บทความ

Article

เช็คด่วน! 5 สัญญาณเตือน ผิวขาดน้ำ ขาดความชุ่มชื้น
Facebook
X
Email

เช็คด่วน! 5 สัญญาณเตือน ผิวขาดน้ำ ขาดความชุ่มชื้น

หัวข้อที่น่าสนใจ

เชื่อว่าสาว ๆ มากกว่า 50 % ประสบปัญหาผิวแห้งกร้าน ลอกเป็นขุย ดูหมองคล้ำ ไม่สดใส จนทำให้แต่งหน้าไม่ติดแถมยังสิวขึ้นง่ายอีกด้วย ปัญหาเหล่านี้อาจจะเป็นสัญญาณเตือนว่าคุณกำลังเผชิญกับปัญหาผิวขาดน้ำ หรือพูดง่าย ๆ ก็คือผิวที่ขาดความชุ่มชื้นและขาดคอลลาเจน ดังนั้น ในบทความนี้จะพาคุณไปเจาะลึกปัญหาผิวขาดน้ำว่าคืออะไร ? มีอาการลักษณะอย่างไร ? และมีแนวทางฟื้นฟูและแก้ไขอย่างไรให้กลับมาเปล่งปลั่งดูสุขภาพดี หากอยากรู้ว่าตนเองมีผิวที่ขาดน้ำหรือไม่ สามารถเช็คได้ในบทความนี้ เช็คก่อนสวยก่อน ห้ามพลาด!

ผิวขาดน้ำ คืออะไร ?

ผิวขาดน้ำ คืออะไร ?

ผิวขาดน้ำ คือสภาวะที่ผิวสูญเสียน้ำในชั้นผิวมากเกินไป ผิวจึงไม่สามารถรักษาความชุ่มชื้นได้ตามปกติ ทำให้ผิวผลิตน้ำมันออกมามาก เพื่อทดแทนความชุ่มชื้นที่เสียไป จึงทำให้มีสภาพผิวที่ทั้งแห้งและมันในเวลาเดียวกัน จนก่อให้เกิดปัญหาผิวต่าง ๆ ตามมาอีกมากมาย ปัญหาผิวขาดน้ำนี้สามารถเกิดได้กับผิวทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นผิวผสม ผิวมัน หรือผิวแห้ง การรักษาปริมาณน้ำในชั้นผิวให้มีความสมดุลจึงสำคัญต่อสุขภาพผิว การใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น และการดูแลผิวที่ดี เป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับการดูแลผิวให้มีสุขภาพดีค่ะ ซึ่งสภาวะนี้สามารถเกิดขึ้นได้กับในทุกสภาพผิว

ปริมาณน้ำในชั้นผิว

ปริมาณน้ำในชั้นผิวเป็นสิ่งสำคัญต่อการรักษาความชุ่มชื้นและสุขภาพของผิวหนัง การรักษาปริมาณน้ำในชั้นผิวขึ้นอยู่กับกลไกหลายประการ ปริมาณน้ำในชั้นผิวจะแบ่งออกเป็น 2 ชั้น ได้แก่

  • ชั้นหนังกำพร้า (Epidermis) เป็นชั้นผิวที่อยู่ด้านนอกสุดของผิวหนัง มีน้ำอยู่ประมาณ 10-30% ซึ่งประกอบด้วยเซลล์ผิวที่มีการผลัดเซลล์อย่างต่อเนื่อง เซลล์ในชั้นหนังกำพร้ามีการกักเก็บน้ำได้ดีในระดับหนึ่ง แต่การรักษาความชุ่มชื้นจะขึ้นอยู่กับการผลิตน้ำมันและสารกักเก็บน้ำที่มีอยู่ในชั้นนี้
  • ชั้นหนังแท้ (Dermis) ชั้นนี้อยู่ลึกลงไปและประกอบด้วยเส้นใยคอลลาเจนและอีลาสติน มีน้ำอยู่ประมาณ 70-80% ซึ่งช่วยในการรักษาความยืดหยุ่นของผิว และมีเส้นเลือดที่ช่วยให้การไหลเวียนของน้ำและสารอาหารไปยังผิว

ผิวอิ่มน้ำมีความสำคัญอย่างไร ?

