บทความ

Article

ฉีดฟิลเลอร์ปาก บวมกี่วัน ? ควรดูแลตัวเองอย่างไรให้ถูกวิธี
Facebook
X
Email

ฉีดฟิลเลอร์ปาก บวมกี่วัน ? ควรดูแลตัวเองอย่างไรให้ถูกวิธี

หัวข้อที่น่าสนใจ

เชื่อว่าหลายคนกำลังลังเลที่จะฉีดฟิลเลอร์ปากดีไหม เพราะมีความกังวลว่าฉีดฟิลเลอร์ปาก บวมกี่วัน ? กี่วันถึงจะเข้าที่ ? แล้วบวมมากน้อยแค่ไหน ? เพราะสาว ๆ หลายคนอาจจะกลัวว่าไม่สามารถใช้หน้าได้ทัน หรือต้องเสียเวลาพักฟื้นนานหลายวัน ในบทความนี้ จะมาไขทุกข้อสงสัยเกี่ยวกับอาการหลังฉีดฟิลเลอร์ปาก พร้อมทั้งคำแนะนำและข้อควรปฏิบัติจากคุณหมอแบงค์ลีเอนจาง คลินิก เพื่อให้คุณได้สามารถเตรียมความพร้อมและดูแลตัวเองได้อย่างถูกวิธีและปลอดภัย จะเป็นอย่างไร มาดูกันเลยค่ะ

หลังฉีดฟิลเลอร์ปาก บวมกี่วัน ? กี่วันถึงจะเข้าที่ ?

หลังฉีดฟิลเลอร์ปาก บวมกี่วัน ? กี่วันถึงจะเข้าที่ ?

หลังฉีดฟิลเลอร์ปาก บวมกี่วัน ? หนึ่งข้อสงสัยยอดนิยมที่หลายคนมักเป็นกังวลในเรื่องของอาการบวม ซึ่งอาจทำให้รู้สึกไม่สบายใจ เพราะกลัวว่าจะเป็นอันตราย หรือไม่หายบวม เรามาดูคำตอบจากคุณหมอแบงค์กันค่ะ ว่าหลังฉีดฟิลเลอร์ปาก บวมกี่วัน

“ ก่อนอื่นเลยหมออยากจะบอกว่าอาการบวมหลังฉีดฟิลเลอร์ปาก สามารถเกิดขึ้นได้ แต่เป็นอาการบวมเพียงเล็กน้อยประมาณ 1-3 วันแรก ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล โดยในวันแรกมักจะบวมมากที่สุด จากนั้นอาการบวมจะค่อย ๆ ลดลง ส่วนมากภายใน 1 สัปดาห์อาการบวมจะหายไปเกือบหมด แต่ผลลัพธ์ที่สมบูรณ์จะเห็นชัดเจนหลังจากผ่านไปประมาณ 2 สัปดาห์ครับ”

ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือกดทับบริเวณที่ฉีดเพื่อช่วยลดอาการบวมและให้ฟิลเลอร์เข้าที่ได้ดีขึ้น และหากทำการฉีดกับแพทย์ที่มีประสบการณ์ ที่ฉีดด้วยเทคนิคที่เหมาะสมก็จะสามารถช่วยลดอาการบวมลงได้ด้วยเช่นกัน อีกทั้งยังช่วยเลือกรูปทรงปากที่รับกับใบหน้าของแต่ละคนได้อีกด้วย

อ่านบทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับ : ฟิลเลอร์ปาก เสกปากกระจับ เพิ่มความอวบอิ่ม ได้ใน 1cc

ลักษณะของอาการบวมที่เกิดขึ้นหลังฉีดฟิลเลอร์ปาก

อาการบวมที่เกิดขึ้นหลังฉีดฟิลเลอร์ปากเป็นเรื่องปกติ โดยมีลักษณะเห็นอาการบวมเด่นชัดทันทีหลังการฉีด โดยเฉพาะในวันแรก ริมฝีปากอาจดูบวมกว่าปกติ บางคนอาจมีการบวมที่ไม่เท่ากัน หรือบวมเป็นก้อนเล็ก ๆ ในบริเวณที่ฉีด ซึ่งเป็นเพราะร่างกายยังไม่ปรับตัวเข้ากับฟิลเลอร์ และบางครั้งอาจมีอาการแดงร่วมด้วยบริเวณที่ฉีด เนื่องจากมีการกระตุ้นเส้นเลือดใต้ผิวหนัง

