หากคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังมองหาวิธีฟื้นฟูผิวหน้าให้กลับมากระจ่างใส ชุ่มชื้น และสุขภาพดีอย่างเป็นธรรมชาติ การฉีดเมโสหน้าใสถือเป็นหนึ่งในตัวเลือกยอดนิยมที่หลายคนให้ความไว้วางใจ แต่รู้หรือไม่ว่าเมโสหน้าใสมีหลายสูตร หลายแบบ และเหมาะกับปัญหาผิวที่แตกต่างกันออกไป ไม่ใช่ทุกคนจะใช้สูตรเดียวกันแล้วได้ผลเหมือนกัน ดังนั้น การเลือกให้เหมาะกับ “สภาพผิว” และ “ปัญหาผิวเฉพาะตัว” จึงเป็นกุญแจสำคัญที่จะทำให้คุณเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนและปลอดภัยที่สุด
บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับโปรแกรมเมโสหน้าใสแต่ละแบบ พร้อมแนะนำสูตรยอดฮิตจาก Lienjang Clinic ที่คัดสรรมาเพื่อตอบโจทย์แต่ละปัญหาผิวโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นผิวแห้ง ผิวหมองคล้ำ มีสิว หรือผิวบอบบางแพ้ง่าย เราจะช่วยให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้นว่า ควรเลือกฉีดเมโสสูตรไหนดี ? เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตรงใจและผิวหน้าที่ใสขึ้นอย่างที่คุณต้องการ!
คำว่า ‘เมโส’ มีที่มาจากอะไร ?
คำว่า ‘เมโส’ มาจากคำว่า Mesotherapy ซึ่งเป็นเทคนิคทางการแพทย์ที่ถูกพัฒนาขึ้นครั้งแรกในประเทศฝรั่งเศส คำว่า “เมโส” (Meso) มีรากศัพท์จากภาษากรีก แปลว่า “กลาง” หรือ “ชั้นกลาง” ซึ่งหมายถึงการรักษาที่มุ่งเน้นการฉีดสารบำรุงเข้าสู่ผิวหนังชั้นกลาง (Mesoderm) โดยตรง
วิธีนี้จึงช่วยให้สารสำคัญ เช่น วิตามิน แร่ธาตุ หรือสารต้านอนุมูลอิสระต่าง ๆ ซึมลึกและออกฤทธิ์ได้ตรงจุดมากกว่าการทาครีมทั่วไป ปัจจุบันนิยมใช้เมโสในการบำรุงผิวหน้าให้กระจ่างใส ลดฝ้า กระ จุดด่างดำ รวมถึงใช้ในด้านความงามอื่น ๆ เช่น ลดไขมันเฉพาะจุดหรือกระชับสัดส่วนอีกด้วย
อ่านบทความเพิ่มเกี่ยวกับ : เมโสหน้าใส คืนความอ่อนเยาว์ ปรับผิวฉ่ำวาวแบบสาวเกาหลี
ฉีดเมโสหน้าใส ช่วยอะไร ?
การฉีดเมโสหน้าใสช่วยบำรุงผิวหน้าอย่างล้ำลึกด้วยการส่งผ่านสารอาหาร วิตามิน และสารต้านอนุมูลอิสระเข้าสู่ผิวหนังชั้นกลางโดยตรง ซึ่งให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนและรวดเร็วกว่าการทาครีมเพียงภายนอก โดยประโยชน์หลัก ๆ ของการฉีดเมโสหน้าใส ได้แก่
- ช่วยให้ผิวหน้ากระจ่างใส ลดความหมองคล้ำและสีผิวไม่สม่ำเสมอ
- ลดรอยสิว ฝ้า กระ จุดด่างดำ และปรับโทนสีผิวให้ดูสม่ำเสมอยิ่งขึ้น
- กระชับรูขุมขน ทำให้ผิวหน้าเรียบเนียนขึ้น
- เติมความชุ่มชื้นให้ผิว ลดปัญหาผิวแห้ง ลอก หรือขาดน้ำ
- ลดการอักเสบของผิว โดยเฉพาะในสูตรที่มีสารต้านการอักเสบ เหมาะกับคนที่มีสิวหรือผิวแพ้ง่าย
- ฟื้นฟูผิวที่อ่อนล้า จากแสงแดด มลภาวะ หรือการพักผ่อนไม่เพียงพอ ให้กลับมาดูสดใสสุขภาพดี
ลักษณะหน้าใสเป็นอย่างไร ?