น้ำมีบทบาทสำคัญอย่างมากต่อสุขภาพผิว โดยเฉพาะในประเทศไทยที่มีสภาพอากาศร้อนชื้นและบางช่วงก็มีอากาศแห้ง การมีผิวอิ่มน้ำช่วยให้ผิวสามารถรักษาความชุ่มชื้นและดูสุขภาพดีได้ ความสำคัญของผิวอิ่มน้ำมีดังนี้

  • ผิวที่มีความชุ่มชื้นดีจะมีความยืดหยุ่นและความแข็งแรง ช่วยป้องกันการเกิดริ้วรอยและความหย่อนคล้อย การมีความชุ่มชื้นทำให้ผิวสามารถยืดหยุ่นได้ดีขึ้น
  • ผิวที่อิ่มน้ำมีความสามารถในการป้องกันการระเหยของน้ำจากผิว ซึ่งช่วยรักษาความชุ่มชื้นในผิวและป้องกันผิวจากการแห้งกร้าน
  • น้ำช่วยในการทำงานของเซลล์ผิวและกระบวนการซ่อมแซมเซลล์ผิว ช่วยให้ผิวดูสดใสและฟื้นฟูได้เร็วขึ้น
  • ผิวที่มีความชุ่มชื้นจะมีแนวโน้มที่จะระคายเคืองน้อยกว่าผิวแห้ง เนื่องจากน้ำช่วยบรรเทาการระคายเคืองและทำให้ผิวอ่อนนุ่ม
  • ผิวอิ่มน้ำมักจะดูเรียบเนียนและมีสุขภาพดี ทำให้การแต่งหน้าและการใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวมีผลลัพธ์ที่ดีขึ้น
  • การมีผิวอิ่มน้ำช่วยให้การใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวมีประสิทธิภาพมากขึ้น เนื่องจากผิวที่มีความชุ่มชื้นสามารถดูดซึมสารอาหารและวิตามินจากผลิตภัณฑ์ได้ดี

วิธีเช็คว่าเราเป็นคนผิวแห้งหรือผิวขาดน้ำ

ผิวขาดน้ำกับผิวแห้งนั้นไม่เหมือนกัน ผิวที่ขาดน้ำจะขาดความชุ่มชื้น มีความมันและความแห้งผสมกัน ส่วนผิวแห้ง สาเหตุมาจากภายใน คือการที่ต่อมไขมันผลิตน้ำมันออกมาได้ไม่มาก จึงส่งผลให้ผิวแห้ง ไม่สามารถกักเก็บความชุ่มชื้นเอาไว้ได้ การแยกแยะระหว่างผิวแห้งและผิวที่ขาดน้ำ นั้นมีความสำคัญ เนื่องจากแต่ละสภาวะต้องการการดูแลที่แตกต่างกัน โดยสามารถทำได้โดยการทดสอบง่าย ๆ ดังนี้

  • ใช้สองนิ้วจับผิวหนังบริเวณแก้มเบา ๆ แล้วดึงขึ้นเล็กน้อยจากนั้นปล่อยมือ หากผิวคืนสู่สภาพเดิมช้า อาจแสดงว่าผิวขาดน้ำ แต่ถ้าผิวกลับคืนสู่สภาพเดิมอย่างรวดเร็ว แสดงว่าผิวยังคงมีความชุ่มชื้นอยู่
  • ลองสัมผัสผิวของคุณหลังจากการทำความสะอาดโดยไม่ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงใด ๆ หากผิวรู้สึกแห้งและตึงทันทีหลังการทำความสะอาด อาจหมายถึงผิวแห้ง

วิธีเช็คว่าเราเป็นคนผิวแห้งหรือผิวขาดน้ำ

ผิวขาดน้ํา เกิดจากอะไร ?

