บทความ

Article

ฉีดแฟตแก้ม ลดแก้มห้อย คืนความกระชับให้กับใบหน้า
Facebook
X
Email

ฉีดแฟตแก้ม ลดแก้มห้อย คืนความกระชับให้กับใบหน้า

หัวข้อที่น่าสนใจ

แก้มห้อย แก้มย้อย ปัญหากวนใจใครหลาย ๆ คน เพราะเป็นสาเหตุที่ทำให้ใบหน้าดูไม่เรียว ไม่กระชับ หน้าดูบวม และทำให้เกิดความไม่มั่นใจ ถ่ายรูปมุมไหนก็ไม่รอด แต่ไม่ต้องกังวลอีกต่อไป! เพราะปัญหาเหล่านี้สามารถแก้ไขได้ด้วยการฉีดแฟตแก้ หัตถการที่ช่วยสลายไขมันพร้อมยกกระชับผิว และเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่เห็นผลจริง ได้ผลเร็ว และได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน ฉีดเมโสแฟตแก้มแล้วอยู่ได้กี่เดือน ? มีราคาเท่าไร ? ฉีดแล้วกี่วันเห็นผล ? ทุกข้อสงสัยลีเอนจาง คลินิกได้รวบรวมมาตอบไว้ในบทความนี้แล้วค่ะ

ฉีดแฟตแก้ม คืออะไร ?

ฉีดแฟตแก้ม คืออะไร ?

ฉีดแฟตแก้ม หรือ เมโสแฟต (Meso Fat) คือการฉีดสารละลายเข้าไปใต้ผิวหนังเพื่อช่วยสลายไขมันส่วนเกินในบริเวณที่ต้องการ เช่น บริเวณแก้ม เพื่อลดไขมันสะสมและทำให้ใบหน้าดูเรียวขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาแก้มป่อง แก้มยุ้ย หรือไขมันสะสมที่แก้มมากเกินไป สารที่ใช้ในเมโสแฟตมักจะประกอบไปด้วยสารที่มีคุณสมบัติช่วยสลายไขมัน เช่น ฟอสฟาติดิลโคลีน (Phosphatidylcholine) แอล-คาร์นิทีน (L-carnitine) หรือ วิตามินต่าง ๆ ที่ช่วยเสริมการเผาผลาญไขมัน
การฉีดเมโสแฟตเป็นการลดไขมันเฉพาะจุด (Localized fat reduction) โดยไม่ต้องผ่านการผ่าตัด หลังจากฉีดสารเหล่านี้เข้าไปในบริเวณที่มีไขมันสะสม เซลล์ไขมันจะถูกทำลายและละลายออกไป โดยร่างกายจะขับออกตามระบบทางเดินน้ำเหลืองและระบบขับถ่าย การฉีดเมโสแฟตแก้มเป็นการสลายไขมันเฉพาะจุดบนใบหน้า ดังนั้นควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินและเลือกวิธีการที่เหมาะสมกับตนเองมากที่สุดค่ะ

อ่านบทความเพิ่มเติม : เมโสแฟต (meso fat) คืออะไร ? สลายและลดไขมันได้จริงไหม ?

แก้มเยอะ แก้มห้อย เกิดจากอะไร ?