ลักษณะของหน้าใส คือผิวหน้าที่ดูสุขภาพดีจากภายใน สะท้อนความชุ่มชื้นและความกระจ่างใสออกมาภายนอก โดยไม่จำเป็นต้องขาวซีดหรือไม่มีรูขุมขนเลย ซึ่งผิวหน้าใสที่หลายคนต้องการมีลักษณะเด่น ๆ ดังนี้
- ผิวดูเรียบเนียน ไม่มีรอยสิว หลุมสิว หรือผิวขรุขระ
- โทนสีผิวสม่ำเสมอ ไม่มีรอยแดง จุดด่างดำ หรือฝ้ากระชัดเจน
- ผิวมีความกระจ่างใสแบบธรรมชาติ ไม่หมอง ไม่โทรม และไม่ดูคล้ำเสีย
- มีความชุ่มชื้น ไม่แห้งลอก ผิวดูอิ่มน้ำ แต่งหน้าติดง่าย
- รูขุมขนกระชับ ไม่เห็นรูขุมขนชัดเจน หรือมีปัญหาผิวมันบริเวณทีโซน
- มีความยืดหยุ่นดี ดูเต่งตึง ไม่หย่อนคล้อยหรือมีริ้วรอยก่อนวัย
ฉีดเมโสหน้าใส ดีไหม ?
การฉีดเมโสหน้าใส ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวให้กลับมากระจ่างใส ชุ่มชื้น และสุขภาพดีอย่างรวดเร็ว เพราะเมโสสามารถส่งสารบำรุงลึกถึงชั้นผิวกลางได้โดยตรง ซึ่งให้ผลดีกว่าการทาครีมเพียงภายนอก โดยข้อดีของเมโสหน้าใสมีดังนี้
- เห็นผลไว ผิวดูชุ่มชื้นและสดใสขึ้นหลังทำไม่กี่วัน
- บำรุงลึกตรงจุด ด้วยวิตามินและสารบำรุงที่คัดสรรมาเฉพาะ
- ช่วยลดปัญหารอยสิว ฝ้า กระ จุดด่างดำ และผิวหมองคล้ำ
- ทำให้ผิวหน้าแข็งแรงขึ้น เมื่อทำต่อเนื่อง ผิวจะดูฟูขึ้นแต่งหน้าง่ายขึ้น
- เหมาะกับคนที่มีเวลาน้อย เพราะใช้เวลาทำไม่นาน และไม่ต้องพักฟื้น
ฉีดเมโสหน้าใส หน้าบวมกี่วัน ?
