บทความ

Article

บูสผิวใสด้วยโปรแกรม Juvelook คืออะไร ? ช่วยเรื่องอะไรบ้าง ?
Facebook
X
Email

บูสผิวใสด้วยโปรแกรม Juvelook คืออะไร ? ช่วยเรื่องอะไรบ้าง ?

หัวข้อที่น่าสนใจ

ในปัจจุบันเทรนด์งานผิวถือว่ามาแรงอย่างมาก สาว ๆ เริ่มหันมาสนใจที่จะดูแลผิวและอวดผิวสวยกันมากขึ้น วันนี้ ลีเอนจาง คลินิก มีตัวช่วยผิวสวยที่จบปัญหาหน้าแก่ก่อนวัยมาแนะนำ นั่นก็คือ “Juvelook” เป็น Biostimulator ตัวดัง ที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และช่วยเติมเต็มให้กับผิว จึงทำให้ผิวดูแน่นกระชับ อิ่มฟู เก็บร่องลึก รอยแตกลายให้ดูตื้นขึ้น

คอลลาเจนถือว่าเป็นสิ่งสำคัญต่อผิวหนัง แต่จะเริ่มสูญเสียคอลลาเจนเมื่ออายุ 18 ปี การสูญเสียจะเร็วขึ้นหลังอายุ 25 ปี และจะลดลง 1% ทุกปีหลังอายุ 40 ปี การสูญเสียคอลลาเจนจะทำให้ผิวหนังสูญเสียความกระชับ จนก่อให้เกิดความแห้งกร้าน และริ้วรอยอย่างกะทันหัน โปรแกรมจูวีลุค ถือว่าเป็นตัวช่วยที่ดีในการแก้ไขปัญหานี้

โปรแกรม Juvelook คืออะไร ?

JuveLook คือ Biostimulator กระตุ้นคอลลาเจนแบบฉีด ที่ผสมผสานกันระหว่าง Hyaluronic Acid (HA) และ Poly-D, L-Lactic Acid (PDLLA) เพื่อให้เกิดผลลัพธ์สองประการคือ การให้ความชุ่มชื้นอย่างเข้มข้นและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ด้วยขนาดอนุภาคตั้งแต่ 10 ถึง 40 ไมโครเมตร มักใช้เพื่อเติมเต็มและเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับผิวหนัง เช่น การเติมร่องแก้ม ริมฝีปาก และใต้ตา

JuveLook แตกต่างจาก skin booster แบบเดิม เนื่องจากมีส่วนประกอบของ Poly-D, L-Lactic Acid (PDLLA) ที่ได้รับการรับรองมาตฐานทางการแพทย์ ซึ่ง skin booster บางตัวจะมีเพียง Hyaluronic Acid HA (เป็นส่วนประกอบที่มีในฟิลเลอร์) เป็นส่วนประกอบหลักเพียงอย่างเดียว เมื่อฉีดจูวีลุคเข้าไปในผิวหนัง โมเลกุล HA จะเติมความชุ่มชื้นในผิวทันที และโมเลกุล PDLA ที่ละเอียดจะทำงานร่วมกับร่างกาย เพื่อกระตุ้นไฟโบรบลาสต์และกระตุ้นการผลิตคอลลาเจน

โปรแกรม Juvelook คืออะไร ?

PDLLA คืออะไร ?

Poly-D, L-Lactic Acid (PDLLA) เป็นไบโอพอลิเมอร์ชีวภาพ ที่ทำจากกรดแลคติกที่มีการจัดเรียงโมเลกุลเฉพาะ ซึ่งมีคุณสมบัติในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นใต้ผิวหนัง ช่วยให้ผิวดูเต่งตึงและเติมเต็มได้อย่างมีประสิทธิภาพ PDLLA เป็นไบโอพอลิเมอร์ชีวภาพที่สกัดจากธรรมชาติบริสุทธิ์ 100% และได้รับการรับรองจาก FDA ว่าสามารถใช้ในร่างกายมนุษย์ได้ จึงทำให้เป็นไอโซเมอร์ที่เข้ากับร่างกายได้ดี และถูกนำมาใช้กันอย่างแพร่หลายในวงการแพทย์ PDLLA ซึ่งเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการการเติมเต็มที่ดูเป็นธรรมชาติและมีผลลัพธ์ที่ยาวนาน โดยผลลัพธ์จะค่อย ๆ พัฒนาและเป็นธรรมชาติมากขึ้นตามเวลา

