เชื่อว่าใคร ๆ ก็อยากที่จะมีรูปหน้าที่เรียวสวยกระชับ แต่ติดปัญหาแก้มห้อย เหนียงย้อย จนทำให้ขาดความมั่นใจ ถ่ายรูปออกมามุมไหนก็เห็นเหนียงได้ชัด เลยทำให้หลาย ๆ คนหันมาให้ความสนใจในการหาวิธีลดแก้ม ลดเหนียงกัน เพราะการมีรูปหน้าที่สวย เรียวยาว และดูกระชับ จะช่วยเสริมบุคลิกให้ดูดีขึ้นและช่วยเพิ่มความมั่นใจได้อีกด้วย
สำหรับใครที่กำลังมองหาวิธีลดไขมันแก้มและเหนียงอยู่ ในบทความนี้ลีเอนจาง คลินิก จะมาแนะนำ 15 วิธี ที่ช่วยให้ใบหน้ากลับมาหน้าเรียวสวย กรอบหน้าชัดได้ดังเดิม มีทั้งแบบวิธีธรรมชาติ และแบบเร่งด่วน พร้อมทั้งให้ความรู้เกี่ยวกับปัญหาแก้มห้อย เหนียงย้อย ว่าเกิดจากสาเหตุอะไร ? อย่ารอช้ามาดูกันเลยค่ะ
วิธีลดแก้ม ลดเหนียง มีความสำคัญอย่างไร ?
วิธีลดแก้ม ลดเหนียง มีความสำคัญในหลายแง่มุม ทั้งด้านความงามและด้านสุขภาพ โดยการมีรูปหน้าเรียวและกระชับ จะสามารถเพิ่มความมั่นใจในตัวเอง เพราะการมีรูปหน้าเป็นส่วนสำคัญในการสร้างภาพลักษณ์ที่ดี การมีแก้มที่น้อยลงอาจทำให้ดูอ่อนเยาว์และสดใสมากขึ้นการลดแก้มมักมีความเกี่ยวข้องกับการลดน้ำหนักและการดูแลสุขภาพ โดยการทำกิจกรรมที่ช่วยลดไขมันในร่างกาย เช่น การออกกำลังกายและการรับประทานอาหารที่เหมาะสม
ปัญหาแก้มห้อย เหนียงย้อย เกิดจากสาเหตุอะไร ?
สาเหตุของปัญหาแก้มห้อยและเหนียงย้อยเกิดจากหลายปัจจัย ดังนี้
- การสะสมของไขมัน : บริเวณแก้มและใต้คางเป็นบริเวณที่สามารถสะสมไขมันได้ง่าย โดยเฉพาะการมีน้ำหนักที่มากขึ้น
- พันธุกรรม : รูปหน้าหรือโครงสร้างใบหน้าที่มีการสะสมไขมันมาก อาจเกิดจากพันธุกรรมของแต่ละบุคคล
- การหย่อนคล้อยของผิว : เมื่ออายุมากขึ้น ผิวหนังจะสูญเสียความยืดหยุ่นจากการลดลงของคอลลาเจนและอีลาสตินในผิวหนัง ทำให้แก้มและเหนียงดูหย่อนคล้อยกว่าตอนอายุยังน้อย
- น้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้น : การมีน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้น ทำให้ไขมันสะสมมากขึ้นในส่วนของแก้มและเหนียง
- พฤติกรรมการใช้ชีวิต : การก้มหน้าเป็นเวลานาน เช่น การเล่นโทรศัพท์หรือทำงานกับคอมพิวเตอร์ สามารถทำให้ความหย่อนคล้อยของเหนียงมีความเด่นชัดมากขึ้น
- การสูญเสียมวลกล้ามเนื้อ: กล้ามเนื้อใบหน้าและคางอาจอ่อนแอหรือหดตัวลง ทำให้ผิวหนังหย่อนคล้อยได้ง่ายขึ้นและเกิดเหนียงได้ง่าย
- ฮอร์โมน : การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนอาจมีผลต่อการสะสมไขมันในบางส่วนของร่างกาย
การสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ : ส่งผลให้การผลิตคอลลาเจนลดลงและเกิดการหย่อนคล้อยเร็วขึ้น
