สวัสดีค่ะทุกคน! หากใครที่กำลังมองหาวิธีเพิ่มความมั่นใจและความสวยงามให้กับตัวเองอยู่ ในบทความนี้ลีเอนจาง คลินิก จะพาคุณไปทำความรู้จัก ฟิลเลอร์ กับ โบท็อกซ์ ซึ่งเป็นเทรนด์ที่กำลังมาแรงในวงการความงาม เราจะอธิบายถึงข้อเปรียบเทียบความแตกต่างของแต่ละวิธี รวมถึงข้อดีและข้อจำกัดที่คุณควรรู้ เพื่อให้คุณสามารถตัดสินใจได้อย่างมั่นใจและเลือกวิธีที่เหมาะสมที่สุด ไม่ว่าคุณจะต้องการเติมเต็มร่องลึก ลดเลือนริ้วรอย หรือปรับรูปหน้า บทความนี้มีคำตอบให้คุณแน่นอน! อย่ารอช้ามาดูไปพร้อม ๆ กันได้เลย
ทำความรู้จัก ฟิลเลอร์ กับ โบท็อกซ์
ฟิลเลอร์ กับ โบท็อกซ์ เป็นหัตถการเสริมความงามดูแลผิวที่ได้รับความนิยมอย่างมาก แต่มีความแตกต่างกันในเรื่องการใช้งานและผลลัพธ์ โดยทั้งสองอย่างนี้มีจุดประสงค์เพื่อเสริมเหมือนกัน แต่เหมาะสำหรับปัญหาที่แตกต่างกันดังนี้
ฟิลเลอร์ คืออะไร ?
ฟิลเลอร์ (Filler) คือสารติมเเต็มที่ถูกฉีดเข้าไปใต้ผิวหนังเพื่อช่วยเพิ่มปริมาตรในบริเวณที่มีริ้วรอย ร่องลึก หรือผิวที่สูญเสียความยืดหยุ่นและความเต่งตึง เช่น บริเวณแก้ม ร่องแก้ม ริมฝีปาก หรือใต้ตา ฟิลเลอร์ช่วยให้ผิวดูอิ่มฟูขึ้น และยังสามารถใช้ในการปรับรูปหน้าหรือเติมเต็มส่วนต่าง ๆ ที่ต้องการเพิ่มปริมาตร เช่น คางหรือจมูก
สารที่นิยมใช้ในฟิลเลอร์คือ กรดไฮยาลูโรนิก (Hyaluronic Acid) ซึ่งเป็นสารธรรมชาติที่มีอยู่ในร่างกาย มีคุณสมบัติช่วยกักเก็บความชุ่มชื้น ทำให้ผิวดูสดชื่นและอ่อนวัย นอกจากนี้ยังมีฟิลเลอร์ชนิดอื่น ๆ ที่ใช้ในบางกรณี เช่น แคลเซียมไฮดรอกซีอะพาไทต์ (Calcium Hydroxylapatite) และ โพลีแอลแลคติกแอซิด (Poly-L-lactic acid)
อ่านบทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับ : ฟิลเลอร์
โบท็อกซ์ คืออะไร ?
โบท็อกซ์ (Botox) คือสารสกัดจากโปรตีนชนิดหนึ่งที่เรียกว่า โบทูลินัม ท็อกซิน (Botulinum toxin) ซึ่งได้มาจากแบคทีเรียที่ชื่อว่า Clostridium botulinum สารนี้มีคุณสมบัติหลักในการลดการทำงานของกล้ามเนื้อ โดยทำให้กล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดผ่อนคลายและไม่หดตัวมากเกินไป การฉีดโบท็อกซ์มักใช้ในการลดริ้วรอยที่เกิดจากการขยับของกล้ามเนื้อ เช่น ริ้วรอยหน้าผาก รอยย่นหว่างคิ้ว รอยตีนกา หรือริ้วรอยรอบดวงตา โบท็อกซ์ยังสามารถใช้เพื่อลดขนาดกล้ามเนื้อ เช่น การลดกรามให้หน้าเรียว การลดกล้ามเนื้อน่อง หรือการฉีดเพื่อลดเหงื่อในรักแร้ได้อีกด้วย
อ่านบทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับ : โบท็อกซ์
ฟิลเลอร์ กับ โบท็อกซ์ ต่างกันอย่างไร ?
