คุณเคยสงสัยไหมว่า โปปรแกรมฉีดโบลดกราม จะช่วยทำให้หน้าเรียวขึ้นได้จริงภายใน 7 วัน หรือไม่ ? ในบทความนี้เราจะพาคุณไปค้นหาคำตอบว่าโปรแกรมนี้สามารถเปลี่ยนแปลงรูปหน้าของคุณได้อย่างไร พร้อมทั้งอธิบายขั้นตอนการทำงานของโบท็อกที่ช่วยคลายกล้ามเนื้อกรามและทำให้ใบหน้าดูเรียวขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ นอกจากนี้ยังมีคำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่ทำการฉีดโบท็อกในแบบที่ปลอดภัยและเห็นผลลัพธ์ที่รวดเร็ว มาดูกันว่าในระยะเวลาแค่ 7 วัน คุณจะเห็นการเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง ?
โปรแกรมฉีดโบลดกราม คืออะไร ?
โปรแกรมฉีดโบลดกราม (Jaw Botox) คือการฉีดสารโบทูลินัมท็อกซิน (Botulinum Toxin) เข้าไปที่กล้ามเนื้อบริเวณกราม (Masseter Muscle) เพื่อลดการทำงานและทำให้กล้ามเนื้อนั้นคลายตัว ส่งผลให้รูปหน้าดูเรียวและได้สัดส่วนมากขึ้น โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่มีปัญหากรามใหญ่จากการกัดฟันหรือกล้ามเนื้อหนา โปรแกรมฉีดโบลดกรามยังช่วยลดอาการปวดจากการนอนกัดฟันและความตึงเครียดบริเวณขากรรไกรอีกด้วย ทั้งนี้ ควรฉีดกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่สวยงามเป็นธรรมชาติ
อ่านบทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับ : โปรแกรมโบท็อกกราม
โปรแกรมฉีดโบลดกราม ทำให้หน้าเรียวจริงไหม ?
โปรแกรมฉีดโบลดกรามสามารถทำให้หน้าเรียวได้จริง โดยเฉพาะในกรณีที่กรามใหญ่เกิดจากกล้ามเนื้อ (Masseter Muscle) ไม่ใช่โครงกระดูก เมื่อฉีดโบทูลินัมท็อกซินเข้าไป กล้ามเนื้อกรามจะคลายตัวและมีขนาดเล็กลง ทำให้รูปหน้าดูเรียวและนุ่มนวลขึ้น ผลลัพธ์จะชัดเจนมากขึ้นหากทำอย่างสม่ำเสมอ เนื่องจากกล้ามเนื้อจะค่อย ๆ ลดการทำงานและเล็กลงถาวรในระยะยาว อย่างไรก็ตาม หากกรามใหญ่เกิดจากกระดูก อาจต้องใช้วิธีอื่นร่วมด้วย
อ่านบทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับ : กรามใหญ่ หน้าบาน
โปรแกรมโบท็อกกราม มีกระบวนการทำงานอย่างไร ?
โบท็อกกราม (Jaw Botox) ทำงานโดยใช้สารโบทูลินัมท็อกซิน (Botulinum Toxin) ในการยับยั้งการทำงานของเส้นประสาทที่ควบคุมการหดตัวของกล้ามเนื้อกราม ซึ่งเป็นกล้ามเนื้อที่ใช้สำหรับการบดเคี้ยวอาหาร โดยกระบวนการทำงานมีดังนี้
- การฉีดโบท็อก: แพทย์จะฉีดสารโบทูลินัมท็อกซินเข้าสู่บริเวณกล้ามเนื้อกรามในจุดที่เหมาะสมเพื่อให้ยาออกฤทธิ์เฉพาะจุด
- การออกฤทธิ์: โบท็อกจะเข้าไปยับยั้งการหลั่งสารสื่อประสาทที่เรียกว่า อะเซทิลโคลีน (Acetylcholine) ทำให้กล้ามเนื้อไม่สามารถหดตัวได้เต็มที่และคลายตัวลง
- การลดขนาดกล้ามเนื้อ: เมื่อกล้ามเนื้อไม่ได้ถูกใช้งานหนักเหมือนเดิม ขนาดของกล้ามเนื้อจะค่อยๆ เล็กลง ส่งผลให้กรอบหน้าดูเรียวขึ้นตามธรรมชาติ
โปรแกรมฉีดโบลดกราม อันตรายไหม ?