หลังการฉีดเมโสหน้าใส อาจเกิดอาการหน้าบวมเล็กน้อยหรือบวมเฉพาะจุดที่ฉีด ซึ่งเป็นอาการปกติและมักจะหายได้เองภายใน 1–3 วัน ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ เช่น
- สภาพผิวของแต่ละคน คนผิวบอบบางหรือแพ้ง่ายอาจบวมนานกว่า
- ตัวยาที่ใช้ สูตรที่มีสารกระตุ้นผิวบางชนิดอาจทำให้เกิดการบวมหรือแดงมากขึ้น
- เทคนิคของผู้ฉีด หากแพทย์มีความชำนาญ อาการบวมจะน้อยและฟื้นตัวไว
- วิธีดูแลหลังฉีด เช่น หลีกเลี่ยงการแต่งหน้า แสงแดด หรือการนวดหน้าแรง ๆ หลังทำ
เคล็ดลับลดบวมเร็ว ประคบเย็นเบา ๆ ในบริเวณที่ฉีด นอนหมอนสูงในคืนแรกเพื่อลดอาการบวม ดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อช่วยขับสารออกจากร่างกาย และงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และอาหารรสจัดชั่วคราว หากอาการบวมนานเกิน 3 วัน หรือมีอาการผิดปกติเช่น เจ็บ แดงร้อน หรือมีผื่นขึ้น ควรรีบปรึกษาแพทย์ทันที เพื่อความปลอดภัย
เมโสหน้าใส มีกี่แบบ ? เมโสหน้าใสแต่ละยี่ห้อต่างกันอย่างไร ?
เมโสหน้าใส มีหลายแบบให้เลือกตามปัญหาผิว และมีหลายยี่ห้อที่ใช้สารบำรุงต่างกัน ซึ่งแต่ละสูตรจะมีจุดเด่นและเหมาะกับสภาพผิวที่ต่างกัน โดยสามารถแบ่งออกเป็น 2 แบบหลัก ๆ และมีหลาย “ยี่ห้อ” หรือ “สูตร” ย่อย ดังนี้
- แบบเข็ม (Needle Mesotherapy) ฉีดตัวยาเข้าสู่ผิวหนังชั้นกลางโดยตรง เห็นผลชัดเจนและรวดเร็วกว่า เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาชัดเจน เช่น รอยสิว จุดด่างดำ ผิวโทรม
- แบบไม่ใช้เข็ม (No Needle Mesotherapy) ใช้เครื่องมือผลักวิตามินเข้าสู่ผิวด้วยคลื่นไฟฟ้า เหมาะกับผู้ที่กลัวเข็ม ผิวแพ้ง่าย หรือเพิ่งเริ่มดูแลผิวแบบล้ำลึก แต่ผลลัพธ์อาจช้ากว่าแบบฉีด
ฉีดเมโสหน้าใส กี่วันเห็นผล ?
การฉีดเมโสหน้าใสมักเริ่มเห็นผลภายใน 3–7 วัน หลังทำ โดยเฉพาะในเรื่องของผิวที่ดูชุ่มชื้นขึ้น สดใสขึ้น และแต่งหน้าติดง่ายขึ้น เนื่องจากสารบำรุงที่ฉีดเข้าสู่ชั้นผิวสามารถฟื้นฟูผิวได้ลึกและรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม ระยะเวลาในการเห็นผลอาจแตกต่างกันไปตามสภาพผิวเดิมของแต่ละคน สูตรเมโสที่ใช้ และการดูแลผิวหลังฉีด หากต้องการเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนและยาวนาน ควรฉีดอย่างต่อเนื่องตามคำแนะนำของแพทย์ โดยเฉลี่ย 3–5 ครั้ง ห่างกันครั้งละ 1–2 สัปดาห์ เพื่อให้ผิวแข็งแรง ใสขึ้น และคงผลลัพธ์ได้นานยิ่งขึ้น
เมโสหน้าใสควรฉีดกี่ครั้งและบ่อยแค่ไหนถึงเห็นผล ?
