บทความ

Article

พารู้จักฟิลเลอร์ Juvederm คืออะไร ? อยู่ได้นานไหม ?
Facebook
X
Email

พารู้จักฟิลเลอร์ Juvederm คืออะไร ? อยู่ได้นานไหม ?

หัวข้อที่น่าสนใจ

Juvederm ฟิลเลอร์ตัวดัง ที่ใคร ๆ ก็พูดถึงและถูกนำมาใช้กันอย่างแพร่หลายในวงการเสริมความงาม เพราะถือว่าเป็นฟิลเลอร์อีกยี่ห้อที่ตอบโจทย์อย่างมาก สำหรับผู้ที่ต้องการเติมเต็มและปรับรูปหน้าโดยเน้นความเป็นธรรมชาติ อีกทั้งยังช่วยเติมเต็มร่องลึก หรือริ้วรอยบนใบหน้าให้ดูเรียบเนียนขึ้นอีกด้วย ในบทความนี้ ลีเอนจาง คลินก จะพาทุกท่านมาทำความรู้จักกับฟิลเลอร์ยี่ห้อจูวีเดิม ว่าคืออะไร ? มีกี่รุ่น ? และฉีดแล้วอยู่ได้นานไหม ? ผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร ? ลีเอนจาง คลินก มีคำตอบให้ค่ะ

ฟิลเลอร์ Juvederm คืออะไร ?

ฟิลเลอร์ Juvederm คือผลิตภัณฑ์ฟิลเลอร์ประเภทกรดไฮยาลูรอนิก (Hyaluronic Acid หรือ HA) เป็นสารธรรมชาติที่พบได้ในร่างกาย ซึ่งทำหน้าที่เก็บรักษาความชุ่มชื้นและเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับผิว เพื่อใช้สำหรับการฉีดเติมเต็มและปรับรูปทรงให้กับใบหน้า โดยเฉพาะในบริเวณผิวที่สูญเสียคอลลาเจนและมีความเสื่อมสภาพ เช่น ริ้วรอย ร่องลึก หรือการเพิ่มความเต็มอิ่มให้กับใบหน้า ฟิลเลอร์จูวีเดิม เป็นยี่ห้อฟิลเลอร์อเมริกานำเข้าโดยบริษัท Allergan Thailand (DSKH) บริษัทชั้นนำการผลิตอุปกรณ์และวัสดุทางการแพทย์ระดับโลก อีกทั้งฟิลเลอร์จูวีเดิม เป็นที่นิยมในวงการความงามเนื่องจากให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติและมีความยาวนาน

เทคโนโลยีการผลิตฟิลเลอร์ Juvederm

Juvederm แต่ละรุ่นจะใช้เทคโนโลยีในการผลิตแตกต่างกัน โดยจะมี 2 เทคโนโลยีหลักนั้นก็คือ เทคโนโลยี Hylacross และ เทคโนโลยี Vycross ซึ่งทั้งสองเทคโนโลยีถูกออกแบบให้เหมาะสมกับการแก้ไขปัญหาจุดต่าง ๆ บนใบหน้าได้อย่างตรงจุดและครอบคลุมที่สุด ทั้ง 2 เทคโนโลยีมีความแตกต่างกันดังนี้

เทคโนโลยีการผลิตฟิลเลอร์ Juvederm

เทคโนโลยี Hylacross

เป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีที่ใช้ในการผลิตฟิลเลอร์ Juvederm เทคโนโลยี Hylacross ช่วยให้โมเลกุลของกรดไฮยาลูโรนิค (Hyaluronic Acid) ในฟิลเลอร์มีโครงสร้างที่แข็งแรง ซึ่งช่วยให้ฟิลเลอร์มีความหนืด มีความยืดหยุ่นสูงและสามารถคงรูปได้ดี ฟิลเลอร์ที่ใช้เทคโนโลยีนี้มีคุณสมบัติในการกระจายตัวอย่างดีในเนื้อเยื่อของร่างกาย ทำให้ผลลัพธ์ดูเนียนและเป็นธรรมชาติ อีกทั้งยังเป็นเทคโนโลยีที่มีความปลอดภัยในการใช้งาน