หลักการทำงานของ Juvelook

หลักการทำงานของ Juvelook

Juvelook มีคุณสมบัติในการเติมเต็ม กระตุ้นคอลลาเจน และช่วยแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ของผิวหน้า โดยมีหลักการทำงานดังนี้

  • Physical support (โดยทันที) Hyaluronic Acid (HA) ที่ฉีดเข้าสู่ผิวจะช่วยเติมเต็มและลดเลือนริ้วรอยได้ทันที ทำให้ผิวเรียบเนียนขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ในขณะเดียวกัน อนุภาคขนาดเล็ก PDLLA จะเป็นตัวช่วยที่ล็อค HA ทำงานได้ดีขึ้น เพื่อให้มั่นใจว่าบริเวณเป้าหมายที่ฉีดได้รับการเติมเต็มอย่างเต็มที่
  • Restoration (หลังจาก 1 เดือน) ในขณะที่ Hyaluronic Acid (HA) ทำงาน อนุภาคขนาดเล็กของ PDLLA จะเริ่มกระตุ้นการผลิตไฟโบรบลาสต์และการผลิตคอลลาเจนในระยะยาว ส่งผลให้ผิวมีความยืดหยุ่นและเรียบเนียนอย่างเห็นได้ชัด
  • Maintenance (ภายใน 6 เดือน) หลังจากการผลิตคอลลาเจนเป็นเวลานาน ผิวของคุณจะเริ่มคงตัวและสามารถมองเห็นผลลัพธ์ได้อย่างชัดเจนที่สุด ความสามารถในการย่อยสลายทางชีวภาพของจูวีลุค จะช่วยคืนคอลลาเจนและซ่อมแซมผิวที่สึกหรอ มอบผิวใหม่ที่สวยงามอย่างเป็นธรรมชาติให้กับคุณ

Juvelook ช่วยอะไร ? ดีอย่างไร ?

Juvelook ช่วยอะไร ? ดีอย่างไร ?

Juvelook ต่างจาก Skin Booster ตัวอื่น ๆ ตรงที่ช่วยปรับผิวให้สวยขึ้น โดยการผลิตคอลลาเจนภายในร่างกายขึ้นเอง ดังนั้นจึงเป็นหัตถการที่ปลอดภัย ฉีดแล้วไม่เป็นก้อนและได้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ และเป็นตัวช่วยที่ดีในหลายด้าน เช่น

  1. เติมเต็มร่องลึกและลดเลือนริ้วรอย: สามารถช่วยเติมเต็มร่องลึกบนใบหน้า เช่น ร่องแก้ม ร่องมุมปาก และริ้วรอยหน้าผาก ทำให้ผิวดูเรียบเนียนและอ่อนเยาว์ขึ้น
  2. ช่วยเติมเต็มให้กับใบหน้า: สำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหน้าที่เริ่มหย่อนคล้อยหรือมีร่องลึก และยัง สามารถช่วยเติมเต็มในบริเวณต่าง ๆ ได้
  3. ฟื้นฟูความยืดหยุ่นของผิว: สารไฮยาลูรอนิกในจูวีลุค ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นและความเต่งตึงให้กับผิว ทำให้ผิวดูสดใสและมีชีวิตชีวาขึ้น
  4. ให้ความชุ่มชื้น: ด้วยคุณสมบัติการอุ้มน้ำของสารไฮยาลูรอนิก จึงช่วยให้ผิวมีความชุ่มชื้นและลดความแห้งกร้านช่วยปรับสภาพผิวและกระชับรูขุมขน
    ลดรอยแผลเป็น: ในบางกรณี Juvelook สามารถใช้เพื่อลดรอยแผลเป็นที่เกิดจากสิวหรือบาดแผลอื่น ๆ (ไม่ช่วยแผลคีลอยด์) ทำให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้น
  5. ให้ผลลัพธ์ทันที: หนึ่งในข้อดีของการฉีดโปรแกรมจูวีลุค คือสามารถเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนทันทีหลังการฉีด โดยผิวจะดูเต่งตึงและเรียบเนียนขึ้นในทันที
  6. ให้ผลลัพธ์ยาวนาน: แม้ว่าผลลัพธ์จะไม่ถาวร แต่มีผลลัพธ์ที่ยาวนานเป็นปีหรือมากกว่านั้น ขึ้นอยู่กับการดูแลรักษาและพื้นที่ที่ฉีด