ฟิลเลอร์ (Filler) และโบท็อกซ์ (Botox) เป็นสารที่ใช้เพื่อการเสริมความงาม แต่มีคุณสมบัติและการใช้งานที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน ทั้งวิธีการทำงาน ผลลัพธ์ และบริเวณที่นิยมฉีด โดยมีความแตกต่างกันดังนี้
ฟิลเลอร์ (Filler)
- ใช้ในการเติมเต็มปริมาตรของผิวที่สูญเสียความเต่งตึงหรือมีร่องลึก เช่น ริ้วรอยลึก ร่องแก้ม เติมริมฝีปาก หรือปรับรูปหน้า ฟิลเลอร์จะเพิ่มปริมาตรและทำให้ผิวดูอิ่มฟูขึ้น
- ฉีดบริเวณที่มีการสูญเสียปริมาตรหรือผิวบางลง เช่น ร่องแก้ม ริมฝีปาก ใต้ตา หรือบริเวณที่ต้องการเพิ่มปริมาตร เช่น ขมับหรือคาง
- ให้ผลลัพธ์ในการเติมเต็ม ทำให้ผิวดูเต่งตึงและมีปริมาตรมากขึ้น ผลลัพธ์มักอยู่ได้นานหลายเดือนถึงเป็นปี ขึ้นอยู่กับชนิดของฟิลเลอร์
- เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเติมเต็มร่องลึกหรือเพิ่มปริมาตรในบริเวณต่าง ๆ ของใบหน้า
โบท็อกซ์ (Botox)
- ใช้เพื่อลดการทำงานของกล้ามเนื้อ โดยการฉีดเข้าไปเพื่อทำให้กล้ามเนื้อผ่อนคลาย ช่วยลดริ้วรอยที่เกิดจากการขยับของกล้ามเนื้อ เช่น รอยย่นหน้าผาก ริ้วรอยหว่างคิ้ว และรอยตีนกา
- ฉีดบริเวณที่มีกล้ามเนื้อที่ทำให้เกิดริ้วรอยจากการเคลื่อนไหว เช่น หน้าผาก หางตา ระหว่างคิ้ว และยังสามารถใช้เพื่อลดขนาดกล้ามเนื้อ เช่น ลดกราม หรือลดเหงื่อในรักแร้
- ช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อที่ทำให้เกิดริ้วรอย ทำให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้น ผลลัพธ์จะเริ่มเห็นชัดใน 3-7 วันหลังฉีด
- เหมาะสำหรับการลดริ้วรอยที่เกิดจากการขยับของกล้ามเนื้อ หรือผู้ที่ต้องการลดขนาดกล้ามเนื้อในบางบริเวณ
เปรียบเทียบข้อดีของฟิลเลอร์ กับ โบท็อกซ์
ทั้งฟิลเลอร์และโบท็อกซ์มีข้อดีที่เหมาะสมกับปัญหาที่แตกต่างกัน หากต้องการเติมเต็มริ้วรอยหรือเพิ่มความเต็มอิ่มให้กับใบหน้า ฟิลเลอร์อาจเป็นตัวเลือกที่ดี แต่ถ้าต้องการลดริ้วรอยที่เกิดจากการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อ โบท็อกซ์จะเป็นทางเลือกที่เหมาะสมมากกว่า โดยมีข้อดีที่แตกต่างกันดังนี้
ข้อดีของฟิลเลอร์
- เติมเต็มร่องลึกและเพิ่มวอลลุ่ม : ฟิลเลอร์ช่วยเติมเต็มบริเวณที่มีการยุบตัว เช่น ร่องแก้ม ริมฝีปาก และแก้ม ทำให้หน้าดูอ่อนเยาว์
- ผลลัพธ์ทันที : หลังฉีดฟิลเลอร์ ผลลัพธ์สามารถเห็นได้ทันทีโดยไม่ต้องรอ