เนื่องจากเป็นกระบวนการผลิตที่ทำให้ฟิลเลอร์มีประสิทธิภาพสูงและสามารถลดโอกาสเกิดการแพ้หรือปฏิกิริยาที่ไม่พึงประสงค์ และรุ่นที่ใช้เทคโนโลยี Hylacross ในการผลิตได้แก่ Juvederm Ultra และ Juvederm Ultra Plus ซึ่งออกแบบมาเพื่อการเติมเต็มในพื้นที่ที่ต้องการความหนาแน่นและความคงทนสูง เช่น ร่องลึกและการปรับรูปหน้า

เทคโนโลยี Vycross

เป็นเทคโนโลยีที่ใช้ในการผลิตฟิลเลอร์ Juvederm รุ่นใหม่ ๆ ใช้การจับคู่ของกรดไฮยาลูโรนิก (Hyaluronic Acid) ที่มีขนาดโมเลกุลต่างกัน ซึ่งช่วยให้ฟิลเลอร์มีคุณสมบัติที่หลากหลายและมีความสามารถในการเติมเต็มได้ดี และมีโครงสร้างแบบข้ามพันธะโดยใช้การเชื่อมโยงข้ามพันธะ (Cross-Linking) ของกรดไฮยาลูโรนิก ซึ่งช่วยให้ฟิลเลอร์มีความคงทนและยืดหยุ่นสูง ความหนืดและความยืดหยุ่นที่ควบคุมได้ดีช่วยให้ฟิลเลอร์มีความเป็นธรรมชาติ

การใช้เทคโนโลยีนี้ทำให้ฟิลเลอร์มีความเนียนละเอียดและกระจายตัวได้ดีในเนื้อเยื่อ ทำให้ผลลัพธ์ที่ได้ดูเป็นธรรมชาติและมีความสมูธ อีกทั้งยังมีระยะเวลาการคงตัวที่ยาวนานกว่าฟิลเลอร์อื่น ๆ ขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่ฉีด เนื่องจากเทคโนโลยี Vycross ทำให้ฟิลเลอร์มีความคงตัวสูงและสามารถปรับตัวเข้ากับรูปหน้าได้ดี การใช้งานจึงมีความปลอดภัย และรุ่นที่ใช้เทคโนโลยี Vycross ในการผลิตได้แก่ Juvederm Voluma, Juvederm Volbella, และ Juvederm Vollure

จุดเด่นของฟิลเลอร์ Juvederm

ด้วยคุณสมบัติที่โดดเด่นเหล่านี้ ฟิลเลอร์จูวีเดิม จึงเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในคลินิกเสริมความงามทั่วโลก ฟิลเลอร์จูวีเดิม มีจุดเด่นหลายประการที่ทำให้ได้รับความนิยม ดังนี้

  1. ให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ เนื่องจากกรดไฮยาลูรอนิกในฟิลเลอร์มีคุณสมบัติในการกักเก็บความชุ่มชื้น ทำให้ผิวดูเต่งตึงและเนียนเรียบ
  2. ให้ผลลัพธ์ที่คงทนได้นาน โดยปกติแล้วผลลัพธ์จะอยู่ได้นานประมาณ 6-18 เดือน ขึ้นอยู่กับประเภทของฟิลเลอร์และบริเวณที่ฉีด
  3. ฟิลเลอร์จูวีเดิม มีเนื้อเจลที่นุ่มนวล ทำให้สามารถกระจายตัวได้ดีในชั้นผิว ทำให้ผิวดูเรียบเนียนไม่เป็นก้อน และสามารถใช้ในการปรับรูปทรงใบหน้าได้อย่างละเอียดอ่อน
  4. ฟิลเลอร์จูวีเดิมรุ่นใหม่ ๆ มักผสมยาชา Lidocaine เข้าไปในสูตร ทำให้ผู้เข้ารับบริการรู้สึกเจ็บน้อยลงในระหว่างการฉีด
  5. ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (FDA) และผ่านการทดสอบทางคลินิกอย่างเข้มงวด ทำให้มีความปลอดภัยสูงเมื่อใช้งานตามคำแนะนำของแพทย์

ฟิลเลอร์ Juvederm มีกี่รุ่น ?

ฟิลเลอร์ Juvederm มีกี่รุ่น ?