โปรแกรม Juvelook เหมาะกับใคร ?

โปรแกรม Juvelook ได้รับการออกแบบมาเพื่อจัดการกับปัญหากังวลใจของใบหน้า ทำให้โปรแกรมจูวีลุคเหมาะสำหรับทุกวัยและทุกสภาพผิว และยังเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ไม่อยากผ่าตัดหรือทำเลเซอร์ สามารถเช็คความเหมาะสมได้ดังนี้

  • ผู้ที่มีผิวแห้งและหมองคล้ำ: ปริมาณกรดไฮยาลูโรนิก (HA) ใน Juvelook ให้ความชุ่มชื้นอย่างล้ำลึกซึ่งสามารถจัดการกับปัญหาผิวแห้งและหมองคล้ำได้ทันที ทำให้ผิวรู้สึกฉ่ำวาว สดชื่นและมีชีวิตชีวา
  • ผู้ที่มีรอยแผลเป็นจากสิว: โปรแกรมจูวีลุค มีประสิทธิภาพในการลดเลือนรอยแผลเป็นจากสิวได้ เช่น หลุมสิว ช่วยปรับสภาพผิวบริเวณรอยแผลเป็นจากสิว ให้ผิวเรียบเนียนขึ้น
  • ผู้ที่มีรูขุมขนกว้าง: การรักษานี้ได้ผลดีกับผู้ที่มีรูขุมขนกว้างหรือมีผิวแพ้ง่าย โดยเฉพาะบริเวณรอบจมูก โปรแกรมจูวีลุค มี PDLLA ซึ่งเพิ่มความยืดหยุ่นและความกระชับของผิว ช่วยปรับแต่งและลดเลือนรูขุมขนที่ขยายใหญ่ขึ้น
  • ผู้ที่มีริ้วรอยและรอยย่น: เมื่อความชุ่มชื้นและการกระตุ้นคอลลาเจนทำงานร่วมกัน จึงเกิดการขจัดริ้วรอยและรอยย่น ทำให้ริ้วรอยและร่องลึกรอบ ๆ ใบหน้าดูจางลง
  • ผู้ที่ต้องการเพิ่มความเต็มอิ่ม: ในบางคนอาจมีปัญหาในเรื่องของใบหน้าเหี่ยวย่น ไม่กระชับอยากที่เพิ่มวอลลุ่ม ความเต็มอิ่มให้กับใบหน้า

โปรแกรม Juvelook สามารถฉีดบริเวณไหนได้บ้าง ?

สามารถฉีดได้ในหลายบริเวณของใบหน้า เพื่อแก้ไขปัญหาผิวต่าง ๆ และการเลือกบริเวณที่จะฉีด Juvelook ควรปรึกษากับแพทย์ เพื่อให้ได้รับคำแนะนำที่เหมาะสม ปลอดภัยตามความต้องการและสภาพผิวของแต่ละบุคคล บริเวณที่สามารถฉีดได้มีดังนี้

โปรแกรม Juvelook สามารถฉีดบริเวณไหนได้บ้าง ?