- เป็นธรรมชาติ : ฟิลเลอร์ส่วนใหญ่ทำจากกรดไฮยาลูรอนิค ซึ่งเป็นสารที่พบได้ในร่างกาย จึงมักไม่ทำให้เกิดการแพ้หรือปฏิกิริยาตอบสนองทางลบ
- ปรับรูปหน้า : ใช้สำหรับการปรับโครงหน้า เช่น การฉีดเพื่อปรับรูปทรงปาก ขมับ คาง หรือเพิ่มวอลลุ่มให้ใบหน้า
ข้อดีของโบท็อกซ์
- ลดริ้วรอยที่เกิดจากการขยับกล้ามเนื้อ : โบท็อกซ์เหมาะกับการลดริ้วรอยที่เกิดจากการเคลื่อนไหวกล้ามเนื้อ เช่น รอยย่นหน้าผาก ตีนกา หรือรอยขมวดคิ้ว
- ผลลัพธ์ชัดเจนและรวดเร็ว : มักเริ่มเห็นผลใน 3-7 วันหลังฉีด และผลลัพธ์จะชัดเจนที่สุดในช่วง 2 สัปดาห์หลังการฉีด
- ใช้แก้ปัญหาทางการแพทย์ได้ : นอกจากการลดริ้วรอย ยังใช้รักษาปัญหาทางการแพทย์ เช่น อาการเหงื่อออกมาก (Hyperhidrosis) หรืออาการปวดกล้ามเนื้อ
- ไม่ต้องพักฟื้น : หลังฉีดสามารถกลับไปทำกิจวัตรประจำวันได้ทันที
เปรียบเทียบข้อจำกัดของฟิลเลอร์ กับ โบท็อกซ์
ในการฉีดฟิลเลอร์และโบท็อกซ์นอกจากจะมีข้อดีแล้ว ก็ยังมีข้อจำกัดที่ควรรู้อีกด้วย เพื่อเป็นแนวทางป้องกันไม่ให้เกิดผลข้างเคีนงตามมาภายหลัง โดยทั่วไปแล้ว ฟิลเลอร์มีข้อจำกัดในเรื่องการเลือกใช้และอาการแพ้ที่อาจเกิดขึ้น ขณะที่โบท็อกซ์มีข้อจำกัดในการใช้ในบางบริเวณและไม่เหมาะสำหรับผู้มีปัญหาเกี่ยวกับกล้ามเนื้อ แต่ข้อจำกัดหลัก ๆ มีดังนี้
ข้อจำกัดของฟิลเลอร์
- บวมช้ำหลังฉีด : บางคนอาจมีอาการบวม แดง หรือฟกช้ำในบริเวณที่ฉีด แต่จะหายไปภายในไม่กี่วัน
- ผลลัพธ์ไม่ถาวร : แม้ว่าผลลัพธ์จะอยู่ได้นาน แต่ก็จะสลายไปตามธรรมชาติ ทำให้ต้องฉีดซ้ำเพื่อคงผลลัพธ์
- อาจเกิดการเคลื่อนตัวของสาร : ถ้าฉีดไม่ถูกต้อง ฟิลเลอร์อาจเคลื่อนตัวไปยังบริเวณอื่นได้
- เสี่ยงต่อการติดเชื้อหรือการอุดตันของหลอดเลือด : หากฉีดโดยผู้ที่ไม่มีความชำนาญ
ข้อจำกัดของโบท็อกซ์
- ผลลัพธ์ไม่ถาวร : โบท็อกซ์มีอายุการใช้งานสั้นกว่าฟิลเลอร์ โดยปกติจะอยู่ได้ 3-6 เดือน ต้องฉีดซ้ำเมื่อกล้ามเนื้อเริ่มกลับมาเคลื่อนไหวตามปกติ
- ไม่เหมาะสำหรับทุกคน : โบท็อกซ์เหมาะกับการลดริ้วรอยที่เกิดจากการขยับกล้ามเนื้อเท่านั้น ไม่สามารถเติมเต็มหรือเพิ่มวอลลุ่มได้
- เสี่ยงต่อการฉีดผิดตำแหน่ง : หากฉีดโบท็อกซ์ผิดตำแหน่ง อาจทำให้กล้ามเนื้ออื่น ๆ อ่อนแรง เช่น การตกของเปลือกตา หรือการขยับหน้าไม่ได้