อาการนี้เป็นผลจากการบวมและร่างกายที่กำลังปรับตัวให้เข้ากับสารเติมเต็ม โดยทั่วไป อาการบวมจะเริ่มลดลงภายในไม่กี่วัน และในกรณีที่อาการบวมยังคงอยู่หรือมีความผิดปกติ เช่น อาการเจ็บหรือปวดอย่างรุนแรง ควรปรึกษาแพทย์ทันที

อาการบวมหลังฉีดฟิลเลอร์เกิดจากอะไร ?

อาการบวมหลังฉีดฟิลเลอร์เกิดจากอะไร ?

อาการบวมหลังฉีดฟิลเลอร์เกิดจากหลายปัจจัย ซึ่งเป็นกระบวนการปกติของร่างกายในการตอบสนองต่อสารที่ถูกฉีดเข้าไป โดยมีสาเหตุหลัก ๆ มีดังนี้

  • ปฏิกิริยาของร่างกายต่อสารเติมเต็ม (ฟิลเลอร์) : ฟิลเลอร์ที่ฉีดเข้าไป เช่น กรดไฮยาลูโรนิค (Hyaluronic Acid – HA) เป็นสารที่ร่างกายอาจมองว่าเป็นสิ่งแปลกปลอม ทำให้ร่างกายตอบสนองโดยการเกิดการอักเสบหรือบวมเพื่อปรับตัวกับสารที่ฉีด
  • กระบวนการฉีด : การใช้เข็มในการฉีดฟิลเลอร์อาจทำให้เกิดการบาดเจ็บเล็ก ๆ ที่เนื้อเยื่อรอบ ๆ ส่งผลให้เกิดอาการบวมจากการอักเสบชั่วคราว
  • การกระตุ้นหลอดเลือดและเส้นประสาท : บริเวณปากเป็นพื้นที่ที่มีเส้นเลือดและเส้นประสาทหนาแน่น การฉีดฟิลเลอร์อาจกระตุ้นให้เส้นเลือดขยายตัวและเกิดการสะสมของน้ำในเนื้อเยื่อ ทำให้บวมขึ้น
  • การกักเก็บน้ำของฟิลเลอร์ : ฟิลเลอร์บางชนิด โดยเฉพาะกรดไฮยาลูโรนิค มีคุณสมบัติในการกักเก็บน้ำ ทำให้บริเวณที่ฉีดมีการกักเก็บน้ำมากขึ้น จึงเกิดอาการบวมชั่วคราว

อาการบวมแบบไหนที่ควรพบแพทย์ ?

นอกจากคำถามที่เป็นกังวลใจเกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์ปาก บวมกี่วันแล้ว ก็ยังมีคำถามที่ว่าอารการบวมแบบไหนที่เป็นอันตราย ? ในส่วนของคำถามนี้คุณหมอแบงค์ได้อธิบายว่า อาการบวมจะเป็นเรื่องปกติในช่วงแรก แต่มีบางลักษณะของอาการบวมที่ควรรีบพบหมอทันที เนื่องจากอาจเป็นสัญญาณของภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงได้ หากพบอาการที่ผิดปกติการรีบพบหมอเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อตรวจหาสาเหตุและแก้ไขปัญหาได้อย่างทันท่วงที