โปรแกรมฉีดโบลดกรามโดยทั่วไปถือว่าปลอดภัย หากทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและใช้โบท็อกของแท้ที่ผ่านการรับรอง อย่างไรก็ตาม อาจมีผลข้างเคียงเล็กน้อย เช่น อาการบวม ช้ำ หรือปวดบริเวณที่ฉีด ซึ่งมักหายเองภายในไม่กี่วัน ในบางกรณีที่ฉีดไม่ถูกตำแหน่งหรือฉีดปริมาณที่มากเกินไป
อาจทำให้เกิดอาการเคี้ยวอาหาลำบาก กล้ามเนื้ออ่อนแรง หรือใบหน้าไม่สมมาตรได้ แต่ผลข้างเคียงเหล่านี้มักเป็นเพียงชั่วคราวและจะค่อย ๆ หายไปเมื่อโบท็อกหมดฤทธิ์ภายใน 4-6 เดือน ดังนั้น หากเลือกคลินิกที่มีมาตรฐานและแพทย์ที่มีประสบการณ์ ความเสี่ยงจะต่ำมาก และสามารถได้ผลลัพธ์ที่สวยงามและปลอดภัย
โปรแกรมฉีดโบลดกราม กี่วันเห็นผล ?
โปรแกรมฉีดโบลดกรามจะเริ่มเห็นผลภายใน 7 วันหรือภายใน 2 สัปดาห์ หลังฉีด เนื่องจากต้องใช้เวลาให้กล้ามเนื้อกรามค่อย ๆ คลายตัวและลดขนาดลง ผลลัพธ์จะชัดเจนที่สุดประมาณ 1-2 เดือน หลังฉีด โดยใบหน้าจะดูเรียวขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ ทั้งนี้ ระยะเวลาการเห็นผลอาจแตกต่างกันไปตามสภาพกล้ามเนื้อของแต่ละบุคคล
หากกล้ามเนื้อกรามมีขนาดใหญ่ อาจต้องใช้เวลาและปริมาณโบท็อกมากกว่าปกติ สำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่คงอยู่ยาวนาน แนะนำให้ฉีดซ้ำอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งจะช่วยให้กล้ามเนื้อกรามค่อย ๆ ลดขนาดถาวรและใบหน้าดูเรียวขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ฉีดโปรแกรมโบท็อกกรามแล้วไม่เห็นผลเกิดจากอะไร ?
การฉีดโบท็อกกรามแล้วไม่เห็นผล อาจเกิดจากหลายสาเหตุ ดังนี้
- ใช้โบท็อกปลอมหรือไม่ได้มาตรฐาน: โบท็อกที่ไม่ได้รับการรับรองอาจไม่มีประสิทธิภาพหรือเสื่อมสภาพก่อนนำมาใช้
- ฉีดโบท็อกในปริมาณที่น้อยเกินไป: หากกล้ามเนื้อกรามมีขนาดใหญ่ แต่ใช้โบท็อกไม่เพียงพอ อาจทำให้ไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงชัดเจน
- ฉีดโบท็อกไม่ถูกชั้นกล้ามเนื้อ: หากแพทย์ไม่มีความชำนาญและฉีดไม่ตรงจุด อาจทำให้โบท็อกไม่ออกฤทธิ์ตามที่ต้องการ
- ภาวะดื้อโบท็อก (Botox Resistance): เกิดจากการใช้โบท็อกบ่อยเกินไปหรือใช้โบท็อกที่ไม่มีคุณภาพ ทำให้ร่างกายสร้างภูมิต้านทานและไม่ตอบสนองต่อยา
- โครงสร้างใบหน้าเป็นกระดูก ไม่ใช่กล้ามเนื้อ: หากสาเหตุของกรามใหญ่เกิดจากโครงกระดูก โบท็อกจะไม่สามารถช่วยให้ใบหน้าเรียวลงได้
- รอผลลัพธ์ไม่เพียงพอ: การฉีดโบท็อกต้องใช้เวลา โดยทั่วไปเริ่มเห็นผลที่ 2-4 สัปดาห์ และเห็นผลชัดที่สุดที่ประมาณ 1-2 เดือน
คำแนะนำ: หากฉีดแล้วไม่เห็นผล ควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินปัญหาและวางแผนการรักษาใหม่ เช่น เปลี่ยนแบรนด์โบท็อก เพิ่มปริมาณ หรือใช้วิธีอื่นร่วม
โปรแกรมฉีดโบลดกราม อยู่ได้นานไหม ?