- ผลข้างเคียง : อาจมีอาการบวม ช้ำ หรือปวดบริเวณที่ฉีด และบางคนอาจรู้สึกไม่สบายหรือตึงในบริเวณกล้ามเนื้อที่ได้รับการฉีด
ฟิลเลอร์ กับ โบท็อกซ์ แบบไหนอยู่ได้นานกว่ากัน ?
ผลลัพธ์จากฟิลเลอร์และโบท็อกซ์มีอายุการใช้งานที่แตกต่างกัน โดยทั่วไปแล้ว ผลลัพธ์จากฟิลเลอร์จะอยู่ได้ประมาณ 6 เดือนถึง 1 ปี ขึ้นอยู่กับชนิดของฟิลเลอร์ที่ใช้และบริเวณที่ฉีด บางชนิดอาจอยู่ได้นานถึง 18 เดือนหรือตลอดอายุการใช้งานของผลิตภัณฑ์ ส่วนผลลัพธ์จากโบท็อกซ์มักจะอยู่ได้ประมาณ 3 ถึง 6 เดือน หลังจากนั้นกล้ามเนื้อจะเริ่มกลับมาทำงานตามปกติ และอาจต้องทำการฉีดใหม่เพื่อรักษาผลลัพธ์
ฟิลเลอร์ กับ โบท็อกซ์ แบบไหนเหมาะกับใครบ้าง ?
ฟิลเลอร์ กับ โบท็อกซ์มีคุณสมบัติและการใช้งานที่แตกต่างกัน ฟิลเลอร์เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเติมเต็มและปรับรูปหน้าในทันที ขณะที่โบท็อกซ์เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดริ้วรอยที่เกิดจากการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อ โดยผู้ที่เหมาะกับการฉีดฟิลเลอร์และโบท็อกซ์มีดังนี้
ฟิลเลอร์เหมาะกับใครบ้าง ?
- ผู้ที่ต้องการเพิ่มปริมาตรให้กับบริเวณต่าง ๆ เช่น แก้ม ริมฝีปาก หรือบริเวณใต้ตา
- ผู้ที่มีริ้วรอยลึกหรือรอยย่นที่ต้องการให้เรียบเนียนขึ้น
- ผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้า เช่น ทำให้หน้าเรียวขึ้นหรือเติมเต็มบริเวณที่มีการสูญเสียไขมัน
โบท็อกซ์เหมาะกับใครบ้าง ?
- ผู้ที่มีริ้วรอยที่เกิดจากการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อ เช่น ริ้วรอยบริเวณหน้าผาก ริ้วรอยระหว่างคิ้ว และรอยตีนกา
- ผู้ที่ต้องการลดการเกิดเหงื่อมากเกินไป เช่น การทำโบท็อกซ์ที่ใต้วงแขน
- ผู้ที่ต้องการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับกล้ามเนื้อ เช่น ปัญหากล้ามเนื้อที่ตึงหรือมีความไม่สมดุล
*ข้อควรพิจารณา ทั้งฟิลเลอร์และโบท็อกซ์สามารถใช้ได้ตั้งแต่อายุ 18 ปีขึ้นไป แต่ควรพิจารณาตามความต้องการและความเหมาะสม ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพบางอย่างอาจไม่เหมาะกับการฉีดฟิลเลอร์หรือโบท็อกซ์ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนการรักษา เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและเหมาะสมกับตัวเอง*
ฉีด filler กับ botox พร้อมกันได้ไหม ?