  • หน้าผาก: เพื่อเติมเต็มริ้วรอยและร่องลึกบริเวณหน้าผาก ทำให้หน้าผากเรียบเนียนขึ้น
  • รอบดวงตา: เพื่อแก้ไขปัญหาริ้วรอยรอบดวงตา ตีนกา และร่องลึกใต้ตา
  • แก้ม: เพื่อเติมเต็มและยกกระชับแก้ม ทำให้แก้มดูเต่งตึงและมีวอลลุ่ม
  • ร่องแก้ม: เพื่อเติมเต็มร่องลึกที่มักเกิดขึ้นระหว่างจมูกและมุมปาก
  • มุมปาก: เพื่อยกกระชับและเติมเต็มมุมปากที่หย่อนคล้อยหรือมีรอยลึก
  • กรอบหน้า: เพื่อเติมเต็มและปรับรูปกรอบหน้าให้ดูคมชัดและยกกระชับ
  • ลำคอและมือ: Juvelook สามารถใช้ฉีดบริเวณลำคอและมือได้ เพื่อเติมเต็มและฟื้นฟูความเต่งตึงของผิว

โปรแกรม Juvelook ปลอดภัยหรือไม่ ?

โปรแกรมจูวีลุคนั้นถือว่าปลอดภัย ไม่เป็นอันตราย หากดำเนินการโดยแพทย์ผู้มีประสบการณ์ และในส่วนประกอบของตัวยาเป็นสารบริสุทธิ์ จะสลายตัวเป็นน้ำและคาร์บอนไดออกไซด์ภายในหนึ่งถึงสองปีหลังการฉีด จึงไม่ต้องกังวลว่าจะตกค้างอยู่ในร่างกาย เนื่องจากอนุภาคถูกทำให้มีลักษณะกลม จึงช่วยลดการระคายเคืองและมีผลข้างเคียงน้อยลง

การเตรียมตัวก่อนการฉีด Juvelook ?

การเตรียมตัวก่อนการฉีด Juvelook เป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและลดความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น ขั้นตอนดังต่อไปนี้คือสิ่งที่ควรปฏิบัติก่อนการฉีด

  1. ปรึกษาแพทย์ผู้ชำนาญการ: พบแพทย์ผู้ชำนาญการ เพื่อประเมินสภาพผิวและปรึกษาเกี่ยวกับความต้องการ เพื่อแพทย์จะให้คำแนะนำเกี่ยวกับกระบวนการและความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น
  2. หลีกเลี่ยงการใช้ยาและอาหารเสริมบางชนิด: หลีกเลี่ยงการใช้ยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น แอสไพริน, ไอบูโพรเฟน และอาหารเสริม เช่น วิตามินอี, แปะก๊วย อย่างน้อย 1-2 สัปดาห์ก่อนการฉีด
  3. งดการดื่มแอลกอฮอล์: หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 24-48 ชั่วโมงก่อนการฉีด
  4. รักษาสุขภาพผิว: รักษาสุขภาพผิวให้ดีด้วยการดื่มน้ำมาก ๆ และใช้ครีมบำรุงผิวที่เหมาะสม เพื่อให้ผิวมีความชุ่มชื้นและเตรียมพร้อมสำหรับการฉีด
  5. แจ้งแพทย์เกี่ยวกับประวัติการแพ้: หากคุณมีประวัติการแพ้สารใด ๆ ควรแจ้งให้แพทย์ทราบ เพื่อให้แพทย์สามารถประเมินความเหมาะสม
  6. ทำความสะอาดใบหน้า: ก่อนการฉีด ควรทำความสะอาดใบหน้าให้ปราศจากเครื่องสำอางและสิ่งสกปรก เพื่อป้องกันการติดเชื้อ

การเตรียมตัวก่อนการฉีด Juvelook ?

การดูแลตัวเองหลังจากการฉีด Juvelook ?

หลังจากการฉีดโปรแกรมจูวีลุค การดูแลตัวเองอย่างถูกต้อง สามารถช่วยให้ผลลัพธ์ที่ดีและลดความเสี่ยงของการเกิดภาวะแทรกซ้อนได้ โดยมีขั้นตอนการปฏิบัติดังนี้