  • บวมมากเกินไปและไม่ลดลง : หากอาการบวมไม่ลดลงหลังจาก 3-5 วัน หรือดูเหมือนจะบวมขึ้นเรื่อย ๆ ควรรีบปรึกษาแพทย์
  • ปวดรุนแรง : อาการเจ็บปวดที่รุนแรงหรือปวดเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่องหลังฉีดเป็นสัญญาณที่อาจบ่งบอกถึงการอักเสบหรือติดเชื้อ
  • บวมร่วมกับรอยแดง : ถ้าบริเวณที่ฉีดบวมแดง มีความแสบร้อนผิดปกติ หรือมีไข้ร่วมด้วย อาจเป็นสัญญาณของการติดเชื้อ
  • การเปลี่ยนแปลงสีผิวอย่างผิดปกติ : หากเกิดรอยคล้ำ สีผิวเปลี่ยนไปเป็นสีขาวซีด สีม่วง หรือดำรอบ ๆ บริเวณที่ฉีด อาจเกิดจากการอุดตันของหลอดเลือด ซึ่งเป็นภาวะที่อันตราย
  • เกิดก้อนแข็งที่ไม่หายไป : หากพบก้อนแข็ง ๆ ใต้ผิวที่ไม่ยุบหรือไม่หายไปหลังจากผ่านไปหลายวัน อาจต้องให้แพทย์ตรวจเพิ่มเติมเพื่อดูว่าเป็นการติดเชื้อหรือเกิดปัญหาจากการฉีดฟิลเลอร์
  • การมองเห็นผิดปกติหรือการมองเห็นแย่ลง : นี่เป็นภาวะที่หายากแต่รุนแรง ซึ่งอาจเกิดจากฟิลเลอร์ไปกดหรืออุดตันเส้นเลือดที่ส่งไปยังดวงตา ควรรีบพบแพทย์ทันที

วิธีลดบวมหลังฉีดปาก ทำอย่างไร ?

หลังจากที่ได้ทราบกันแล้วว่าฉีดฟิลเลอร์ปาก บวมกี่วัน เรามาดูวิธีลดอาการบวมหลังฉีดฟิลเลอร์ปากกันว่ามีวิธีไหนบ้าง ? สามารถทำได้โดยการดูแลตัวเองอย่างเหมาะสม ซึ่งจะช่วยให้ฟื้นตัวเร็วขึ้นและลดความเสี่ยงของอาการไม่พึงประสงค์ที่อาจตามมาภายหลัง โดยมีวิธีดังนี้

วิธีลดบวมหลังฉีดปาก ทำอย่างไร ?

  1. ประคบเย็น : ใช้ผ้าห่อน้ำแข็งหรือใช้าเจลทำความเย็นประคบบริเวณปากเบา ๆ เป็นเวลา 10-15 นาที ทุก 1-2 ชั่วโมงในช่วง 24 ชั่วโมงแรก จะช่วยลดอาการบวมและการอักเสบได้
  2. หลีกเลี่ยงความร้อน : หลีกเลี่ยงการสัมผัสความร้อน เช่น การอาบน้ำร้อน การซาวน่า หรือการออกกำลังกายหนักในช่วง 24-48 ชั่วโมงแรกหลังฉีด เพราะความร้อนจะทำให้อาการบวมแย่ลง
  3. นอนหนุนหมอนสูง : ในช่วง 1-2 วันแรกหลังฉีด ควรนอนหนุนหมอนให้ศีรษะอยู่สูงกว่าระดับหัวใจเพื่อช่วยลดการสะสมของของเหลวในบริเวณปาก
  4. ดื่มน้ำให้เพียงพอ : การดื่มน้ำมาก ๆ ช่วยให้ร่างกายทำงานได้ดีและฟื้นตัวเร็วขึ้น นอกจากนี้ ฟิลเลอร์บางชนิด เช่น กรดไฮยาลูโรนิค ยังทำงานได้ดียิ่งขึ้นเมื่อได้รับความชุ่มชื้นเพียงพอ
  5. หลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือกดริมฝีปาก : หลีกเลี่ยงการนวดหรือกดริมฝีปากหลังฉีด เพื่อป้องกันการกระจายของฟิลเลอร์ผิดตำแหน่งหรือการอักเสบ
  6. งดดื่มแอลกอฮอล์และเลี่ยงอาหารเค็ม : การดื่มแอลกอฮอล์และการบริโภคอาหารเค็มสามารถทำให้ร่างกายกักเก็บน้ำและทำให้อาการบวมเพิ่มขึ้น ควรงดเว้นอย่างน้อย 24-48 ชั่วโมง
  7. หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก : การออกกำลังกายหนักในช่วง 1-2 วันแรกอาจเพิ่มการไหลเวียนของเลือดและทำให้อาการบวมแย่ลง