ฟิลเลอร์จูวีเดิม มีหลายรุ่นที่พัฒนามาเพื่อใช้ในบริเวณต่าง ๆ ของใบหน้า แต่ละรุ่นมีคุณสมบัติและการใช้งานที่เหมาะสมกับความต้องการเฉพาะของผู้เข้ารับบริการ ทำให้สามารถเลือกใช้ได้ตามความต้องการเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด โดยรุ่นหลัก ๆ ของ Juvederm มีดังนี้

  • Juvederm Voluma  เป็นรุ่นที่ช่วยยกกระชับใบหน้าและเพิ่มความเต็มอิ่มให้ใบหน้า มีลักษณะเนื้อแข็งและฟูปานกลา มีขนาดโมเลกุลใหญ่ที่สุด บริเวณที่เหมาะในการฉีดฟิลเลอร์จูวีเดิม รุ่น Voluma คือ เติมเต็มร่องแก้ม เพื่อยกกระชับและแก้ไขปัญหาแก้มหย่อนคล้อย ฉีดริมฝีปากเพิ่มความอวบอิ่ม ฉีดคางเพื่อปรับรูปหน้า และผลลัพธ์สามารถอยู่ได้นานถึง 18 เดือน
  • Juvederm Volbella  รุ่นนี้มีโมเลกุลขนาดเล็กและเนื้อฟิลเลอร์มีความละเอียดและนิ่มมากที่สุด ให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติและละเอียดอ่อน บริเวณที่เหมาะในการฉีดฟิลเลอร์จูวีเดิม รุ่น volbella นั้นก็คือ ฉีดเติมเต็มหน้าผาก ฉีดลดเลือนริ้วรอยบริเวณใต้ตา ผลลัพธ์สามารถอยู่ได้นานประมาณ 12 เดือน
  • Juvederm Volite มีเนื้อละเอียด บางเบาช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น เหมาะแก่การปรับคุณภาพผิว เหมาะกับคนผิวบางแต่ไม่มากเกินไป บริเวณที่เหมาะในการฉีด ฟิลเลอร์จูวีเดิม รุ่น Volite นั้นก็คือ ลดริ้วรอยใต้ตา ให้กลับมาเรียบเนียนเป็นธรรมชาติ ฉีดเติมปากให้เป็นทรงอวบอิ่มพร้อมเพิ่มความชุ่มชื้น แก้ไขปากแตก แห้ง ลอก ผลลัพธ์อยู่นานประมาณ 8-12 เดือน
  • Juvederm Ultra Plus xc ใช้สำหรับเติมเต็มริ้วรอยร่องลึกและเพิ่มปริมาตรในบริเวณที่ต้องการความเต็มอิ่ม มีเนื้อเจลที่หนากว่า Juvederm Ultra เนื้อนิ่มและฟูมาก บริเวณที่เหมาะในการฉีด ฟิลเลอร์จูวีเดิม Ultraplus คือ ร่องแก้มที่ลึกมาก ๆ ขมับหรือแก้มที่ตอบ ฉีดเพื่อเติมคางปรับรูปหน้า ผลลัพธ์สามารถอยู่ได้นานประมาณ 9-12 เดือน
  • Juvederm Volift  เนื้อฟิลเลอร์มีความละเอียดและยืดหยุ่นสูง ตัวยาจะบางเบากว่ารุ่น Ultraplus เหมาะกับคนที่มีผิวผิวบาง และสามารถขยับและยืดหยุ่นตามการเคลื่อนไหวของใบหน้าได้ดี บริเวณที่เหมาะในการฉีดฟิลเลอร์จูวีเดิม รุ่น volift จะเน้นฉีดเติมเต็มร่องลึกบาง ๆ ริ้วรอยเล็ก ๆ ที่ไม่ลึกมาก ฉีดเติมใต้ชั้นผิวให้ดูอิ่มน้ำ ฉีดร่องลึกริมฝีปากให้อวบอิ่ม ผลลัพธ์สามารถอยู่ได้นานประมาณ 12 เดือน
  • Juvederm Volux เนื้อฟิลเลอร์มีความแข็ง มีโมเลกุลขนาดใหญ่ ให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนและคงทน บริเวณที่เหมาะในการฉีดฟิลเลอร์จูวีเดิม รุ่น Volux นั้นก็คือ ฉีดคาง ใต้ตา แก้ใต้ตาคล้ำ ใต้ตาลึก ฉีดเติมขมับให้เติม แก้ปัญหาขมับตอบจนดูมีอายุ ฉีดเติมร่องแก้มชั้นลึก เพื่อปรับหน้าให้อ่อนเยาว์ขึ้นผลลัพธ์สามารถอยู่ได้นานถึง 18-24 เดือน

ฟิลเลอร์ Juvederm ฉีดบริเวณไหนได้บ้าง ?