  1. หลีกเลี่ยงการสัมผัสบริเวณที่ฉีด: เพื่อป้องกันการกระจายของตัวยาและการติดเชื้อ
  2. หลีกเลี่ยงการแต่งหน้า: ควรเลี่ยงการแต่งหน้าในบริเวณที่ฉีดเป็นเวลาอย่างน้อย 24 ชั่วโมง
  3. หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก: การออกกำลังกายหนัก ๆ อาจทำให้เกิดการอักเสบและบวมในบริเวณที่ฉีด
  4. งดดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่: แอลกอฮอล์และบุหรี่อาจทำให้การฟื้นตัวช้าลงและเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดอาการบวม
  5. ประคบเย็น: ในกรณีที่มีอาการบวมแดงหรือช้ำ การประคบเย็นสามารถช่วยลดอาการเหล่านี้ได้
  6. หลีกเลี่ยงความร้อนสูง: การอาบน้ำร้อน ซาวน่า หรือการโดนแสงแดดจัด ควรหลีกเลี่ยงเป็นเวลาอย่างน้อย 1-2 สัปดาห์
  7. การดื่มน้ำ: ควรดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อให้ Hyaluronic Acid ดูดซับน้ำได้ดีและให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
  8. ปรึกษาแพทย์: หากมีอาการบวมแดง เจ็บปวด หรืออาการผิดปกติ ควรปรึกษาแพทย์ทันที

Juvelook ต้องฉีดกี่ครั้ง ?

การฉีด Juvelook จำนวนครั้งที่ต้องฉีดจะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เราแนะนำว่าควรฉีด 3 ครั้งต่อเดือน ถัดจากนั้นค่อยฉีดเพิ่มทุกๆ 6 ถึง 12 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล ปัญหาที่ต้องการแก้ไข และคำแนะนำของแพทย์ตามความเหมาะสม

Juvelook ราคาเท่าไร ?

ในการฉีด Juvelook ราคาอาจแตกต่างกันไป โดยทั่วไปแล้ว ราคาจะอยู่ในช่วงประมาณ 15,000 – 40,000 บาท หรือมากกว่านั้น ขึ้นอยู่กับปริมาณที่ใช้และสถานที่ที่ทำการรักษา รวมถึงแพทย์ที่ทำการฉีดด้วย เพื่อความแน่ใจ คุณควรติดต่อคลินิกหรือแพทย์ที่คุณสนใจ เพื่อสอบถามรายละเอียดราคาและโปรโมชั่น

ฉีด Juvelook กี่วันเห็นผล ?

Body – หลังจากทำการฉีด Juvelook สามารถเห็นผลได้ทันที และผลลัพธ์จะเริ่มเห็นชัดเจนมากขึ้นใน 1-2 สัปดาห์ แต่ผลลัพธ์ที่ชัดเจนที่สุดจะปรากฏในช่วงประมาณ 2-4 สัปดาห์หลังการฉีด อาจมีการบวมเล็กน้อยหรือความรู้สึกไม่สบายในช่วงแรก ซึ่งเป็นเรื่องปกติ

ฉีด Juvelook กี่วันเห็นผล ?

Juvelook อยู่ได้นานแค่ไหน ?

สามารถอยู่ได้นานถึง 1-2 ปี และจะสลายได้เองตามธรรมชาติ ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น การดูแลรักษา , ประเภทผิว , และวิถีชีวิตของแต่ละบุคคล การฉีดซ้ำอาจจำเป็นต่อรักษาผลลัพธ์ให้ยาวนานขึ้น

เปรียบเทียบ Juvelook VS Sculptra

Juvelook และ Sculptra เป็น Biostimulator ที่ใช้สำหรับการเติมเต็มและกระตุ้นคอลลาเจนให้กับใบหน้าเหมือนกัน แต่ทั้งสองประเภทมีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับความต้องการและเป้าหมายของคุณ มีคุณสมบัติและวิธีการทำงานที่แตกต่างกันดังนี้

  • Juvelook: ใช้สาร Poly-D, L-Lactic Acid (PDLLA + HA) มีขนาดโมเลกุลเล็ก เน้นช่วยเรื่องงานผิว ช่วยเติมเต็มและเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว ผลลัพธ์จะเห็นได้ทันทีหลังการฉีด และอยู่ได้นานประมาณ 1-2 ปี เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ทันทีและต้องการผิวที่เนียนใส ลดเลือนริ้วรอย และรอยแตกลาย
  • Sculptra: ใช้สาร Poly-L-lactic Acid (PLLA) มีโมเลกุลที่ใหญ่กว่า จะเน้นช่วยเรื่องการยกกระชับ ผลลัพธ์จะค่อย ๆ ปรากฏและอาจใช้เวลาหลายเดือนกว่าจะเห็นผลเต็มที่ แต่ผลลัพธ์สามารถอยู่ได้นานถึง 2 ปีหรือมากกว่านั้น เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่ยาวนานและค่อยเป็นค่อยไป ต้องการเพิ่มความกระซับให้กับใบหน้าที่มีความหย่อนคล้อย

ฉีด Juvelook คู่กับหัตถการอื่นได้ไหม ?