การที่แก้มเยอะหรือแก้มห้อยสามารถเกิดจากหลายปัจจัย ดังนี้

  1. การสะสมของไขมัน (Fat Accumulation) ไขมันสะสมที่บริเวณแก้มสามารถเกิดขึ้นได้จาก การรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง หรือการใช้ชีวิตที่ไม่ออกกำลังกาย ทำให้เกิดไขมันส่วนเกินสะสมที่ใบหน้า
  2. การสูญเสียความยืดหยุ่นของผิว (Loss of Skin Elasticity) เมื่ออายุมากขึ้น คอลลาเจนและอีลาสตินในผิวหนังจะลดลง ทำให้ผิวสูญเสียความกระชับและเกิดความหย่อนคล้อย ผิวหน้าจึงดูห้อยและไม่กระชับ
  3. โครงสร้างใบหน้าและพันธุกรรม (Facial Structure and Genetics) บางคนอาจมีโครงสร้างใบหน้าที่ทำให้แก้มดูใหญ่หรือห้อยมากกว่าคนอื่น ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้จากพันธุกรรม
  4. การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน (Hormonal Changes) การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกาย เช่น ในช่วงตั้งครรภ์ วัยทอง หรือการใช้ยาที่มีผลต่อฮอร์โมน อาจส่งผลต่อการสะสมไขมันบนใบหน้าได้
  5. การสูญเสียกล้ามเนื้อบริเวณใบหน้า (Muscle Atrophy) การไม่ใช้กล้ามเนื้อบริเวณใบหน้า หรือการสูญเสียกล้ามเนื้อจากอายุที่มากขึ้น ทำให้ใบหน้าดูห้อยและไม่กระชับ
  6. การอักเสบหรือบวม (Inflammation or Swelling) การอักเสบจากสิว การใช้ยาที่มีผลข้างเคียง หรือการแพ้สารบางชนิดสามารถทำให้ใบหน้าดูบวมและแก้มดูเยอะขึ้น
  7. ภาวะอ้วน (Obesity) ภาวะอ้วนสามารถทำให้มีการสะสมไขมันบริเวณใบหน้า ทำให้แก้มดูเยอะหรือห้อยมากขึ้น
  8. การสะสมของน้ำในร่างกาย ( Water Retention) การดื่มน้ำไม่เพียงพอ หรือการบริโภคโซเดียมมากเกินไป อาจทำให้ร่างกายสะสมน้ำมากเกินไป ทำให้ใบหน้าดูบวม

อ่านบทความเพิ่มเติม : ลดเหนียงใต้คาง ภายใน 7 วัน

ฉีดแฟตแก้มต้องใช้กี่ CC

ปริมาณในการฉีดแฟตแก้ม มักจะถูกกำหนดโดยแพทย์ตามความต้องการเฉพาะของแต่ละบุคคล แต่โดยทั่วไปแล้ว ปริมาณในการฉีดต่อครั้งจะอยู่ในช่วงประมาณ 6 CC , 12 CC จนถึง 18 CC ขึ้นอยู่กับปริมาณไขมันที่ต้องการลดและผลลัพธ์ที่ต้องการ การฉีดเมโสแฟตจะทำในหลาย ๆ จุดบนพื้นที่ของแก้มเพื่อให้สามารถกระจายสารที่ใช้ในการสลายไขมันได้อย่างมีประสิทธิภาพและทั่วถึง ควรปรึกษากับแพทย์เพื่อกำหนดปริมาณที่เหมาะสมและวางแผนการรักษาที่ตรงตามความต้องการและสภาพของผิวหนังของคุณ

ฉีดแฟตแก้ม ช่วยสลายไขมันที่แก้มได้อย่างไร ?

ฉีดแฟตแก้ม ช่วยสลายไขมันที่แก้มได้อย่างไร ?

การฉีดแฟตแก้มทำงานโดยใช้สารเฉพาะที่ช่วยสลายไขมันในพื้นที่ที่ฉีด ซึ่งจะช่วยลดไขมันที่สะสมในแก้มได้อย่างมีประสิทธิภาพ วิธีการทำงานมีดังนี้

  • สารที่ใช้ : สารที่ใช้ในการฉีดเมโสแฟตมักจะมีส่วนผสมของ Phosphatidylcholine และ Deoxycholate ซึ่งเป็นสารที่มีคุณสมบัติในการสลายไขมันและช่วยเร่งกระบวนการเผาผลาญไขมันในร่างกาย
  • การทำงานของสาร : เมื่อสารเหล่านี้ถูกฉีดเข้าไปในชั้นไขมันใต้ผิวหนัง สารจะทำลายเซลล์ไขมันและช่วยให้ไขมันถูกสลายและขจัดออกจากร่างกายได้อย่างเป็นธรรมชาติ
  • กระบวนการสลายไขมัน : เซลล์ไขมันที่ถูกทำลายจะถูกนำไปยังระบบน้ำเหลืองและเผาผลาญโดยร่างกาย หลังจากนั้นไขมันจะถูกขับออกจากร่างกายผ่านกระบวนการทางธรรมชาติ
  • ผลลัพธ์ : หลังจากการฉีดเมโสแฟตไขมันในพื้นที่ที่ฉีดจะลดลง ทำให้แก้มดูเล็กลงและมีรูปทรงที่เรียวขึ้น ผลลัพธ์อาจต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์ในการเห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน

ฉีดแฟตแก้ม บวมกี่วัน ?