สามารถฉีดได้ในหลายบริเวณของใบหน้าเพื่อปรับรูปทรงให้สวยงามตามที่ต้องการฟิลเลอร์จูวีเดิม มีหลายสูตรที่เหมาะกับการใช้งานในบริเวณต่าง ๆ ของใบหน้า ทำให้สามารถเลือกสูตรที่เหมาะสมที่สุดตามความต้องการของผู้เข้ารับบริการเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและเป็นธรรมชาติ บริเวณที่สามารถฉีดฟิลเลอร์จูวีเดิม ได้มีดังนี้

  • ร่องแก้ม : เพื่อลดร่องลึกที่เกิดจากการแสดงอารมณ์และการยิ้ม Juvederm Volux , Juvederm Vollure หรือ Juvederm Ultra มักถูกใช้ในบริเวณนี้
  • ริมฝีปาก : เพื่อเพิ่มความเต็มอิ่มให้กับริมฝีปากหรือปรับรูปทรงริมฝีปาก Juvederm Volbella หรือ Juvederm Ultra มักถูกใช้ในการเติมเต็มริมฝีปาก
  • ร่องน้ำตา : เพื่อแก้ไขร่องลึกใต้ตาที่ทำให้ใบหน้าดูเหนื่อยล้า Juvederm Volbella สามารถใช้ในการฉีดบริเวณนี้เพื่อเพิ่มความสดใสให้กับใบหน้า
  • แก้ม : เพื่อเพิ่มปริมาตรและยกกระชับบริเวณโหนกแก้ม ทำให้ใบหน้าดูยกขึ้นและอ่อนเยาว์ Juvederm Voluma เหมาะสำหรับการฉีดในบริเวณแก้ม
  • คาง : เพื่อปรับรูปทรงคางให้ดูเรียวและสมส่วนยิ่งขึ้น Juvederm Voluma หรือ Juvederm Volux มักถูกใช้ในการปรับรูปทรงคาง
    ริ้
  • วรอยรอบปาก : เพื่อลดริ้วรอยเส้นเล็ก ๆ รอบริมฝีปากที่มักเกิดจากการขยับปาก Juvederm Volbella มักถูกใช้ในการลดริ้วรอยบริเวณนี้
  • ขมับ : เพื่อเติมเต็มบริเวณขมับที่อาจเกิดการยุบตัวลงตามวัย ทำให้ใบหน้าดูสดใสและอ่อนเยาว์ขึ้น Juvederm Voluma มักถูกใช้ในการฉีดขมับ

ฟิลเลอร์ Juvederm ฉีดบริเวณไหนได้บ้าง ?

ฟิลเลอร์ Juvederm ทำงานอย่างไร ?

ฟิลเลอร์จูวีเดิมทำงานโดยใช้สารหลักคือ กรดไฮยาลูรอนิก (Hyaluronic Acid HA) ซึ่งเป็นสารธรรมชาติที่มีอยู่ในร่างกายของเรา โดยกรดไฮยาลูรอนิกมีความสามารถในการกักเก็บน้ำและเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว ทำให้ผิวดูเต่งตึง เรียบเนียน และอ่อนเยาว์ เมื่อฉีดฟิลเลอร์จูวีเดิม เข้าสู่ผิว จะมีการทำงานดังนี้