สามารถใช้ร่วมกับหัตถการอื่นได้ หากเป็นหัตถการประเภททรีตเมนต์ เช่น การทำฟื้นฟูผิวหน้า (PRP หรือ Platelet-Rich Plasma) หรือการทำผิวขัด (Microdermabrasion) เพื่อปรับสภาพผิวและเพิ่มความเรียบเนียน หรือการทำเลเซอร์ แต่ถ้าหากเป็นหัตถการประเภทฉีด ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทำการฉีดร่วมกัน เพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสมและความปลอดภัย

ฉีด Juvelook ที่ไหนดี ?

การเลือกสถานที่ในการฉีดโปรแกรมจูวีลุค เป็นสิ่งสำคัญมาก เพื่อให้มั่นใจในความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ดี คำแนะนำในการเลือกสถานที่ในการฉีดโปรแกรมจูวีลุค มีดังนี้

  1. ควรเลือกสถานที่ที่มีชื่อเสียงและประสบการณ์ในการให้บริการด้านความงาม โดยตรวจสอบความคิดเห็นจากผู้ที่เคยใช้บริการและดูผลงานที่ผ่านมาของคลินิก
  2. ควรเลือกแพทย์ที่มีความชำนาญและมีประสบการณ์ในการฉีดหน้า
  3. ควรมั่นใจว่าผลิตภัณฑ์ที่ใช้เป็นของแท้และได้รับการรับรองจากองค์กรที่เกี่ยวข้อง
  4. สถานที่ที่ดีควรมีมาตรฐานด้านความสะอาดและการบริการที่ดี เพื่อลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อหรือปัญหาสุขภาพอื่น ๆ
  5. ควรมีการปรึกษากับแพทย์เพื่อทำความเข้าใจถึงกระบวนการและผลลัพธ์ที่คาดหวัง รวมถึงการสอบถามเกี่ยวกับข้อดีและข้อเสียของการรักษา

ที่ ลีเอนจาง คลินิก (Lieanjang Clinic Thailand) เป็นคลินิกที่มีชื่อเสียงในด้านความงามและการดูแลผิว ซึ่งมักได้รับการแนะนำสำหรับการฉีดฟิลเลอร์รวมถึงการฉีด Juvelook หากคุณสนใจโปรแกรมจูวีลุค ที่ลีเอนจาง คลินิก สามารถถามเพิ่มเติมได้ที่นี่ Line Official Account : @Lienjangthailand

โปรมแกรม Juvelook รีวิวที่ Lieanjang

โปรมแกรม Juvelook รีวิวที่ Lieanjang

โปรมแกรม Juvelook รีวิวที่ Lieanjang

โปรมแกรม Juvelook รีวิวที่ Lieanjang

สรุป

Juvelook เป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในการฉีดเพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและปรับสภาพผิวให้ดูอ่อนเยาว์ขึ้น หากกำลังประสบปัญหาหน้าเหี่ยวย่น แห้งกร้าน มีร่องลึกสามารถฉีดจูวีลุค ซึ่งถือว่าเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่ดี เนื่องจากสามารถช่วยลดเลือนริ้วรอยและฟื้นฟูความยืดหยุ่นของผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีความปลอดภัยสูง หากดำเนินการโดยแพทย์ผู้มีประสบการณ์ อย่างไรก็ตาม ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทำการฉีด เพื่อความเหมาะสมกับสภาพผิวและความต้องการ

สอบถามปรึกษาแพทย์ฟรี

สอบถามปรึกษาแพทย์ฟรี