำให้ระยะเวลาฟื้นตัวนานขึ้น
  4. เสี่ยงเกิดรอยสิว/แผลเป็นถาวร ผิวที่อักเสบง่ายต่อการเกิด post-inflammatory hyperpigmentation (PIH) หรือรอยดำ รอยแดง และอาจพัฒนาไปเป็นหลุมสิว
  5. ผลลัพธ์ของหัตถการไม่สวย เช่น ฟิลเลอร์อาจกระจายตัวไม่สม่ำเสมอ เลเซอร์อาจทำให้สิวยิ่งอักเสบ ไม่ได้ผลลัพธ์ตามที่ตั้งใจ

ข้อควรรู้ก่อนเลือกทำหัตถการความงาม เพื่อผลลัพธ์ที่ปลอดภัยและได้ผลจริง

ข้อควรรู้ก่อนเลือกทำหัตถการความงาม เพื่อผลลัพธ์ที่ปลอดภัยและได้ผลจริง

ข้อควรรู้ก่อนเลือกทำหัตถการความงาม ที่ควรพิจารณาอย่างรอบด้าน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ ปลอดภัย และ เห็นผลจริง ข้อควรรู้ก่อนตัดสินใจทำหัตถการความงาม มีดังนี้

  1. ตรวจสอบปัญหาผิวหรือความกังวลที่แท้จริง เช่น ริ้วรอย รูขุมขนกว้าง หน้าไม่กระชับ สิว รอยดำ ฯลฯ แต่ละปัญหามีหัตถการที่ตอบโจทย์แตกต่างกัน
  2. เลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน ต้องมีใบอนุญาตประกอบกิจการจากกระทรวงสาธารณสุข ใช้ผลิตภัณฑ์และเครื่องมือที่ผ่าน อย. ไทย และสถานที่สะอาด ปลอดเชื้อ
  3. ทำกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น ควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินว่าเหมาะกับหัตถการใด  เทคนิคของแพทย์มีผลต่อความสวยและความปลอดภัย
  4. ตรวจสอบยาหรือสารที่ใช้ ฟิลเลอร์/โบท็อกซ์/สกินบูสเตอร์ ควรเป็นของแท้ สามารถขอดูกล่อง ยี่ห้อ เลข อย. และให้แพทย์แกะต่อหน้า
  5. สภาพผิวและสุขภาพมีผลต่อผลลัพธ์ หากมีสิวอักเสบมาก ผิวแพ้ง่าย หรือโรคประจำตัวบางอย่าง (เช่น เบาหวาน โรคเลือด) และควรแจ้งแพทย์ก่อนทำ และยาบางชนิด (เช่น ยาละลายลิ่มเลือด, สเตียรอยด์) อาจต้องหยุดชั่วคราว
  6. ผลลัพธ์ไม่ได้ถาวรเสมอไป เช่น โบท็อกซ์/ฟิลเลอร์ จะอยู่ได้เพียง 6–12 เดือน บางหัตถการต้องทำต่อเนื่องเป็นคอร์สเพื่อคงผลลัพธ์
  7. ศึกษาผลข้างเคียงและการดูแลหลังทำ อาจมีอาการบวม แดง ช้ำ เข็ม ต้องหลีกเลี่ยงแดด การออกกำลังกายหนัก หรือความร้อนในช่วงแรก
  8. ราคาไม่ใช่ตัวตัดสินเพียงอย่างเดียว ราคาถูกผิดปกติ อาจเสี่ยงเจอของปลอม/หมอกระเป๋า ควรเปรียบเทียบจากคุณภาพ มาตรฐาน และความน่าเชื่อถือ

เป็นสิวแต่อยากทำหัตถการอย่างปลอดภัยต้องที่ ลีเอนจาง 

ถ้าเป็นสิวอยู่แต่ยังอยากดูแลผิวหรือทำหัตถการให้ปลอดภัยจริง ๆ การเลือกทำที่ “ลีเอนจาง คลินิก” ถือว่าตอบโจทย์มาก เพราะที่นี่เน้นความปลอดภัย ได้มาตรฐาน และมีแพทย์ประเมินสภาพผิวก่อนทำทุกครั้ง โดยเลือกหัตถการที่เหมาะกับสภาพผิว ไม่เสี่ยงกระตุ้นให้สิวอักเสบหนักขึ้น 

อีกทั้งยังมีหัตถการด้านสิวโดยเฉพาะอย่างโปรแกรม K-Star Dewy เป็นสารสกัดจากธรรมชาติที่มีคุณประโยชน์ช่วยให้ผิวของคุณดูใสและกระจ่างขึ้น พร้อมเพิ่มความแข็งแรงให้กับผิว ลดสาเหตุการเกิดสิว และรอยจากสิว คนเป็นสิวเยอะสามารถทำได้ หากสนใจทำหัตถการดูแลผิวที่ ลีเอนจาง สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ Line Official Account : @Lienjangthailand

สรุป

สิวไม่ใช่อุปสรรคในการดูแลผิวอีกต่อไป หากเลือกวิธีที่เหมาะสมและปลอดภัย คนเป็นสิวก็สามารถฟื้นฟูผิวให้กลับมาเรียบเนียน กระจ่างใส และมีสุขภาพดีได้เช่นกัน จุดเริ่มต้นสำคัญคือการเข้าใจสภาพผิวของตนเอง เลือกหัตถการที่ตอบโจทย์ และอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยง พร้อมกับผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ

อย่าปล่อยให้สิวหรือรอยสิวทำลายความมั่นใจ ลองเปิดใจให้กับทางเลือกใหม่ ๆ ในการดูแลผิว และเลือกหัตถการที่เหมาะกับคุณที่สุด เพราะผิวสวย สุขภาพดี และความมั่นใจ สามารถกลับคืนมาได้เสมอ เมื่อคุณเริ่มต้นดูแลอย่างถูกวิธีตั้งแต่วันนี้

สอบถามปรึกษาแพทย์ฟรี

สอบถามปรึกษาแพทย์ฟรี