  1. เพิ่มปริมาตร (Volume Addition): กรดไฮยาลูรอนิกในฟิลเลอร์จูวีเดิม จะเพิ่มปริมาตรในบริเวณที่ฉีด ทำให้ริ้วรอย ร่องลึก หรือบริเวณที่ยุบตัวตามอายุ เช่น แก้ม ร่องแก้ม หรือริมฝีปาก ดูเต็มอิ่มขึ้น
  2. เติมเต็มและยกกระชับ (Filling and Lifting): ฟิลเลอร์จูวีเดิม ช่วยเติมเต็มริ้วรอยและยกกระชับผิว ทำให้ใบหน้าดูสดใสขึ้น โดยเนื้อเจลของฟิลเลอร์จะกระจายตัวอย่างสม่ำเสมอในชั้นผิว ส่งผลให้ผิวดูเรียบเนียน ไม่เป็นก้อน
  3. กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน (Collagen Stimulation): สามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิว ทำให้ผิวแข็งแรงและยืดหยุ่นมากขึ้น แม้หลังจากที่สารกรดไฮยาลูรอนิกถูกดูดซึมไป ผลลัพธ์การสร้างคอลลาเจนยังคงอยู่ ทำให้ผิวดูดีขึ้นในระยะยาว
  4. ให้ความชุ่มชื้น (Hydration): กรดไฮยาลูรอนิกสามารถกักเก็บน้ำได้ถึง 1,000 เท่าของน้ำหนักตัว ซึ่งช่วยให้ผิวที่ฉีดฟิลเลอร์มีความชุ่มชื้น ดูอิ่มน้ำ และสดใสขึ้น
  5. ผลลัพธ์ทันที (Immediate Results): ผลลัพธ์จากการฉีดฟิลเลอร์จูวีเดิม มักจะเห็นได้ทันทีหลังการฉีด โดยจะเห็นความเปลี่ยนแปลงในเรื่องของความเต่งตึงและการลดริ้วรอยได้ชัดเจน

ฟิลเลอร์ Juvederm อันตรายไหม ?

ฟิลเลอร์ Juvederm มีความปลอดภัยสูงเนื่องจากเป็นสารที่ใกล้เคียงกับกรดไฮยาลูรอนิกในร่างกาย ทำให้มีความเสี่ยงต่อการแพ้ต่ำ แต่ก็มีความเสี่ยงและข้อควรระวังอยู่ ดังนั้นเพื่อให้การฉีดเป็นไปอย่างปลอดภัย ควรเลือกทำการฉีดที่คลินิกที่มีมาตรฐานและโดยแพทย์ที่มีความชำนาญเท่านั้น แพทย์จะประเมินความเหมาะสมและทำหัตถการได้อย่างปลอดภัย นอกจากนี้การปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ทั้งก่อนและหลังการฉีดจะช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มความปลอดภัย

ฟิลเลอร์ Juvederm อันตรายไหม ?

ฟิลเลอร์ juvederm อยู่ได้นานไหม ?

สามารถอยู่ได้นานตั้งแต่ 6 เดือนถึง 2 ปี ขึ้นอยู่กับรุ่นของ ฟิลเลอร์จูวีเดิม ที่ใช้และปัจจัยต่าง ๆ ของแต่ละบุคคล เช่น การดูแลหลังทำ ความเข้มข้นของฟิลเลอร์ที่ใช้ ตำแหน่งที่ฉีด และการเผาผลาญของร่างกายของแต่ละคน แต่ละรุ่นมีคุณสมบัติที่แตกต่างกันไป เช่น ความหนาแน่น ความยืดหยุ่น และความสามารถในการคงรูป ซึ่งจะส่งผลต่อระยะเวลาที่ฟิลเลอร์จะอยู่ได้

วิธีเช็กฟิลเลอร์ Juvederm ของแท้

วิธีเช็กฟิลเลอร์ Juvederm ของแท้

การตรวจสอบฟิลเลอร์จูวีเดิมว่าเป็นของแท้หรือไม่นั้นมีความสำคัญมาก เนื่องจากการใช้ฟิลเลอร์ปลอมอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงที่ร้ายแรงและไม่ปลอดภัย ดังนั้น การเลือกใช้ฟิลเลอร์จูวีเดิมควรตรวจสอบตามวิธีดังต่อไปนี้