การฉีดเมโสหน้าใสควรทำอย่างต่อเนื่องประมาณ 3–5 ครั้ง โดยเว้นระยะห่างกันครั้งละ 7–14 วัน เพื่อให้สารบำรุงทำงานอย่างต่อเนื่องและกระตุ้นการฟื้นฟูผิวได้ลึกถึงชั้นใน ซึ่งจะช่วยให้เห็นผลลัพธ์ชัดเจนมากขึ้น ทั้งในเรื่องของความกระจ่างใส ความชุ่มชื้น และลดเลือนจุดด่างดำหรือริ้วรอยเล็ก ๆ หลังจากครบคอร์สแล้ว สามารถฉีด ทุก 1–2 เดือน เพื่อคงสภาพผิวให้ดูใสสุขภาพดีอย่างยาวนาน โดยควรอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์ผิวหนังหรือคลินิกที่เชื่อถือได้เพื่อความปลอดภัย
รวมเมโสหน้าใสยอดฮิต พร้อมแนะนำสูตรที่ Lienjang Clinic
ที่ Lienjang Clinic Thailand มีเมโสสูตรเฉพาะที่พัฒนาร่วมกับทีมแพทย์เกาหลี โดยเน้น “การปรับผิวให้กระจ่างใสแบบเกาหลี” และผลลัพธ์ที่ปลอดภัย เห็นผลไว โดยมีสูตรที่นิยม ได้แก่
- โปรแกรมชาแนล (Chanels) ช่วยฟื้นฟูสภาพผิวด้วย HA สูตรเข้มข้น เติมเต็มผิวที่เสียหาย ซึ่งเน้นการเติมความชุ่มชื้นและทำให้ผิวเปล่งปลั่งใส และช่วยเพิ่มความเรียบเนียน
- โปรแกรม EXO Repair Skin Essence คือหนึ่งในโปรแกรมดูแลผิวขั้นสูงที่ได้รับความนิยมในคลินิกความงามยุคใหม่ โดยเฉพาะในคลินิกเกาหลีและไทยที่เน้นผลลัพธ์ระดับเซลล์ผิว จุดด่างดำ ปรับโทนสีผิว ฟื้นฟูผิวที่เสื่อมสภาพ แก่ก่อนวัย เป็นนวัตกรรมฟื้นฟูที่สามารถฟื้นฟูเซลล์ผิวได้ลึกถึงระดับไมโคร
- โปรแกรม K-Star Dewy Rejuvenate serum จะเป็นการฉีดมาเด้และคอลลาเจนที่สกัดจากธรรมชาติที่มีคุณประโยชน์ ที่จะช่วยปัญหาสิวเรื้อรังจากความสมดุลของฮอร์โมนที่ผิดปกติ เปรียบเสมือนการให้สารอาหารผิว ช่วยให้เซลล์ผิวแข็งแรง ช่วยให้ผิวหน้าสดใสเปล่งปลั่ง ฉ่ำวาว
- โปรแกรม Melasma Care โปรแกรมที่ถูกออกแบบมาให้แก้ปัญหาฝ้า และกระ โดยเฉพาะ ตามที่ได้กล่าวมาข้างต้น ฝ้า และกระเกิดขึ้นจากการผลิตเม็ดสีเมลานินที่ผิดปกติ ดังนั้น Melasma Care จะเป็นการนำสารบำรุงผิวเข้าไปยังชั้นผิว เพื่อยับยั้งการผลิตเม็ดสีให้น้อยลง เป็นผลทำให้ผิวในบริเวณดังกล่าวมีความกระจ่างใสขึ้น
ควรเลือกฉีดเมโสหน้าใสแบบไหนดี ? ให้เหมาะกับปัญหาผิว
การเลือกฉีดเมโสหน้าใสแบบไหนดี ควรดูจาก ปัญหาผิวของคุณเป็นหลัก เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนและคุ้มค่า ซึ่งสามารถแบ่งตามปัญหาผิวที่พบบ่อยได้ดังนี้
- ผิวแห้ง ขาดน้ำ แต่งหน้าไม่ติด เหมาะกับโปรแกรมชาแนล (Chanels)
- ผิวหมองคล้ำ สีผิวไม่สม่ำเสมอ ฝ้า กระ เหมาะกับเมโสสูตรวิตามินซี หรือสารช่วยยับยั้งเม็ดสีเมลานิน เช่นโปรแกรม Melasma Care