ลักษณะของคนแก้มห้อย เหนียงย้อย
ลักษณะของคนที่มีแก้มห้อยและเหนียงย้อยสามารถมองเห็นได้ชัดเจนของใบหน้าและลำคอ คนที่มีแก้มและเหนียงเยอะอาจรู้สึกว่าใบหน้าดูไม่คมชัดหรือไม่เป็นรูปทรง V-shape ทำให้ใบหน้าดูใหญ่กว่าที่ควร โดยจะมีลักษณะดังนี้
- แก้มห้อย: ใบหน้าดูกลมและกว้าง เนื่องจากมีไขมันสะสมบริเวณแก้มมาก เมื่อยิ้มหรือแสดงอารมณ์ ใบหน้าจะดูมีปริมาณเนื้อเยอะบริเวณแก้ม และแก้มอาจดูหย่อนคล้อยเล็กน้อย โดยเฉพาะเมื่ออายุมากขึ้น และมีโหนกแก้มไม่ชัดเจน เนื่องจากมีไขมันมากที่ปกคลุมบริเวณแก้ม
- เหนียงย้อย: มีไขมันสะสมใต้คาง ทำให้เกิดลักษณะคางสองชั้น (double chin) มองเห็นลำคอไม่ชัดเจน เพราะถูกปกคลุมด้วยไขมันที่สะสมบริเวณเหนียง รวมถึงการนั่งหรือยืนที่มีการก้มหน้ามักทำให้เหนียงดูเด่นชัดมากขึ้น เมื่ออายุมากขึ้น ผิวบริเวณเหนียงอาจหย่อนคล้อย ทำให้เกิดลักษณะหย่อนยานที่เห็นได้ชัดเจนมากขึ้น
วิธีลดแก้มแบบธรรมชาติ VS วิธีลดแก้มแบบเร่งด่วน
วิธีลดแก้มและเหนียง สามารถทำได้ทั้งแบบธรรมชาติและแบบเร่งด่วน ซึ่งแต่ละวิธีมีข้อดีและข้อด้อยที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับความต้องการและความเหมาะสมของแต่ละคน มาดูข้อเปรียบเทียบระหว่างสองวิธีนี้กันค่ะว่าเป็นอย่างไร
วิธีลดแก้มแบบธรรมชาติ : ปลอดภัยและไม่มีผลข้างเคียง เนื่องจากไม่มีการใช้สารเคมีหรือการผ่าตัด การลดแก้มแบบนี้สามารถช่วยให้ผลลัพธ์คงทนในระยะยาวและดูเป็นธรรมชาติ นอกจากจะช่วยลดแก้ม ลดเหนียงแล้วยังส่งผลดีต่อสุขภาพร่างกายอีกด้วย แต่ผลลัพธ์จะไม่ปรากฏชัดเจนในทันที ต้องใช้ความสม่ำเสมอ ทำอย่างต่อเนื่อง และผลลัพธ์อาจจะไม่แน่นอน ขึ้นอยู่กับพันธุกรรมและสภาพร่างกายของแต่ละบุคคล
วิธีลดแก้มแบบเร่งด่วน : เป็นวิธีที่ให้ผลลัพธ์รวดเร็ว สามารถเห็นความแตกต่างได้ภายในไม่กี่วันหรือทันทีหลังทำ เช่น ในกรณีที่มีงานสำคัญหรือโอกาสพิเศษ มักใช้เทคโนโลยีที่มีความปลอดภัยและความแม่นยำสูง ที่มีการตรวจสอบจากแพทย์ผู้ชำนาญการ แต่วิธีนี้มักมีราคาสูงกว่าการวิธีลดแก้มห้อยแบบธรรมชาติ หลังทำอาจมีอาการบวม แดง หรือช้ำเพียงเล็กน้อย ผลลัพธ์อาจไม่ถาวร หากไม่รักษาน้ำหนักหรือไม่ดูแลตัวเอง ไขมันอาจกลับมาสะสมได้
10 วิธีลดแก้มแบบธรรมชาติ
1. ท่าบริหารใบหน้าลดแก้ม
การทำท่าบริหารใบหน้าเพื่อช่วยกระชับกล้ามเนื้อใบหน้าและทำให้แก้มดูเรียวขึ้นได้ และสามารถทำได้ง่าย ๆ ด้วยตัวเองที่บ้าน มาดูท่าบริหารที่ช่วยลดแก้มและทำให้ใบหน้าดูกระชับขึ้นกันค่ะ ว่ามีท่าไหนบ้าง ?