สามารถฉีดฟิลเลอร์ กับ โบท็อกซ์พร้อมกันได้ โดยปกติแล้วแพทย์จะสามารถทำการรักษาได้ในวันเดียวกัน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น โดยการฉีดทั้งสองชนิดในวันเดียวกันนั้นจะช่วยปรับรูปหน้าและลดเลือนริ้วรอยได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยแพทย์จะมีวิธีการทำหัตถการที่ปลอดภัย เช่น การฉีดโบท็อกซ์ก่อนฟิลเลอร์ หรือทำอย่างใดอย่างหนึ่งก่อนแล้วจึงตามด้วยอีกอย่างในระยะเวลาที่เหมาะสมดังนั้นควรปรึกษาแพทย์ก่อนการทำหัตถการ เพื่อให้แพทย์สามารถประเมินสภาพผิวและให้คำแนะนำที่เหมาะสมกับคุณ
ฉีดฟิลเลอร์ กับ โบท็อกซ์ อันไหนเจ็บกว่ากัน ?
ทั้งฟิลเลอร์และโบท็อกซ์มีระดับความเจ็บที่แตกต่างกันไปล แต่โดยทั่วไปแล้ว อาจรู้สึกเจ็บเล็กน้อยเมื่อเข็มฉีดเข้าไปในผิวหนัง โดยเฉพาะฟิลเลอร์ เนื่องจากฟิลเลอร์มักจะถูกฉีดลึกกว่าหรือมีความหนืดมากกว่า ส่วนการฉีดโบท็อกซ์จะรู้สึกเจ็บน้อยกว่าฟิลเลอร์ เนื่องจากโบท็อกซ์มักจะฉีดในชั้นผิวหนังที่ตื้นและใช้เข็มที่เล็กกว่ามาก โดยทั่วไปการบรรเทาอาการเจ็บ แพทย์จะใช้ายาชาทาบริเวณที่ทำการฉีด เพื่อช่วยลดความเจ็บปวดขณะทำการฉีด
ฉีดฟิลเลอร์ กับ โบท็อกซ์ที่ลีเอนจางดีอย่างไร ?
ลีเอนจาง คลินิก (Lienjang Clinic Thailand) เป็นคลินิกความจากเกาหลีเจ้าแรกของไทยที่โดดเด่นในเรื่องของการยกกระชับและการดูแลผิวพรรณ มีทีมแพทย์ที่มีประสบการณ์และความชำนาญในการทำหัตถการ ทำให้มั่นใจได้ในความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ดี อีกทั้งยังเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ฟิลเลอร์ กับ โบท็อกซ์ที่มีคุณภาพและได้รับการรับรอง และมีการใช้เทคโนโลยีและอุปกรณ์ที่ทันสมัยในการทำหัตถการ
นอกจากนี้ยังมีการให้บริการที่เป็นกันเองและคำนึงถึงความต้องการของผู้ใช้บริการเป็นหลัก เพื่อให้คุณรู้สึกสบายใจและมั่นใจในระหว่างการรักษา การเลือกฉีดฟิลเลอร์หรือโบท็อกซ์ที่ลีเอนจาง เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่มีคุณภาพและปลอดภัย หากคุณมีคำถามเพิ่มเติมหรือสนใจรายละเอียดเกี่ยวกับการรักษา สามารถสอบถามได้ที่ Line Official Account : @Lienjangthailand ตรงนี้ได้เลยค่ะ!
ฟิลเลอร์กับโบท็อกซ์ ราคาต่างกันไหม ?