หลังจากการฉีดแฟตแก้มอาจมีอาการบวมได้ ซึ่งโดยปกติแล้วอาการบวมจะเริ่มลดลงภายใน 2-5 วันหลังจากการฉีด แต่ในบางกรณีอาจใช้เวลานานกว่านั้นประมาณ 1-2 สัปดาห์เพื่อให้อาการบวมลดลงอย่างสมบูรณ์ การใช้ประคบเย็นในช่วง 24-48 ชั่วโมงแรกสามารถช่วยลดอาการบวมได้ และหลีกเลี่ยงการนวดหรือกดทับบริเวณที่ฉีดเพื่อไม่ให้เกิดการบาดเจ็บหรือการกระจายของสาร การพักผ่อนให้เพียงพอและหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่อาจทำให้บวมเพิ่มขึ้น หากคุณมีอาการบวมที่รุนแรงหรือไม่ลดลงหลังจาก 1-2 สัปดาห์ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำและการดูแลที่เหมาะสม

ฉีดแฟตแก้ม กี่วันเห็นผล ?

ฉีดแฟตแก้ม กี่วันเห็นผล ?

ผลลัพธ์จากการฉีดแก้มจะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงภายในระยะเวลา 2-4 สัปดาห์หลังจากการฉีด อย่างไรก็ตาม การเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนและเต็มที่อาจใช้เวลาประมาณ 4-6 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับปริมาณไขมันที่ลดลงและการตอบสนองของร่างกายต่อการรักษา การฉีดเมโสแฟตมักต้องมีการฉีดซ้ำเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ดังนั้นการติดตามผลกับแพทย์และการทำตามคำแนะนำหลังการฉีดเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจ

ฉีดแฟตแก้ม อยู่ได้กี่เดือน ?

ผลลัพธ์จากการฉีดแก้มสามารถอยู่ได้นานประมาณ 6 เดือนถึง 1 ปี ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น การตอบสนองของร่างกายแต่ละคนแตกต่างกัน การลดไขมันอาจนานหรือเร็ว ขึ้นอยู่กับการตอบสนองของร่างกาย การรักษาพฤติกรรมการกินที่ดีและการออกกำลังกายสามารถช่วยให้ผลลัพธ์ยั่งยืนยิ่งขึ้น เนื่องจากผลลัพธ์ของเมโสแฟตไม่ถาวร ผู้ที่ต้องการรักษาผลลัพธ์ให้คงอยู่อาจต้องทำการฉีดซ้ำทุก 3-6 เดือน ขึ้นอยู่กับการสะสมไขมันและปัจจัยส่วนบุคคลอื่น ๆ

ฉีดแฟตแก้ม ยี่ห้อไหนดี ?

ฉีดแฟตแก้ม ยี่ห้อไหนดี ?

การเลือกยี่ห้อของเมโสแฟต (Meso Fat) ควรพิจารณาจากความปลอดภัยและประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ รวมถึงการรับรองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง การใช้ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) หรือองค์กรที่มีความชำนาญในด้านการแพทย์ สามารถช่วยเพิ่มความมั่นใจในความปลอดภัยได้ ควรปรึกษากับแพทย์ เพื่อเลือกยี่ห้อที่เหมาะสมและได้รับการรับรองในประเทศ และเพื่อให้แน่ใจว่าการใช้ผลิตภัณฑ์นั้นปลอดภัยและมีประสิทธิภาพตามที่คุณต้องการ ต่อไปนี้คือเมโสแฟตที่ลีเอนจางมีให้บริการ 6 สูตรดังนี้