  1. ตรวจสอบฉลากบนกล่องควรมีรายละเอียดครบถ้วน เช่น ชื่อผลิตภัณฑ์ , ข้อมูลเกี่ยวกับรุ่น , หมายเลขล็อต (Lot Number) 4 จุด , วันผลิต และวันหมดอายุ
    ฟิลเลอร์จูเดิมร์ ผลิตโดยบริษัท Allergan ซึ่งจะต้องมีตราสัญลักษณ์ Allergan บนบรรจุภัณฑ์
  2. สแกน QR Code หรือ Barcode ที่อยู่บนบรรจุภัณฑ์ด้วยแอปพลิเคชันที่สามารถตรวจสอบข้อมูลผลิตภัณฑ์ได้ เพื่อดูว่ารายละเอียดตรงกับข้อมูลจริงหรือไม่
  3. หลีกเลี่ยงการซื้อฟิลเลอร์ผ่านทางออนไลน์หรือจากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ
  4. ฟิลเลอร์จูวีเดิม ที่ถูกต้องตามกฎหมายในประเทศไทยจะต้องมีเลขทะเบียน อย. (องค์การอาหารและยา) ซึ่งสามารถตรวจสอบได้จากเว็บไซต์ของ อย. เพื่อ
  5. ตรวจสอบว่าสินค้าได้รับอนุญาตในการจำหน่ายในประเทศไทย
  6. คุณสามารถขอใบรับรองผลิตภัณฑ์จากแพทย์หรือคลินิกที่ทำการฉีดฟิลเลอร์ ใบรับรองนี้จะมีข้อมูลเกี่ยวกับฟิลเลอร์ที่ใช้ รวมถึงหมายเลขล็อตและข้อมูลอื่น ๆ ที่สามารถใช้ในการตรวจสอบความถูกต้องได้
  7. ฟิลเลอร์จูวีเดิมของแท้จะมีลักษณะเนื้อเจลที่เนียนนุ่ม ไม่เป็นก้อนหรือเหนียวข้นจนเกินไป
  8. คุณสามารถสอบถามแพทย์เกี่ยวกับแหล่งที่มาของฟิลเลอร์จูวีเดิม ที่ใช้ในคลินิกได้ แพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญจะสามารถให้ข้อมูลที่ถูกต้องและช่วยตรวจสอบได้

ฟิลเลอร์ Juvederm ราคาเท่าไร ?

ราคาของฟิลเลอร์ Juvederm จะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับรุ่นที่ใช้ ปริมาณที่ฉีด และคลินิกที่คุณเลือกใช้บริการ ราคาที่ระบุเป็นเพียงการประมาณการณ์ และอาจแตกต่างกันได้ในแต่ละคลินิก ควรปรึกษากับคลินิกที่สนใจเพื่อสอบถามรายละเอียดและราคาที่แน่นอน

  • Juvederm Voluma ราคาอยู่ที่ประมาณ 19,000 – 30,000 บาทต่อ 1 cc.
  • Juvederm Ultra ราคาอยู่ที่ประมาณ 12,000 – 20,000 บาทต่อ 1 cc.
  • Juvederm Volbella ราคาอยู่ที่ประมาณ 15,000 – 25,000 บาทต่อ 1 cc.
  • Juvederm Vollure ราคาอยู่ที่ประมาณ 15,000 – 25,000 บาทต่อ 1 cc.
  • Juvederm Ultra Plus ราคาอยู่ที่ประมาณ 12,000 – 20,000 บาทต่อ 1 cc.
  • Juvederm Volux ราคาอยู่ที่ประมาณ 25,000 – 35,000 บาทต่อ 1 cc.

ฉีดฟิลเลอร์ Juvederm จะมีผลข้างเคียงไหม ?

การฉีดฟิลเลอร์จูวีเดิมสามารถมีผลข้างเคียงได้เหมือนกับการทำหัตถการอื่น ๆ ผลข้างเคียงที่พบบ่อย ได้แก่ หลังการฉีดอาจรู้สึกเจ็บหรือมีอาการบวม แดง ที่บริเวณที่ฉีด เพียงแค่ 3-4 วันอาการเหล่านั้นก็จะค่อย ๆ หายไปเอง หากมีอาการผิดปกติหรืออาการไม่หาย ควรติดต่อแพทย์ที่ทำการฉีดเพื่อรับคำแนะนำที่ถูกต้อง

ฟิลแลอร์ Juvederm แตกต่างจากแบรนด์อื่นอย่างไร ?

ฟิลแลอร์ Juvederm แตกต่างจากแบรนด์อื่นอย่างไร ?