- ท่า Fish Face (ท่าปลาตอด) ดูดแก้มเข้าไปให้ริมฝีปากเป็นรูปตัว O พยายามยิ้มขณะที่ยังดูดแก้มอยู่ ค้างท่านี้ไว้ 5-10 วินาที แล้วปล่อย ทำซ้ำ 10-15 ครั้ง ช่วยยกกระชับกล้ามเนื้อแก้มและริมฝีปาก
- ท่า Cheek Puff Exercise (ท่าป่องแก้ม) สูดลมหายใจเข้าเต็มปอด จากนั้นป่องลมไว้ที่แก้มข้างหนึ่ง สลับลมไปมาระหว่างแก้มทั้งสองข้าง โดยการดันลมภายในปากกลับไปกลับมา ทำเช่นนี้ 10-15 ครั้ง ทำซ้ำ 3 รอบ จะช่วยลดแก้มและเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อใบหน้า
- ท่า Smile Smoothing (ท่ายิ้มกว้าง) ยิ้มให้กว้างที่สุดเท่าที่จะทำได้ (ให้รู้สึกว่ากล้ามเนื้อแก้มยืดเต็มที่) ค้างไว้ประมาณ 5-10 วินาที แล้วผ่อนคลาย ทำซ้ำ 10-15 ครั้ง ช่วยกระชับกล้ามเนื้อแก้มและลดการหย่อนคล้อยของผิวหน้า
- ท่า Balloon Pose (ท่าเป่าลูกโป่ง) ดูดลมเข้าเต็มปากและเป่าลมออกแรง ๆ (เหมือนการเป่าลูกโป่ง) ทำต่อเนื่อง 10-15 ครั้ง ทำซ้ำ 2-3 รอบ จะช่วยให้กล้ามเนื้อใบหน้าทำงานมากขึ้น ลดการสะสมของไขมันบริเวณแก้ม
- ท่า Jaw Release (ท่ายืดกราม) หลับตาและคลายกรามให้ผ่อนคลาย ดันลิ้นขึ้นไปแตะที่เพดานปากและทำปากคล้ายกับการเคี้ยวอาหาร ค้างท่านี้ไว้ 5-10 วินาที แล้วปล่อย ทำซ้ำ 10-15 ครั้ง ช่วยลดแก้มและเหนียง พร้อมกระชับกล้ามเนื้อบริเวณกรามและลำคอ
- ท่า Chin Lift (ท่ายกคาง) เงยหน้าขึ้นมองเพดานและยืดคางออกให้มากที่สุด ทำปากเป็นรูปตัว O และค้างไว้ 5-10 วินาที ปล่อยและทำซ้ำ 10-15 ครั้ง ช่วยกระชับคางและลำคอ ลดการสะสมของไขมันที่เหนียง
- ท่า Blowing Air (ท่าเป่าลม) เงยหน้าขึ้นเล็กน้อย แล้วเป่าลมออกจากปาก ค้างท่านี้ไว้ 5-10 วินาที แล้วปล่อยทำซ้ำ 10-15 ครั้ง ช่วยกระชับกล้ามเนื้อบริเวณคางและลำคอ
- ท่า Tongue Stretch (ท่ายืดลิ้น) ยืดลิ้นออกมาให้ไกลที่สุดและค้างไว้ 5-10 วินาที ผ่อนคลายแล้วทำซ้ำ 10-15 ครั้ง ช่วยกระชับกล้ามเนื้อรอบปากและคาง
*การทำท่าบริหารเหล่านี้อย่างต่อเนื่องทุกวันสามารถช่วยลดแก้มและทำให้กล้ามเนื้อใบหน้ากระชับมากขึ้น ควรทำควบคู่ไปกับการควบคุมอาหารและการออกกำลังกายโดยรวมเพื่อให้ผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น*
2. การรับประทานอาหาร
การรับประทานอาหารเป็นส่วนสำคัญในการดูแลสุขภาพร่างกายและรูปร่าง รวมถึงการลดแก้มและไขมันสะสมบริเวณใบหน้า การเลือกอาหารที่เหมาะสมสามารถช่วยส่งเสริมกระบวนการเผาผลาญไขมันและป้องกันการบวมน้ำที่อาจทำให้ใบหน้าดูบวม ควรรับประทานอาหารที่มีโปรตีนสูง เช่น เนื้อสัตว์ไร้ไขมัน ถั่วและเมล็ดพืช ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อและเร่งการเผาผลาญ และผัก ผลไม้ที่มีไฟเบอร์สูง เช่น ผักใบเขียว ผลไม้ที่มีน้ำเยอะ ช่วยลดการบวมน้ำและเพิ่มไฟเบอร์ให้กับร่างกาย และผลไม้ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับร่างกาย ขับของเสียออกจากร่างกายได้อีกด้วย
ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสเค็มจัด เนื่องจากความเค็มจากเกลือทำให้ร่างกายกักเก็บน้ำและทำให้ใบหน้าดูบวม อาหารที่มีเกลือสูงได้แก่ ขนมขบเคี้ยว อาหารแปรรูป อาหารกระป๋อง และอาหารฟาสต์ฟู้ด อาหารอีกประเภทที่ควรหลีกเลี่ยงก็คือ อาหารทอดและอาหารที่มีไขมันทรานส์ อาหารที่มีไขมันทรานส์ เช่น มันฝรั่งทอด โดนัท และขนมกรุบกรอบ ทำให้เกิดการสะสมของไขมันในร่างกาย การรับประทานอาหารอย่างสมดุลจะช่วยลดแก้มและรักษาสุขภาพได้ในระยะยาว ควรทำควบคู่ไปกับการออกกำลังกายเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
3. ปรับลักษณะการนอน
การปรับลักษณะการนอนให้เหมาะสมไม่เพียงช่วยเรื่องการพักผ่อน แต่ยังส่งผลต่อสุขภาพผิวหน้า รวมถึงการลดแก้มและเหนียงได้ด้วย การนอนหลับอย่างถูกต้องสามารถช่วยให้ใบหน้าดูสดใส ผิวตึงกระชับ และลดการสะสมของไขมันบริเวณใบหน้า เช่น การนอนให้เพียงพอ (7-9 ชั่วโมงต่อคืน) การนอนหลับไม่เพียงพออาจทำให้ร่างกายผลิตคอร์ติซอล (ฮอร์โมนเครียด) มากขึ้น ซึ่งส่งผลให้เกิดการสะสมของไขมันและการบวมน้ำที่ใบหน้า นอนหลับอย่างเพียงพอช่วยให้ผิวฟื้นฟูตัวเอง ลดการเกิดริ้วรอยและความหย่อนคล้อยบนใบหน้า
และเลือกหมอนที่มีความสูงเหมาะสม หากหมอนสูงเกินไป อาจทำให้คอและกระดูกสันหลังไม่อยู่ในแนวเดียวกัน อาจทำให้เกิดการสะสมไขมันหรือเหนียงได้ง่ายขึ้น และหมอนต่ำเกินไป อาจทำให้ของเหลวสะสมบริเวณใบหน้า ทำให้ใบหน้าบวมหลังตื่นนอน หมอนที่เหมาะสมควรมีความสูงพอให้คออยู่ในแนวตรงและช่วยกระชับบริเวณคอและคาง
4. ดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอ
การดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อสุขภาพร่างกายและความงามของผิว น้ำเป็นส่วนประกอบหลักของร่างกายที่ช่วยในการทำงานของระบบต่าง ๆ อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงช่วยรักษาสมดุลความชุ่มชื้นของผิวและลดอาการบวมที่ใบหน้า ซึ่งมีผลโดยตรงในการลดแก้มและเหนียง ช่วยให้ผิวชุ่มชื้นและกระชับจากภายใน ลดแห้งกร้านและการเกิดผิวขาดน้ำ ผิวที่ชุ่มชื้นจะดูเต่งตึงและกระชับมากขึ้น ลดการหย่อนคล้อยของผิวหน้าและแก้ม
ปริมาณน้ำที่ควรดื่มจะแตกต่างกันไปตามกิจกรรมในแต่ละวันและสภาพอากาศ แต่โดยทั่วไปแล้วการดื่มน้ำประมาณ 8-10 แก้วต่อวัน (2-3 ลิตร) เป็นปริมาณที่เพียงพอสำหรับร่างกาย และผู้ที่ออกกำลังกายหรืออยู่ในสภาพอากาศร้อน ควรดื่มน้ำเพิ่มเพื่อชดเชยการสูญเสียน้ำจากเหงื่อ การดื่มน้ำให้เพียงพอเป็นวิธีลดแก้ม ง่าย ๆ และได้ผลดีในการดูแลสุขภาพร่างกายและผิวพรรณ ใบหน้าที่ดูเต่งตึงและกระชับขึ้นเกิดจากการดูแลเรื่องน้ำในร่างกาย
5. หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
การหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นสิ่งที่สำคัญในการดูแลสุขภาพโดยรวม รวมถึงการลดไขมันสะสมบริเวณแก้มและเหนียง เพราะเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มีฤทธิ์ขับปัสสาวะ ทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำมากกว่าปกติ เมื่อร่างกายขาดน้ำ ผิวหน้าจะดูแห้งเหี่ยว ขาดความยืดหยุ่น และทำให้ใบหน้าดูบวมได้ง่าย เมื่อร่างกายขาดน้ำ ผิวจะขาดความชุ่มชื้นและทำให้เกิดริ้วรอยได้เร็วขึ้น
อีกทั้งแอลกอฮอล์มีผลต่อการทำงานของตับและไตในการขับของเสีย เมื่อการขับของเสียทำได้ไม่เต็มที่ ของเหลวอาจสะสมในร่างกายและทำให้เกิดอาการบวมน้ำ โดยเฉพาะที่ใบหน้า และแอลกอฮอล์ยังไปขัดขวางกระบวนการเผาผลาญไขมันในร่างกาย ตับต้องใช้เวลาในการกำจัดแอลกอฮอล์แทนที่จะเผาผลาญไขมัน ส่งผลให้การสลายไขมันช้าลงและเกิดการสะสมไขมันที่แก้มและเหนียงได้ง่ายขึ้น
6. การแต่งหน้า
การแต่งหน้าเป็นอีก หนึ่งวิธีที่ช่วยเสริมความมั่นใจและทำให้ใบหน้าดูเรียวขึ้นได้ทันที โดยไม่ต้องพึ่งการผ่าตัดหรือการทำศัลยกรรม การเลือกใช้เทคนิคการแต่งหน้าให้เหมาะสมสามารถช่วยให้ใบหน้าดูสวยมีมิติ ลดลักษณะแก้มเยอะหรือเหนียงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ต่อไปนี้คือเทคนิคการแต่งหน้าเพื่อปรับรูปหน้าและลดแก้ม เช่น การใช้คอนทัวร์และไฮไลท์ (Contouring & Highlighting) เป็นการใช้เฉดสีเข้มกว่าผิวเพื่อสร้างเงาบริเวณข้างแก้ม กรอบหน้า และคาง
ช่วยทำให้ใบหน้าดูเรียวและมีโครงหน้าเด่นชัดขึ้น
และตามด้วยการไฮไลท์ ใช้เฉดสีที่สว่างกว่าผิวเพื่อดึงดูดแสงและเพิ่มมิติให้กับใบหน้า ไฮไลท์บริเวณหน้าผาก กลางจมูก โหนกแก้ม และคาง เพื่อทำให้หน้าดูสดใสและดึงความสนใจไปยังบริเวณที่ต้องการ การแต่งหน้าที่ถูกวิธีสามารถช่วยปรับรูปหน้าและทำให้ใบหน้าดูเรียวขึ้นได้อย่างทันที ลองนำเทคนิคเหล่านี้ไปใช้เพื่อเสริมความมั่นใจในทุกวัน
7. การปรับเปลี่ยนทรงผม
การปรับเปลี่ยนทรงผมเป็นอีกหนึ่งวิธีลดแก้มที่ช่วยให้ใบหน้าดูเรียวและมีมิติได้ดี โดยเฉพาะสำหรับคนที่มีปัญหาแก้มเยอะหรือเหนียง การเลือกทรงผมที่เหมาะสมสามารถช่วยเบี่ยงเบนความสนใจจากลักษณะเหล่านี้ได้ เช่น ทรงผมยาว ทรงผมยาวตรงจะช่วยให้ใบหน้าดูเรียวขึ้น โดยการปล่อยผมให้ปิดแก้มบางส่วน ทำให้ความกว้างของใบหน้าดูลดลง และการทำเลเยอร์ให้ผมยาวจะช่วยเพิ่มมิติให้กับใบหน้า สามารถทำให้แก้มดูเล็กลงได้ โดยเฉพาะการสไลด์ผมให้ปิดแก้ม
ทรงผมที่ควรหลีกเลี่ยง คือ ทรงผมที่มีความหนาและตรงอาจทำให้หน้าดูใหญ่ขึ้น ควรหลีกเลี่ยงการทำผมทรงนี้ และทรงผมสั้นกุดที่ไม่ทำเลเยอร์อาจทำให้ใบหน้าดูเหลี่ยมและไม่มีมิติ ซึ่งการปรับเปลี่ยนทรงผมให้เหมาะสมกับใบหน้าสามารถช่วยเสริมบุคลิกภาพและความมั่นใจให้มากขึ้น ลองทดลองทรงผมที่หลากหลายเพื่อหาทรงที่ใช่และเหมาะกับคุณที่สุด!
8. ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต
การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตสามารถส่งผลดีต่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตในระยะยาว โดยเฉพาะหากคุณต้องการลดแก้มเยอะหรือเหนียง เช่น การก้มหน้าเป็นเวลานานอาจส่งผลให้เกิดแก้มห้อยและเหนียงย้อยได้ เนื่องจากการก้มหน้าเป็นเวลานานทำให้กล้ามเนื้อบริเวณคอและใบหน้าไม่ได้ทำงานอย่างเต็มที่ ซึ่งอาจทำให้กล้ามเนื้อเหล่านี้เสื่อมสภาพและเกิดความหย่อนคล้อย
รวมถึงการอยู่ในท่าก้มอาจทำให้การไหลเวียนเลือดในบริเวณใบหน้าและลำคอลดลง ทำให้ผิวหนังไม่สดใสและเกิดความหย่อนคล้อย หากมีพฤติกรรมการนั่งทำงานในท่าก้มเป็นประจำ เช่น การใช้คอมพิวเตอร์หรือมือถือ อาจทำให้เกิดปัญหานี้ได้มากขึ้น การปรับท่าทางให้ตรงและการออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อใบหน้าและคอ เช่น การทำท่าบริหารใบหน้า เป็นวิธีลดแก้มที่ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดแก้มห้อยและเหนียงย้อยได้ค่ะ
9. ใช้อุปกรณ์ลดแก้ม
การใช้อุปกรณ์ที่ช่วยลดแก้มเป็นอีกหนึ่งวิธีที่สามารถช่วยให้ใบหน้าดูเรียวและกระชับขึ้นได้ โดยมีหลายประเภทอุปกรณ์ที่สามารถเลือกใช้ได้ ขึ้นอยู่กับความสะดวกและผลลัพธ์ที่ต้องการ มาดูกันว่าอุปกรณ์ที่นิยมใช้นั้นมีอะไรบ้างและวิธีการใช้งานเป็นอย่างไร
เครื่องนวดหน้า จะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด และกระชับกล้ามเนื้อใบหน้า ใช้เครื่องนวดตามแนวของกรอบหน้า เช่น จากคางขึ้นไปหาขมับ หรือตามแนวโหนกแก้ม ใช้ประมาณ 5-10 นาทีต่อวัน
อุปกรณ์นวดหน้าด้วยมือ เช่น ลูกกลิ้งหน้า (Facial Roller) หรือ Gua Sha ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนและลดอาการบวม ใช้ลูกกลิ้งนวดจากกลางหน้าไปยังข้างใบหน้า และนวดด้วย Gua Sha ตามแนวกรอบหน้า โดยเริ่มจากคางขึ้นไปยังขมับ
ผ้าพันหน้า หรือสายรัดช่วยในการกระชับใบหน้า สวมใส่หลังจากการทำความสะอาดใบหน้า โดยควรสวมใส่ในช่วงเวลาที่ผ่อนคลายหรือขณะนอนหลับ
10. นวดหน้าลดแก้ม
การนวดหน้าเพื่อลดแก้มเป็นวิธีที่ดีในการกระชับกล้ามเนื้อใบหน้า ลดการบวม และช่วยให้ใบหน้าดูเรียวขึ้น การนวดสามารถทำได้ง่าย ๆ ที่บ้าน โดยไม่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์พิเศษ และขั้นตอนการนวดหน้าเพื่อลดแก้มที่คุณสามารถทำได้มีดังนี้
- เริ่มจากกลางหน้า ใช้นิ้วกลางและนิ้วนางกดเบา ๆ บริเวณกลางหน้าผาก จากนั้นลากนิ้วออกไปทางด้านข้าง
- นวดบริเวณโหนกแก้ม ใช้นิ้วชี้และนิ้วกลางนวดจากจมูกไปยังโหนกแก้ม ใช้แรงกดพอประมาณ นวดวนเป็นวงกลม 5-10 ครั้ง
- นวดบริเวณกราม ใช้นิ้วโป้งกดที่บริเวณกราม (ใต้โหนกแก้ม) แล้วลากนิ้วขึ้นไปยังขมับ ทำซ้ำประมาณ 5-10 ครั้ง
- นวดบริเวณคาง ใช้นิ้วโป้งกดที่คางและลากขึ้นไปทางด้านข้าง (ตามแนวกรอบหน้า) ทำซ้ำประมาณ 5-10 ครั้ง
- นวดใต้ตา ใช้นิ้วชี้กดเบา ๆ บริเวณใต้ตา โดยเริ่มจากมุมในของตาไปยังมุมด้านนอกของตา
- นวดรอบริมฝีปาก ใช้นิ้วชี้และนิ้วนางนวดรอบริมฝีปาก โดยเริ่มจากมุมริมฝีปากไปจนถึงกลางปาก
หลังจากนวดเสร็จ ควรทำความสะอาดใบหน้าอีกครั้งแล้วทาครีมบำรุงหรือเซรั่ม เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวหน้า ควรทำการนวดหน้าประมาณ 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์เพื่อให้เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน การฝึกหายใจลึกจะช่วยให้ผ่อนคลายระหว่างการนวด ระวังไม่กดแรงเกินไปเพราะอาจทำให้เกิดความระคายเคืองได้ การนวดหน้าเพื่อลดแก้มไม่เพียงแต่ช่วยให้ใบหน้าดูเรียวขึ้น แต่ยังช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายและเพิ่มความสดชื่นให้กับผิวอีกด้วย!