โปรแกรมฉีดโบลดกรามสามารถอยู่ได้นานประมาณ 4-6 เดือน ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น ขนาดกล้ามเนื้อกราม การตอบสนองต่อโบท็อก และการดูแลหลังฉีด โดยโบท็อกจะค่อย ๆ ออกฤทธิ์ทำให้กล้ามเนื้อกรามคลายตัวและเล็กลง ผลลัพธ์จะชัดเจนที่สุดในช่วง 1-2 เดือนแรก
หลังจากนั้นกล้ามเนื้ออาจเริ่มกลับมาทำงานตามปกติ หากต้องการให้หน้าเรียวคงอยู่ยาวนานขึ้น ควรฉีดซ้ำอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งจะช่วยให้กล้ามเนื้อฝ่อลงและมีโอกาสเล็กลงถาวร ทำให้ใบหน้าเรียวขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติแม้จะฉีดน้อยลงในอนาคต
โปรแกรมฉีดโบลดกราม ข้อห้ามหลังฉีดมีอะไรบ้าง ?
ข้อห้ามหลังฉีดโบลดกราม เพื่อให้โบท็อกออกฤทธิ์ได้เต็มที่และลดความเสี่ยงจากผลข้างเคียง มีดังนี้
- ห้ามนวด กด หรือจับใบหน้าแรง ๆ ในบริเวณที่ฉีดในช่วง 24-48 ชั่วโมงแรก เพื่อป้องกันการกระจายของโบท็อกไปยังจุดที่ไม่ต้องการ
- งดการออกกำลังกายหนัก ๆ หรือกิจกรรมที่ทำให้ร่างกายร้อนหรือมีการไหลเวียนเลือดสูง เช่น ซาวน่าและโยคะร้อน เป็นเวลา 24 ชั่วโมง
- ห้ามนอนราบทันทีหลังฉีด ควรนั่งหรือนอนศีรษะสูงเป็นเวลาอย่างน้อย 4 ชั่วโมง เพื่อลดความเสี่ยงที่โบท็อกจะไหลไปบริเวณอื่น
- งดการทำหัตถการร้อนบนใบหน้า เช่น เลเซอร์ ทรีตเมนต์ร้อน RF หรือ HIFU อย่างน้อย 2 สัปดาห์ เพื่อป้องกันการสลายตัวของโบท็อกก่อนเวลา
หลังฉีดโบลดกราม ห้ามกินอะไร ?
อาหารที่ควรงดหลังฉีดโบลดกราม เพื่อช่วยให้โบท็อกออกฤทธิ์เต็มที่และลดความเสี่ยงจากผลข้างเคียง มีดังนี้
- อาหารที่มีโซเดียมสูง เช่น อาหารเค็มจัด บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป หรือของหมักดอง เพราะจะทำให้เกิดอาการบวมมากขึ้น
- เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เช่น เบียร์ ไวน์ หรือเหล้า ควรงดอย่างน้อย 24-48 ชั่วโมง เพราะแอลกอฮอล์ทำให้เลือดไหลเวียนเร็วขึ้น เพิ่มความเสี่ยงในการบวมและช้ำ
- คาเฟอีน เช่น กาแฟ ชา หรือเครื่องดื่มชูกำลัง เพราะอาจกระตุ้นการอักเสบและทำให้โบท็อกออกฤทธิ์ได้ไม่เต็มที่
- อาหารรสจัด เผ็ดจัด หรืออาหารทอดมัน เพราะอาจทำให้ร่างกายเกิดการอักเสบและบวมมากขึ้น
- อาหารที่ต้องเคี้ยวหนัก ๆ เช่น หมูกระทะ เนื้อเหนียว ๆ หรือหมากฝรั่ง ในช่วง 2-3 วันแรก เพื่อลดการกระตุ้นกล้ามเนื้อกรามก่อนที่โบท็อกจะเริ่มออกฤทธิ์เต็มที่
ต้องฉีดโปรแกรมโบท็อกกี่ครั้งถึงเห็นผลดีที่สุด ?