- มีสิว ผิวมัน รูขุมขนกว้าง มีสิว เหมาะกับเมโสที่มีสารลดการอักเสบ เช่น โปรแกรม K-Star Dewy Rejuvenate serum
- ผิวแพ้ง่าย ระคายเคืองง่าย ฟื้นฟูผิวโดยรวม เหมาะกับสูตรอ่อนโยน ไม่มีสารกระตุ้นเม็ดสีหรือกรดเข้มข้น เช่น โปรแกรม EXO Repair Skin Essence
อ่านบทความเพิ่มเกี่ยวกับ : 14 วิธีทำให้หน้าใส สวยอย่างมั่นใจ แบบผิวสุขภาพดี
ข้อจำกัดของการฉีดเมโสหน้าใส
การฉีดเมโสหน้าใสแม้จะให้ผลลัพธ์ที่ดีในการบำรุงและฟื้นฟูผิว แต่ก็มี ข้อจำกัดบางประการ ที่ควรพิจารณาก่อนตัดสินใจทำ ดังนี้
- เมโสหน้าใสให้ผลลัพธ์เพียงชั่วคราว หากหยุดฉีด ผิวอาจกลับมาหมองหรือแห้งได้ จึงควรทำเป็นคอร์สและบำรุงควบคู่สม่ำเสมอ
- ต้องฉีดหลายครั้งจึงเห็นผลชัดเจน การฉีดเพียง 1 ครั้งอาจเห็นผลเพียงเล็กน้อย ต้องทำต่อเนื่อง 3–5 ครั้งขึ้นไปเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ชัดเจน
- มีความเสี่ยงเรื่องการแพ้หรือระคายเคือง โดยเฉพาะหากใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่มี อย. หรือไม่ได้ฉีดโดยแพทย์ อาจเสี่ยงผื่น แพ้ หรืออักเสบ
- ไม่สามารถใช้แทนการรักษาปัญหาผิวเฉพาะทางได้ทั้งหมด เช่น ฝ้าลึก ริ้วรอยลึก หรือรูขุมขนกว้างมาก อาจต้องใช้เลเซอร์ ร้อยไหม หรือหัตถการอื่นร่วมด้วย
- ต้องดูแลผิวอย่างเหมาะสมหลังฉีด เช่น งดแต่งหน้า งดโดนแดดจัด และใช้ครีมบำรุงตามคำแนะนำแพทย์ มิฉะนั้นผลลัพธ์อาจลดลง
สรุป
การฉีดเมโสหน้าใส ถือเป็นหนึ่งในทางเลือกยอดนิยมของคนที่อยากฟื้นฟูผิวหน้าให้กลับมากระจ่างใส ชุ่มชื้น และสุขภาพดีได้ในระยะเวลาสั้น ๆ ด้วยกระบวนการส่งผ่านสารบำรุงเข้าสู่ชั้นผิวโดยตรง ทำให้เห็นผลลัพธ์ได้ไวและตรงจุดมากกว่าการทาครีมทั่วไป แม้จะมีข้อจำกัดบางประการ เช่น ต้องทำต่อเนื่อง หรือมีความเสี่ยงหากไม่ได้อยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์
แต่หากเลือกใช้บริการกับคลินิกที่มีความน่าเชื่อถือ และเลือกสูตรเมโสที่เหมาะสมกับสภาพผิว ก็จะช่วยให้คุณเผยผิวหน้าใส ดูสุขภาพดีอย่างเป็นธรรมชาติได้อย่างปลอดภัย สุดท้ายนี้ ไม่ว่าคุณจะมีปัญหาผิวแบบไหน หากได้รับการดูแลอย่างตรงจุดและต่อเนื่อง ผิวที่ใสและสุขภาพดีในแบบที่ต้องการก็ไม่ใช่เรื่องไกลเกินเอื้อม หากสนใจโปรแกรมเมโสหน้าใสที่ ลีเอนจาง คลินิก สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Line Official Account : @Lienjangthailand