อาหารที่ส่งผลกระตุ้นทำให้เกิดอาการบวม

อาหารบางชนิดสามารถกระตุ้นให้เกิดอาการบวมได้ เนื่องจากทำให้ร่างกายเกิดการอักเสบหรือมีการสะสมของน้ำในเนื้อเยื่อ เพื่อช่วยลดอาการบวมหลังการฉีดฟิลเลอร์ ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่ส่งผลกระตุ้นทำให้เกิดอาการบวมในช่วงแรกหลังการฉีด และเน้นการบริโภคอาหารที่มีประโยชน์ เช่น ผัก ผลไม้ และโปรตีนที่มีไขมันต่ำ เพื่อช่วยในการฟื้นตัว มาดูกันดีกว่าว่าฉีดฟิลเลอร์ปาก ห้ามกินอะไรและกลุ่มอาหารแบบที่ควรระวัง

  • อาหารเค็มหรือมีโซเดียมสูง : อาหารที่มีปริมาณเกลือสูง เช่น อาหารแปรรูป ขนมกรุบกรอบ หรืออาหารกึ่งสำเร็จรูป ส่งผลให้ร่างกายกักเก็บน้ำ ทำให้เกิดอาการบวมที่ใบหน้าและส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย
  • แอลกอฮอล์ : การดื่มแอลกอฮอล์สามารถทำให้ร่างกายขาดน้ำและทำให้เลือดไหลเวียนมากขึ้น ซึ่งอาจนำไปสู่การบวมของเนื้อเยื่อ โดยเฉพาะในบริเวณใบหน้าและริมฝีปาก
  • คาร์โบไฮเดรตที่มีค่าดัชนีน้ำตาลสูง (High Glycemic Index) : เช่น ขนมปังขาว น้ำหวาน น้ำตาล หรือขนมหวาน สามารถทำให้น้ำตาลในเลือดสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว และอาจกระตุ้นให้ร่างกายเกิดการอักเสบ ทำให้เกิดอาการบวม
  • อาหารที่มีไขมันทรานส์หรือไขมันอิ่มตัวสูง : เช่น ของทอด ขนมอบ เบเกอรี่ หรืออาหารจานด่วน ไขมันเหล่านี้อาจเพิ่มการอักเสบในร่างกาย ทำให้เกิดอาการบวมได้
  • อาหารที่ก่อให้เกิดอาการแพ้ : ถ้าคุณมีอาการแพ้อาหารบางชนิด เช่น ถั่ว นม หรืออาหารทะเล อาจเกิดอาการบวมจากการอักเสบของร่างกายที่ตอบสนองต่อสิ่งกระตุ้น

อาหารที่ส่งผลกระตุ้นทำให้เกิดอาการบวม

หลังฉีดฟิลเลอร์ปากแล้วเป็นก้อน เกิดจากอะไร ?

การที่เกิดก้อนหลังฉีดฟิลเลอร์ปากสามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ บางครั้งอาจเป็นอาการชั่วคราว แต่บางกรณีก็อาจต้องได้รับการดูแลจากแพทย์ สาเหตุหลัก ๆ ที่ทำให้เกิดก้อนหลังฉีดฟิลเลอร์มีดังนี้