การฉีดโบท็อกกรามเพื่อให้เห็นผลดีที่สุด ควรฉีดอย่างสม่ำเสมอประมาณ 2-3 ครั้ง โดยเว้นระยะห่างทุก 4-6 เดือน โดยครั้งแรกจะเริ่มเห็นผลชัดในช่วง 1-2 เดือน แต่กล้ามเนื้ออาจค่อย ๆ กลับมา หากฉีดซ้ำในครั้งที่สองและสาม กล้ามเนื้อจะค่อย ๆ ฝ่อลงและเล็กลงอย่างเป็นธรรมชาติ ทำให้ใบหน้าเรียวขึ้นและผลลัพธ์อยู่ได้นานขึ้น หลังจากฉีดครบตามรอบต่อเนื่อง 2-3 ครั้ง บางรายอาจไม่จำเป็นต้องฉีดบ่อย ๆ อีก เพราะกล้ามเนื้อจะลดขนาดลงถาวร ช่วยให้ใบหน้าเรียวสวยแม้หลังจากโบท็อกหมดฤทธิ์
โปรแกรมฉีดโบลดกราม ราคาอยู่เท่าไร ?
โปรแกรมฉีดโบลดกราม ราคาโดยทั่วไปจะเริ่มต้นที่ประมาณ 4,000 บาท ขึ้นอยู่กับปริมาณยูนิตที่ใช้ ยี่ห้อของโบท็อก (เช่น โบท็อกเกาหลี อเมริกา) และสถานที่ที่ทำการฉีด ซึ่งการฉีดโบท็อกลดกรามมักต้องใช้ประมาณ 50-100 ยูนิต โดยราคาอาจแตกต่างกันไปตามความต้องการและระดับความเชี่ยวชาญของแพทย์ที่ทำการฉีด นอกจากนี้ยังมีโปรโมชั่นที่ทำให้ราคาอาจถูกลงในบางช่วง ดังนั้นการเลือกคลินิกที่มีมาตรฐานและแพทย์ที่เชี่ยวชาญก็เป็นปัจจัยสำคัญ
ทำไมต้องฉีดโปรแกรมโบท็อกกรามที่ลีเอนจาง
การฉีดโปรแกรมโบท็อกกรามที่ ลีเอนจาง คลินิก เป็นทางเลือกที่ดี เนื่องจากเป็นคลินิกที่มีมาตรฐานสูงและแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ในการฉีดโบท็อก เพื่อการปรับรูปหน้าอย่างเป็นธรรมชาติ พร้อมทั้งใช้โบท็อกของแท้จากแบรนด์ชั้นนำ ซึ่งมีความปลอดภัยและออกฤทธิ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
และยังให้บริการที่เป็นมิตรและใส่ใจในทุกรายละเอียดในการดูแลผู้มาใช้บริการ ทำให้คุณมั่นใจได้ว่าจะได้ผลลัพธ์ที่ดีและคุ้มค่าในระยะยาว นอกจากนี้ ลีเอนจางยังมีโปรแกรมที่หลากหลายเพื่อเสริมความสวยครบวงจร ทำให้การฉีดโบท็อกลดกรามที่นี่ได้รับความนิยมจากผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่สวยงามและปลอดภัย
คำถามที่พบบ่อย
หลังฉีดโบลดกราม เคี้ยวหมากฝรั่งได้ไหม ?
หลังการฉีดโบท็อกลดกราม การเคี้ยวหมากฝรั่งสามารถทำได้ แต่ควรหลีกเลี่ยงการเคี้ยวหนัก ๆ หรือเคี้ยวเป็นเวลานานในช่วง 1-2 วันแรก หลังการฉีด เพื่อให้โบท็อกออกฤทธิ์ได้เต็มที่และลดความเสี่ยงในการเกิดอาการบวมหรือผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น การเคี้ยวหมากฝรั่งเบา ๆ สามารถช่วยกระตุ้นการทำงานของกล้ามเนื้อกรามเบา ๆ ซึ่งอาจช่วยให้โบท็อกออกฤทธิ์ได้ดีขึ้นในระยะยาว แต่ควรระมัดระวังไม่ให้เคี้ยวหนักเกินไปในช่วงที่กล้ามเนื้อกรามยังคงคลายตัวจากโบท็อก
หลังฉีดโบลดกรามนอนตะแคงได้ไหม ?