ในการฉีดฟิลเลอร์กับโบท็อกซ์ ราคาจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น แบรนด์ของผลิตภัณฑ์ ปริมาณที่ใช้ และสถานที่ที่ทำการรักษา แต่โดยทั่วไป ฟิลเลอร์มักจะมีราคาสูงกว่าโบท็อกซ์ เนื่องจากฟิลเลอร์มีการใช้ปริมาณที่มากกว่าและราคาของผลิตภัณฑ์ที่สูงกว่า โดยราคาฟิลเลอร์จะเริ่มต้นที่ 6,000 บาทต่อซีซี ส่วนโบท็อกซ์ราคามักจะต่ำกว่าฟิลเลอร์ และจะถูกคิดเป็นหน่วยตามจำนวนยูนิตที่ใช้ ราคาจะเริ่มต้นที่ 3,000 บาทต่อครั้ง ขึ้นอยู่กับปริมาณยูนิตที่ต้องการ
ราคาจะมีความแตกต่างกันไปตามคลินิกหรือโรงพยาบาลที่ให้บริการ ควรเลือกสถานที่ที่มีชื่อเสียงและแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ พิเศษสุด! ที่ลีเอนจาง คลินิก มีโปรโมชั่นฟิลเลอร์ กับ โบท็อกซ์สุดคุ้ม ที่ช่วยเพิ่มความสวยได้อย่างสบายกระเป๋า หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับราคาและโปรโมชั่นสามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่ Line Official Account : @Lienjangthailand
ฟิลเลอร์ กับ โบท็อกซ์ อันไหนอันตรายกว่ากัน ?
ทั้งฟิลเลอร์และโบท็อกซ์มีความปลอดภัยสูงเมื่อได้ทำการฉีดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ แต่ก็มีความเสี่ยงที่ควรทราบด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น การติดเชื้อ หากไม่รักษาความสะอาดอย่างถูกต้อง อาจทำให้เกิดการติดเชื้อที่บริเวณที่ฉีด และอาจมีอาการบวมและช้ำที่บริเวณที่ทำการฉีด ซึ่งมักจะหายไปในเวลาไม่นาน กับบางคนอาจรู้สึกปวดหัวหรือมีอาการข้างเคียงเช่น กล้ามเนื้ออ่อนแรงในบริเวณที่ไม่ได้ต้องการ
โดยทั่วไปแล้ว ทั้งฟิลเลอร์และโบท็อกซ์มีความปลอดภัยเมื่อทำโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ และความเสี่ยงจะลดลงหากมีการดูแลอย่างเหมาะสม ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินความเสี่ยงและข้อจำกัดของการรักษาแต่ละประเภทเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับคุณค่ะ!
รีวิวฟิลเลอร์ กับ โบท็อกซ์ ที่ลีเอนจาง
รีวิวฟิลเลอร์
รีวิวโบท็อกซ์
สรุป
ฟิลเลอร์ กับ โบท็อกซ์ เป็นตัวช่วยเสริมความงามที่นิยมใช้ในการปรับรูปหน้าและลดเลือนริ้วรอย โดยฟิลเลอร์ทำหน้าที่เพิ่มความชุ่มชื้นและเติมเต็มให้ผิวดูเต่งตึง อิ่มฟู ในขณะที่โบท็อกซ์ทำงานโดยการคลายกล้ามเนื้อที่ทำให้เกิดริ้วรอย ทำให้ใบหน้าเรียบเนียน ดูอ่อนเยาว์ ซึ่งทั้งสองวิธีนี้มีการฟื้นตัวที่รวดเร็วและช่วยให้ผู้ใช้มีความมั่นใจในรูปลักษณ์ของตนเองมากขึ้น ควรปรึกษาแพทย์ก่อนตัดสินใจ เพื่อให้ได้รับวิธีที่เหมาะสมกับตนเองที่สุดค่ะ!