5 วิธีลดแก้มแบบเร่งด่วน
วิธีลดแก้มแบบเร่งด่วนเป็นวิธีที่นิยมเลือกใช้กันอย่างมาก ไม่ว่าจะหน้ากลม แก้มห้อย แก้มป่อง เหนียงเยอะ วิธีต่อไปนี้สามารถแก้ได้แน่นอน โดยจะขอยกตัวอย่างวิธียอดนิยมและเห็นผลจริงจากลีเอนจาง คลินิก มา 5 วิธี จะมีวิธีไหนบ้างรีบไปดูกันเลย
1.วิธีลดแก้มด้วยการฉีดเมโสแฟต
การฉีดสลายไขมันแก้มด้วยเมโสแฟต (Meso Fat) เป็นวิธีที่นิยมใช้เพื่อลดไขมันสะสมบริเวณแก้มและกรอบหน้า โดยเฉพาะในคนที่มีแก้มเยอะหรือเหนียงย้อย วิธีนี้ช่วยให้ใบหน้าดูเรียวและกระชับมากขึ้น โดยเมโสแฟต คือ การฉีดสารสลายไขมันที่ประกอบด้วยสารต่าง ๆ เช่น ฟอสฟาติดิลโคลีน (Phosphatidylcholine) และดีออกซีโคลีน (Deoxycholic Acid) เมื่อฉีดสารนี้เข้าไปในบริเวณที่มีไขมันสะสม จะช่วยทำลายเซลล์ไขมัน และจะขับไขมันออกไปตามกระบวนการของร่างกาย
เป็นวิธีที่ไม่ต้องการการผ่าตัดและมีเวลาพักฟื้นน้อย ผู้รับบริการมักจะเห็นผลลัพธ์ในระยะเวลาประมาณ 2-4 สัปดาห์หลังการฉีด สามารถทำให้ไขมันในบริเวณแก้มและเหนียงลดลงได้อย่างมีประสิทธิภาพ การฉีดเมโสแฟตเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์ที่สุดสำหรับการลดไขมันบริเวณแก้ม แต่ควรทำการศึกษาและเลือกคลินิกที่มีความน่าเชื่อถือก่อนตัดสินใจทำ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ปลอดภัย
อ่านบทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับ : เมโสแฟต
2.วิธีลดแก้มด้วยการฉีดโบท็อกซ์ลิฟกรอบหน้า
การลิฟกรอบหน้าด้วยการฉีดโบท็อกซ์ (Botulinum Toxin) เป็นวิธีลดแก้มที่ได้รับความนิยมในการปรับรูปหน้าให้ดูเรียวและกระชับมากขึ้น โดยเฉพาะบริเวณกรอบหน้าและคาง ซึ่งโบท็อกซ์มีคุณสมบัติในการคลายกล้ามเนื้อ เมื่อฉีดโบท็อกซ์ไปที่กล้ามเนื้อบริเวณกรอบหน้า จะช่วยลดการทำงานของกล้ามเนื้อชั่วคราว เป็นวิธีที่ไม่ต้องใช้การผ่าตัด ทำให้มีเวลาฟื้นตัวน้อย ผู้รับบริการมักจะเห็นผลลัพธ์ได้ภายใน 3-7 วันหลังการฉีด แต่การฉีดโบท็อกซ์จะไม่ได้ช่วยเรื่องการสลายไขมัน
การฉีดโบท็อกซ์ช่วยให้รูปหน้าดูเรียวขึ้น กรอบหน้าชัดขึ้น โดยไม่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ดูผิดปกติ การฉีดโบท็อกซ์เพื่อลิฟกรอบหน้าเป็นทางเลือกที่มีประสิทธิภาพในการปรับรูปหน้า แต่ควรทำการศึกษาและเลือกคลินิกที่มีความน่าเชื่อถือก่อนตัดสินใจทำ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ปลอดภัยและตรงตามความต้องการ
อ่านบทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับ : โบท็อกซ์โบท็อกลิฟกรอบหน้า
3.วิธีลดแก้มด้วยเครื่องยกกระชับ Thermage FLX
การยกกระชับใบหน้าด้วยเครื่อง Thermage FLX เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมในการกระชับผิวหน้าและลดริ้วรอย โดยใช้เทคโนโลยีคลื่นวิทยุ (Radiofrequency) เพื่อสร้างความร้อนที่ลึกลงไปในผิวหนัง ซึ่งจะกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนและช่วยให้ผิวกระชับขึ้น และรุ่น FLX เป็นรุ่นที่ใหม่กว่าของ Thermage ที่มีการปรับปรุงประสิทธิภาพและความสะดวกสบายในการทำ
เป็นวิธีที่ไม่ต้องใช้การผ่าตัด และไม่ต้องพักฟื้น ผู้รับบริการสามารถเห็นผลลัพธ์ทันทีหลังการทำ และผลลัพธ์จะดีขึ้นเรื่อย ๆ ในช่วง 2-6 เดือน มีความปลอดภัยสูงและไม่ทำให้เกิดรอยแผลหรือรอยแดงมากนัก การยกกระชับใบหน้าด้วย Thermage FLX เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการปรับรูปหน้าและลดริ้วรอย แต่ควรทำการศึกษาและเลือกคลินิกที่มีความน่าเชื่อถือก่อนตัดสินใจทำ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพที่สุด!