  1. การกระจายตัวของฟิลเลอร์ไม่สม่ำเสมอ : ถ้าเทคนิคการฉีดไม่ดีหรือการนวดหลังฉีดไม่ได้ทำอย่างเหมาะสม ฟิลเลอร์อาจสะสมเป็นก้อนในบางตำแหน่ง โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ผิวบางหรือมีเนื้อเยื่อที่เคลื่อนไหวมาก เช่น ริมฝีปาก
  2. ปฏิกิริยาการอักเสบ : หลังจากฉีดฟิลเลอร์ ร่างกายอาจเกิดปฏิกิริยาตอบสนอง เช่น อาการอักเสบหรือบวม ซึ่งอาจทำให้รู้สึกว่ามีก้อน แต่เมื่ออาการบวมหรืออักเสบลดลง ก้อนอาจหายไป
  3. ฟิลเลอร์ชนิดที่ใช้ : ฟิลเลอร์ที่มีความหนืดหรือความเข้มข้นสูงอาจทำให้เกิดก้อนใต้ผิวหนังได้มากกว่าฟิลเลอร์ที่มีความละเอียดหรือนิ่มกว่า การเลือกชนิดของฟิลเลอร์ที่เหมาะสมกับบริเวณที่ฉีดเป็นสิ่งสำคัญ
  4. ฉีดในตำแหน่งที่ผิดพลาด : หากฟิลเลอร์ถูกฉีดในชั้นผิวหนังที่ไม่เหมาะสม เช่น ฉีดลึกเกินไปหรือตื้นเกินไป อาจทำให้ฟิลเลอร์สะสมเป็นก้อนได้
  5. การติดเชื้อ : ในบางกรณีที่มีการติดเชื้อที่บริเวณฉีดฟิลเลอร์ อาจทำให้เกิดอาการบวมแดงและก้อนที่แข็งผิดปกติ ซึ่งอาจต้องได้รับการรักษาด้วยยาฆ่าเชื้อ
  6. การเคลื่อนไหวของฟิลเลอร์ : ฟิลเลอร์อาจเคลื่อนจากตำแหน่งเดิมที่ฉีดไปสู่บริเวณอื่นได้ เช่น การกดหรือสัมผัสบริเวณที่ฉีดอย่างไม่ระมัดระวังอาจทำให้ฟิลเลอร์กระจายเป็นก้อน
  7. ร่างกายตอบสนองต่อฟิลเลอร์ : บางครั้งร่างกายอาจตอบสนองต่อฟิลเลอร์ด้วยการสร้างเนื้อเยื่อรอบ ๆ ฟิลเลอร์ ซึ่งอาจทำให้รู้สึกว่ามีก้อนใต้ผิวหนัง

*ข้อควรรู้ หากรู้สึกว่าก้อนที่เกิดขึ้นไม่ลดลงภายใน 1-2 สัปดาห์ หรือตรวจพบว่าแข็งและไม่เป็นธรรมชาติ ควรปรึกษาแพทย์ เพื่อตรวจสอบและหาแนวทางแก้ไข *

ข้อควรรู้ก่อนตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์ปาก

ข้อควรรู้ก่อนตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์ปาก

ก่อนตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์ปาก ควรเลือกแพทย์ที่มีประสบการณ์และความชำนาญในการฉีดฟิลเลอร์ โดยควรตรวจสอบใบอนุญาตและผลงานที่ผ่านมา และควรทำความเข้าใจเกี่ยวกับประเภทของฟิลเลอร์ที่ใช้ รวมถึงคุณสมบัติและผลลัพธ์ที่คาดหวัง ตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนเกี่ยวกับผลลัพธ์ที่ต้องการ เช่นการเตรียมหา เรฟเฟอเร้น (Reference) หรือตัวอย่างทรงปากที่อยากได้ แต่ควรมีความเข้าใจว่าแต่ละคนอาจมีผลลัพธ์ที่แตกต่างกัน

นอกจากนี้ควรงดการใช้ยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น แอสไพริน หรืออาหารเสริมที่มีส่วนผสมของน้ำมันปลา 1-2 สัปดาห์ก่อนทำการฉีด ทำความเข้าใจเกี่ยวกับการดูแลตัวเองหลังฉีด เและที่สำคัญควรทราบเกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์ปาก บวมกี่วัน และอาการบวมแบบไหนที่เป็นอัตราย การพิจารณาข้อควรระวังเหล่านี้จะช่วยให้การฉีดฟิลเลอร์ปากเป็นไปอย่างปลอดภัยและได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ

เลือกคลินิกฉีดฟิลเลอร์ปากที่ไหนดี ให้ปลอดภัย

การเลือกคลินิกฉีดฟิลเลอร์ปากเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ปลอดภัยและสวยงาม ต่อไปนี้คือปัจจัยที่ควรพิจารณาในการเลือกคลินิกในการฉีดฟิลเลอร์

  1. เลือกคลินิกที่มีแพทย์ที่มีความชำนาญด้านการฉีดฟิลเลอร์โดยเฉพาะ และมีประสบการณ์ในการฉีดฟิลเลอร์ปาก
  2. ตรวจสอบใบประกอบวิชาชีพและการฝึกอบรมของแพทย์ เช่น แพทย์ที่ได้รับการรับรองจากสมาคมแพทย์ความงามหรือสมาคมที่เกี่ยวข้อง
  3. ดูรีวิวจากผู้ที่เคยใช้บริการ เช่น ในเว็บไซต์ของคลินิกหรือโซเชียลมีเดีย ตรวจสอบภาพก่อนและหลังการฉีดปากเพื่อดูผลลัพธ์จริง
  4. คลินิกควรใช้ฟิลเลอร์ที่ผ่านการรับรองจาก อย. (องค์การอาหารและยา) และเป็นแบรนด์ที่มีคุณภาพ เช่น Restylane , Juvederm หรือ Belotero
    สามารถขอให้แพทย์แสดงบรรจุภัณฑ์ฟิลเลอร์ก่อนฉีด เพื่อความมั่นใจว่าเป็นของแท้
  5. คลินิกควรมีสถานที่สะอาด ปลอดภัย มีการรักษาสุขอนามัยที่ดี และมีเครื่องมือทันสมัย
  6. เลือกคลินิกที่มีห้องรักษาที่ได้มาตรฐานและใช้เครื่องมือที่ได้รับการฆ่าเชื้ออย่างเหมาะสม
  7. คลินิกควรให้บริการให้คำปรึกษาเบื้องต้นก่อนการฉีด โดยแพทย์ควรประเมินรูปร่างของริมฝีปาก วิเคราะห์และแนะนำอย่างเหมาะสมกับความต้องการของแต่ละบุคคล
  8. ควรเปรียบเทียบราคาและโปรโมชั่นจากคลินิกต่าง ๆ แต่ไม่ควรเลือกคลินิกเพียงเพราะราคาถูกที่สุด ควรพิจารณาถึงคุณภาพของบริการและผลิตภัณฑ์ที่ใช้
  9. คลินิกที่ดีจะมีการติดตามผลหลังการฉีด และสามารถกลับมาตรวจหรือปรึกษาแพทย์ได้หากเกิดปัญหาหลังการรักษา

เทคนิคฉีดฟิลเลอร์ปากที่ลีเอนจาง บวมน้อย เห็นผลชัด

เทคนิคฉีดฟิลเลอร์ปากที่ลีเอนจาง บวมน้อย เห็นผลชัด

ที่ลีเอนจาง คลินิก (Lienjang Clinic Thailand) มีเทคนิคการฉีดฟิลเลอร์ปากที่เน้นความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ โดยแพทย์จะทำการวิเคราะห์รูปปากและใบหน้าของคุณ เพื่อกำหนดปริมาณและรูปแบบของฟิลเลอร์ที่เหมาะสม อีกทั้งยังเลือกใช้ฟิลเลอร์ที่ผ่านการรับรองและมีคุณภาพ ด้วยเทคนิคเหล่านี้ ทำให้การฉีดฟิลเลอร์ปากที่ลีเอนจางมีความปลอดภัยและให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ

หากใครที่ยังไม่มีรูปทรงปากที่อยากได้ เรามีทรงปากยอดฮิตที่หมอได้ออกแบบและดีไซน์ให้เข้ากับเทรนด์และไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่ โดยเน้นความเป็นธรรมชาติ ให้คุณได้เลือกถึง 3 ทรง ได้แก่ ทรง Noona Kiss ทรง Kelly kiss และทรง Douyin Kiss หากท่านใดสนใจในการฉีดฟิลเลอร์ปาก หรืออยากดูทรงปากเฉพาะของลีเอนจางเพิ่มเติม สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่ Line Official Account : @Lienjangthailand

อ่านบทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับ : Nasty Lips 3 ทรงปากสวย ๆ ยอดฮิตเฉพาะ ลีเอนจาง

คำถามเกี่ยวกับฉีดฟิลเลอร์ปาก บวมกี่วัน

หลังฉีดฟิลเลอร์ปาก สามารถทำหัตถการอื่น ๆ ด้วยได้ไหม ?

หลังจากฉีดฟิลเลอร์แล้ว คุณสามารถทำหัตถการอื่น ๆ ได้ แต่ควรเว้นระยะเวลาให้ฟิลเลอร์เข้าที่และลดอาการบวมก่อน โดยปกติจะแนะนำให้รอประมาณ 1-2 สัปดาห์ก่อนทำหัตถการอื่น เช่น เลเซอร์หรือทรีทเมนต์ผิว หากมีแผนจะทำหัตถการที่ส่งผลต่อการกระจายของฟิลเลอร์ เช่น การนวดหน้าหรือการใช้เครื่องมือที่มีแรงกด ควรปรึกษาแพทย์เพื่อคำแนะนำที่เหมาะสม

หลังฉีดฟิลเลอร์ปาก นานเท่าไรจึงจะฉีดซ้ำได้ ?

หลังจากฉีดฟิลเลอร์ปากแล้ว ระยะเวลาที่ควรรอเพื่อฉีดซ้ำจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับประเภทของฟิลเลอร์ที่ใช้และการตอบสนองของร่างกาย แต่โดยทั่วไปแล้ว ควรเว้นระยะอย่างน้อย 6-12 เดือน ก่อนที่จะฉีดซ้ำหากคุณรู้สึกว่าฟิลเลอร์เริ่มสลายไปเร็วหรือมีผลลัพธ์ที่ไม่พึงพอใจ คุณสามารถปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจสอบความเหมาะสมในการฉีดซ้ำได้ แต่ควรให้ร่างกายมีเวลาปรับตัวและให้ฟิลเลอร์เซ็ตตัวเต็มที่ก่อน

หลังฉีดฟิลเลอร์ปาก งดใช้หลอดดูดน้ำกี่วัน ?

หลังจากฉีดฟิลเลอร์ปาก ควรหลีกเลี่ยงการใช้หลอดดูดน้ำอย่างน้อย 48 ชั่วโมง หรือประมาณ 2 วัน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดแรงกดที่ปาก ซึ่งอาจส่งผลต่อการเคลื่อนย้ายของฟิลเลอร์และทำให้ปากเสียทรง นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ทำให้ปากต้องเคลื่อนไหวมาก เช่น การจูบหรือการกินอาหารที่ต้องใช้แรงเคี้ยวเยอะในช่วง 1-2 วันแรก

สรุป

ฉีดฟิลเลอร์ปาก บวมกี่วัน ? อาการบวมเป็นผลข้างเคียงที่พบบ่อยหลังฉีดฟิลเลอร์ปาก ดังนั้นการดูแลหลังการฉีดเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาสวยงามและปากฟื้นตัวได้ดี อาจมีอาการบวม ช้ำ หรือแดงในบริเวณที่ฉีด ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติและจะลดลงภายในไม่กี่วัน ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสบริเวณที่ฉีดและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์เพื่อให้ฟิลเลอร์เข้าที่ได้อย่างเหมาะสม ผลลัพธ์ที่ได้จะช่วยเพิ่มความอวบอิ่มให้กับริมฝีปากและเสริมความมั่นใจให้กับผู้รับบริการค่ะ

สอบถามปรึกษาแพทย์ฟรี

สอบถามปรึกษาแพทย์ฟรี