หลังการฉีดโบท็อกลดกราม ควรหลีกเลี่ยงการนอนตะแคงในช่วง 24-48 ชั่วโมงแรก เพื่อให้โบท็อกกระจายตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพและไม่เกิดการกระจายไปยังบริเวณอื่นที่ไม่ต้องการ การนอนตะแคงในช่วงเวลานี้อาจทำให้โบท็อกไหลหรือเคลื่อนตัว ซึ่งอาจส่งผลให้ผลลัพธ์ไม่เป็นไปตามที่คาดหวังหรือเกิดผลข้างเคียงได้ เช่น อาการบวมหรือไม่สมดุลของใบหน้า ดังนั้นควรนอนในท่าศีรษะสูงหรือนอนหงายเพื่อช่วยให้โบท็อกทำงานได้ดีที่สุดในช่วงเวลาหลังการฉีด
อยากหน้าเรียว ต้องฉีดโปรแกรมโบท็อกเท่านั้นจริงไหม ?
การฉีดโปรแกรมโบท็อกเพื่อปรับรูปหน้าให้เรียวเป็นหนึ่งในวิธีที่ได้รับความนิยมและเห็นผลเร็ว แต่ไม่ใช่วิธีเดียวที่สามารถทำให้หน้าเรียวได้ จริง ๆ แล้ว ยังมีวิธีอื่น ๆ ที่สามารถช่วยปรับรูปหน้าได้ เช่น การใช้ฟิลเลอร์เพื่อเติมเต็มส่วนที่ต้องการ การกระชับผิว หรือการลดไขมันโดยการฉีดแฟต
ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับลักษณะใบหน้าและความต้องการของแต่ละบุคคล ถ้าคุณต้องการผลลัพธ์ที่ตรงกับความต้องการมากขึ้น ควรปรึกษากับแพทย์เพื่อเลือกวิธีที่เหมาะสมที่สุดกับใบหน้าของคุณ หากสงสัยหรืออยากปรึกษากับแพทย์เพื่อประเมินใบหน้าสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ Line Official Account : @Lienjangthailand
ฉีดโปรแกรมโบท็อกกรามแล้วยิ้มไม่สุดเกิดจากอะไร ?
อาจเกิดจากการที่โบท็อกเข้าไปคลายกล้ามเนื้อบริเวณกรามมากเกินไป หรือโบท็อกอาจกระจายไปยังกล้ามเนื้อบริเวณอื่นที่เกี่ยวข้องกับการยิ้ม เช่น กล้ามเนื้อที่ใช้ในการยิ้ม ซึ่งอาจทำให้การเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อบริเวณนั้นลดลง ส่งผลให้ไม่สามารถยิ้มได้เต็มที่ การฉีดในปริมาณที่ไม่เหมาะสมหรือการฉีดในตำแหน่งที่ไม่ถูกต้องก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดปัญหานี้ได้
สรุป
โปรแกรมฉีดโบลดกรามช่วยปรับรูปหน้าให้เรียวขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ โดยการคลายกล้ามเนื้อกรามที่ใหญ่หรือแข็งตัวออก ทำให้ใบหน้าดูเรียวและสมส่วนมากขึ้น นอกจากนี้ยังสามารถช่วยลดกรามที่มาจากการขยายตัวของกล้ามเนื้อ โดยไม่ต้องผ่าตัด มีระยะเวลาการฟื้นตัวที่รวดเร็ว และผลลัพธ์สามารถเห็นได้ภายใน 7 วัน หรือ 2 สัปดาห์ โดยจะอยู่ได้นานประมาณ 4-6 เดือน การฉีดโบท็อกจึงเป็นวิธีที่ปลอดภัยและได้ผลดีสำหรับผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าให้เรียวและดูสวยขึ้นโดยไม่ต้องเจ็บตัวมาก