  • Super Crystal Junior เหมาะสำหรับท่านที่ไขมันสะสมไม่เยอะมาก
  • Super Crystal Banding สลายไขมันสูตรใหม่ล่าสุด เหมาะสำหรับท่านที่มีไขมันสะสมในปริมาณมาก เน้นการสลายไขมันเป็นหลัก พร้อมสายรัดหน้าหลังการฉีดเพื่อลดการระคายเคืองและอาการระบมบวมของผิวได้เป็นอย่างดี
  • K Star MB Slemming Face สารสกัดจากธรรมชาติที่มีสารสกัดจากข้าวบาร์เลย์ ใบบัวบก และธัญพืชตระกูลถั่ว ช่วยสลายไขมันโดยไม่ทำลายชั้นผิวหนัง ชั้นคอลลาเจนและน้ำในผิว
  • K-Star SASI Slemming Burn Essence เด่นในเรื่องความแสบน้อย ไม่บวม (บางท่านที่ผิวบอบบางจะบวมได้เล็กน้อยหลังฉีด 3-4 ชม.) พร้อมบำรุงผิวด้วยสารสกัดจากธรรมชาติถึง 12 ชนิด
  • Yoon Kwak Ju Sa (Laura) : มีส่วนผสมเด่นของสารสกัดจากสาหร่าย 2 สายพันธุ์ / L-Tyrosine / Amino Peptides และ Visnadine ที่สกัดจากดอก Amni visnaga ช่วยเร่งการเผาผลาญไขมันได้ถึง 2 เท่า โดยมีกรดอะมิโนจำเป็นในปริมาณสูง ทำให้ช่วยกระตุ้นคอลลาเจนให้ผิวเรียบเนียน ลดการอักเสบ และกระชับผิวได้ดี
  • K Star Rosé Intense Slemming Burn Essence มีสารสกัดจากสมุนไพรธรรมชาติ เด่นเรื่องการบำรุงผิวและไม่ทำให้ผิวหย่อนคล้อยหลังการฉีด ไม่ทำลายความชุ่มชื้นของชั้นผิว ไม่ทำให้ผิวแห้ง

ฉีดแฟตแก้ม ราคาเท่าไร ?

ฉีดแฟตแก้ม ราคาจะแตกต่างกันไปตามหลายปัจจัย เช่น คลินิกที่ให้บริการ ประสบการณ์ของแพทย์ และปริมาณที่ฉีด ราคาทั่วไปจะอยู่ในช่วงประมาณ 1,000 ถึง 4,000 บาท ต่อการฉีด 1 ครั้ง หากมีการฉีดซ้ำเพื่อรักษาผลลัพธ์ หรือปริมาณที่ต้องการมากขึ้น ราคาก็อาจเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ควรปรึกษากับคลินิกหรือแพทย์เพื่อขอข้อมูลเกี่ยวกับราคาที่แน่นอน และตรวจสอบรวมถึงความปลอดภัยและคุณภาพของการบริการที่ได้รับ

ฉีดแฟตแก้ม ราคาเท่าไร ?

ฉีดแฟตแก้ม เจ็บไหม ?

การฉีดแฟตแก้มอาจมีความรู้สึกเจ็บหรือไม่สบายผิวบ้าง แต่ความรู้สึกนี้มักจะไม่รุนแรงและสามารถจัดการได้ด้วยการทายาชาบริเวณที่ฉีดเพื่อช่วยลดความรู้สึกเจ็บ หลังจากการฉีด อาจมีอาการเจ็บปวดหรือรู้สึกไม่สบายผิวบ้างในช่วงแรก ซึ่งมักจะเกิดขึ้นเนื่องจากการฉีดและการปรับสภาพของไขมัน แต่ความรู้สึกเหล่านี้มักจะหายไปภายในไม่กี่วัน การดูแลหลังการฉีดยังสามารถช่วยลดความรู้สึกเจ็บและช่วยในการฟื้นตัวได้ เช่น การใช้ประคบเย็นเพื่อบรรเทาอาการบวมและการหลีกเลี่ยงการสัมผัสบริเวณที่ฉีด หากคุณรู้สึกเจ็บหรือมีอาการปวดมากเกินไป ควรปรึกษากับแพทย์เพื่อรับคำแนะนำและการดูแลที่เหมาะสมค่ะ

ข้อห้ามฉีดแฟตแก้ม มีอะไรบ้าง ?