Juvederm กับ Restylane Belotero ทั้ง 3 แบรนด์นี้เป็นฟิลเลอร์ที่ใช้ในการเติมเต็มและปรับรูปหน้าเหมือนกัน แต่มีความแตกต่างดังนี้

  • Juvederm ใช้สารฮยาลูโรนิกแอซิด (Hyaluronic Acid) ที่มีลักษณะเป็นเจลที่เนียนนุ่มและมีความยืดหยุ่นสูง ช่วยให้ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ มีการพัฒนาสูตรที่ช่วยให้ฟิลเลอร์คงตัวในผิวหนังได้นานขึ้น ใช้สำหรับการเติมเต็มริ้วรอยและเพิ่มปริมาตรของผิว เช่น ร่องแก้มและริมฝีปาก
  • Restylane ก็ใช้ฮยาลูโรนิกแอซิดเช่นกัน แต่เนื้อเจลจะมีความแตกต่างจาก ฟิลเลอร์จูวีเดิม โดยมักมีลักษณะการจับตัวที่แตกต่างกัน ซึ่งให้ความหนาแน่นหรือความหนืดที่แตกต่างกัน มีออกแบบสูตรให้การกระจายตัวของเจลเป็นไปอย่างสม่ำเสมอ ใช้สำหรับการเติมเต็มบริเวณที่ต้องการความหนาแน่น ริ้วรอย และร่องลึก
  • Belotero ใช้ฮยาลูโรนิกแอซิด (Hyaluronic Acid) เช่นเดียวกัน แต่มีสูตรที่ออกแบบให้เจลเบาและมีความละเอียดสูง สามารถกระจายตัวอย่างสม่ำเสมอในชั้นผิวหนัง และลดความเสี่ยงในการเกิดก้อนหรือรอยบวม เหมาะสำหรับการเติมเต็มริ้วรอย เช่น ริ้วรอยรอบปากหรือร่องใต้ตา ด้วยเนื้อเจลที่ละเอียด ทำให้มีโอกาสน้อยในการเกิดรอยบวมและการก่อตัวของก้อนที่เห็นได้ชัด

ฟิลเลอร์ Juvederm ที่ลีเอนจาง คลินิก ดีอย่างไร ?

ลีเอนจาง คลินิก (LienJang Clinic Thailand) มีบริการฟิลเลอร์จูวีเดิม ซึ่งเป็นหัตถการที่ช่วยเติมเต็มให้กับใบหน้า ลดเลือนริ้วรอย และปรับรูปหน้าให้ดูอ่อนเยาว์ขึ้น โดยทีมแพทย์ ลีเอนจาง คลินิก มีความชำนาญในการฉีดฟิลเลอร์ สามารถวิเคราะห์และปรับใช้ฟิลเลอร์ให้เข้ากับรูปหน้าและความต้องการของแต่ละบุคคลเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ อีกทั้งยังเลือกใช้อุปกรณที่สะอาดและปลอดเชื้อ มีมาตรฐานความปลอดภัยสูง เพื่อให้คุณมั่นใจในการรับบริการ ถ้าคุณสนใจฉีดฟิลเลอร์จูวีเดิม สามารถติดต่อเพื่อปรึกษาแพทย์ได้ที่ Line Official Account : @Lienjangthailand

สรุป

การฉีดฟิลเลอร์ Juvederm เป็นการใช้สารไฮยาลูโรนิกแอซิด (Hyaluronic Acid) เพื่อเติมเต็มและปรับรูปหน้าที่มีริ้วรอยและร่องลึก มีลักษณะเจลที่เนียนนุ่มและยืดหยุ่นสูง สามารถให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติและยาวนาน ขึ้นอยู่กับรุ่นที่ใช้และบริเวณพื้นที่ที่ทำการฉีด การเลือกคลินิกที่มีความชำนาญและมีมาตรฐานความปลอดภัยสูงเป็นสิ่งสำคัญ และที่สำคัญต้องเป็นผลิตภัณฑ์แท้ที่ได้มาตรฐานอย.ไทย เพื่อให้ได้รับผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและลดความเสี่ยงในการเกิดปัญหาภายหลัง

สอบถามปรึกษาแพทย์ฟรี

สอบถามปรึกษาแพทย์ฟรี