อ่านบทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับ : Thermage
วิธีลดแก้มด้วยเครื่องยกกระชับ Ulthera
การยกกระชับใบหน้าด้วยเครื่อง Ulthera (Ultherapy) เป็นเครื่องที่ช่วยในการยกกระชับผิวโดยใช้เทคโนโลยีคลื่นเสียงอัลตราซาวด์ เพื่อส่งพลังงานไปยังชั้นผิวที่ลึก ซึ่งจะกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนและอีลาสติน ทำให้ผิวหน้ากระชับขึ้นและลดความหย่อนคล้อย การทำ Ulthera ใช้เวลาไม่นาน โดยทั่วไปใช้เวลาประมาณ 30-90 นาที ขึ้นอยู่กับพื้นที่ที่ต้องการรักษา
เป็นการรักษาที่ไม่ต้องใช้การผ่าตัด ไม่มีการพักฟื้น และผลลัพธ์เริ่มเห็นได้ทันทีหลังการทำ และจะดีขึ้นเรื่อย ๆ ในช่วง 2-3 เดือน เป็นเครื่องยกกระชับผิวที่ปลอดภัยและได้รับการรับรองจาก FDA ว่ามีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ การยกกระชับใบหน้าด้วย Ulthera เป็นทางเลือกที่ดีในการยกกระชับแก้มและเหนียง อย่างไรก็ตาม ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทำการรักษา เพื่อให้ได้รับคำแนะนำที่เหมาะสมเกี่ยวกับสภาพผิวและความต้องการ
อ่านบทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับ : Ulthera
วิธีลดแก้มด้วยเครื่องยกกระชับ Morpheus 8
การยกกระชับใบหน้าด้วยเครื่อง Morpheus 8 เป็นวิธีการรักษาที่ใช้เทคโนโลยีในการปรับรูปหน้าและการทำผิวให้เรียบเนียน โดยใช้เทคนิคการรักษาด้วยการปล่อยคลื่นความร้อน (Radiofrequency RF) ที่ผสมกับการไมโครนีดดิ้ง (microneedling) เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินในผิวหนัง โดยจะมีเข็มที่สามารถส่งพลังงาน RF ลงสู่ผิวหนังชั้นลึก
ช่วยให้เกิดการกระชับผิวและลดริ้วรอย เครื่องนี้สามารถปรับระดับความลึกของเข็มได้ ทำให้สามารถเข้าถึงชั้นผิวหนังที่ต้องการได้อย่างแม่นยำ เป็นวิธีที่ไม่ต้องใช้การผ่าตัดและใช้เวลาพักฟื้นน้อย มักจะเห็นผลลัพธ์ได้ภายใน 2-4 สัปดาห์หลังการทำ การยกกระชับใบหน้าด้วย Morpheus8 เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการปรับรูปหน้าและลดเหนียงได้ดี
อ่านบทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับ : Morpheus8
สรุป
วิธีลดแก้มสามารถทำได้หลายวิธี ตั้งแต่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่น การออกกำลังกายเพื่อเผาผลาญไขมัน การดื่มน้ำให้เพียงพอ และการหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ไปจนถึงวิธีการทางการแพทย์ เช่น การฉีดสลายไขมันด้วยเมโสแฟต หรือการใช้โบท็อกซ์เพื่อลิฟกรอบหน้า
นอกจากนี้ การนวดหน้ากดจุดและการใช้อุปกรณ์ลดแก้มก็สามารถช่วยได้เช่นกัน การเลือกวิธีที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับความต้องการและสภาพร่างกายของแต่ละบุคคล ควรปรึกษาผู้แพทย์เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพมากที่สุด หากท่านใดสนใจในอยากจะมีรูปหน้าที่เรียวสวย สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Line Official Account : @Lienjangthailand หรือสามารถเข้ามาติดต่อโดยตรงที่ Lienjang Clinic Thailand ทุกสาขา