การฉีดแฟตแก้มมีข้อห้ามและข้อควรระวังที่ควรทราบหลายข้อ เพื่อป้องกันปัญหาและความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น การปรึกษากับแพทย์ก่อนการฉีดเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้มั่นใจถึงข้อควรระวังที่อาจส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพของการรักษา เช่น

ข้อห้ามฉีดแฟตแก้ม มีอะไรบ้าง ?

  1. ผู้ที่มีการตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร ไม่ควรฉีดเมโสแฟตในระหว่างตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร เนื่องจากสารที่ฉีดเข้าไปอาจส่งผลต่อทารกในครรภ์หรือผ่านไปยังน้ำนมแม่
  2. ผู้ที่มีโรคประจำตัวรุนแรง เช่น โรคเบาหวานที่ควบคุมไม่ได้ , โรคหัวใจ , โรคไต , โรคตับ , โรคแพ้ภูมิตนเอง (autoimmune diseases) หรือโรคเกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกัน ควรหลีกเลี่ยงการฉีดเมโสแฟต
  3. ผู้ที่มีการติดเชื้อในบริเวณที่จะฉีด หากมีการติดเชื้อ การอักเสบ หรือแผลเปิดในบริเวณที่ต้องการฉีด ไม่ควรทำการฉีดเมโสแฟตจนกว่าจะหายดี
  4. ผู้ที่แพ้สารที่ใช้ในการฉีดเมโสแฟต หากมีประวัติการแพ้สารที่เป็นส่วนประกอบในเมโสแฟต เช่น ฟอสฟาติดิลโคลีน (Phosphatidylcholine), แอล-คาร์นิทีน (L-carnitine) หรือวิตามินต่าง ๆ ควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนการฉีด
  5. ผู้ที่มีปัญหาด้านการแข็งตัวของเลือดหรือใช้ยาละลายลิ่มเลือด การฉีดเมโสแฟตอาจทำให้เกิดรอยช้ำหรือเลือดออกในบางกรณี ผู้ที่มีปัญหาด้านการแข็งตัวของเลือดหรือใช้ยาละลายลิ่มเลือดควรปรึกษาแพทย์ก่อนการฉีด
  6. ผู้ที่เพิ่งผ่านการผ่าตัดในบริเวณใบหน้า หากเพิ่งทำศัลยกรรมหรือมีการผ่าตัดในบริเวณใบหน้า ควรรอให้แผลหายสนิทและปรึกษาแพทย์ก่อนการฉีดเมโสแฟต
  7. ผู้ที่มีภาวะผิวหนังบางเฉียบหรือมีปัญหาผิวหนังรุนแรง เช่น โรคผิวหนังอักเสบ , โรคสะเก็ดเงิน หรือโรคผิวหนังอื่น ๆ ที่มีความรุนแรง ไม่ควรฉีดเมโสแฟตบริเวณดังกล่าว

สรุป

การฉีดแฟตแก้มเป็นวิธีการสลายไขมันที่ได้รับความนิยมอย่างมากอีกโปรแกรม ที่จะช่วยลดการสะสมของไขมันและกระตุ้นการเผาผลาญไขมัน ทำให้ใบหน้าดูเรียวขึ้น กระชับขึ้น และที่สำคัญโปรแกรมนี้เป็นโปรแกรมที่ไม่ต้องผ่าตัดสามารถกลับไปทำกิจกรรมประจำวันได้ทันที สะดวก สบาย และปลอดภัย หากท่านใดสนใจในการลดแก้มห้อยด้วยเมโสแฟต สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Line Official Account : @Lienjangthailand หรือสามารถเข้ามาติดต่อโดยตรงที่ Lienjang Clinic Thailand ทุกสาขาใกล้บ้านค่ะ

สอบถามปรึกษาแพทย์ฟรี

สอบถามปรึกษาแพทย์ฟรี