สาเหตุของผิวขาดน้ำมีหลายประการที่ทำให้ผิวสูญเสียน้ำและความชุ่มชื้นจากภายในและภายนอก การเข้าใจสาเหตุของการขาดน้ำในผิว จะช่วยให้คุณสามารถเลือกวิธีการดูแลผิวที่เหมาะสมและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่อาจส่งผลต่อสุขภาพผิวของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ สาเหตุหลัก ๆ มีดังนี้

  1. การดื่มน้ำไม่เพียงพอ : เมื่อร่างกายขาดน้ำ ผิวจะขาดความชุ่มชื้นจากภายใน ส่งผลให้ผิวแห้งและดูหมองคล้ำ
  2. สภาพอากาศ : อากาศที่แห้ง เย็น หรือร้อนจัด สามารถดูดซับความชุ่มชื้นจากผิว ทำให้ผิวสูญเสียน้ำได้ง่าย
  3. การใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่รุนแรง : การใช้สบู่หรือน้ำยาทำความสะอาดผิวที่มีสารเคมีที่รุนแรง เช่น แอลกอฮอล์ หรือการใช้สครับขัดผิวมากเกินไป อาจทำให้ผิวเสียสมดุลและขาดความชุ่มชื้น
  4. การอาบน้ำร้อน : น้ำร้อนสามารถทำให้ไขมันธรรมชาติที่อยู่บนผิวหลุดออกไป ทำให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้น
  5. การนอนหลับไม่เพียงพอ : การพักผ่อนน้อยทำให้ร่างกายไม่ได้รับการฟื้นฟู ผิวจึงอาจสูญเสียความสามารถในการกักเก็บน้ำได้
  6. การโดนแสงแดดมากเกินไป : รังสี UV ทำให้ผิวสูญเสียน้ำและทำลายเซลล์ผิวที่ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้น
  7. ความเครียด : ความเครียดสามารถส่งผลให้ผิวขาดน้ำได้ เนื่องจากร่างกายผลิตฮอร์โมนที่ทำให้การกักเก็บน้ำในผิวลดลง
  8. การบริโภคอาหารไม่เหมาะสม : การขาดสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อผิว เช่น วิตามินหรือแร่ธาตุ ก็อาจเป็นสาเหตุให้ผิวขาดความชุ่มชื้นได้

5 สัญญาณเตือน ผิวขาดน้ํา อาการเป็นอย่างไร ?

ผิวขาดน้ำสามารถสังเกตได้จากหลายสัญญาณเตือนที่บ่งบอกว่าผิวของคุณกำลังขาดความชุ่มชื้นอยู่ วันนี้ลีเอนจาง คลินิก จะพาทุกท่านมาเช็ค 5 ลักษณะของผิวที่ขาดน้ำ ที่มักเกิดขึ้นบ่อยและสามารถสังเกตได้ง่าย โดยมีลักษณะดังนี้

1.ผิวแห้งและตึง

ผิวขาดน้ำทำให้ผิวแห้งและตึงได้ เนื่องจากการขาดความชุ่มชื้นในชั้นผิว ผิวที่ขาดน้ำจะไม่สามารถกักเก็บน้ำได้เพียงพอ ทำให้เกิดความไม่สมดุล ส่งผลให้ผิวแห้งและมีความตึง เมื่อสัมผัสผิวจะรู้สึกถึงความหยาบกร้านและไม่เรียบเนียน และอาจมีอาการคันหรือระคายเคืองร่วมด้วย อาการผิวแห้งนี้มักสามารถเห็นได้ชัดหลังจากล้างหน้าเสร็จ ดังนั้น การเติมความชุ่มชื้นให้ผิวเป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันไม่ให้ผิวแห้งตึงจากการขาดน้ำ

1.ผิวแห้งและตึง

2.ความมันบนใบหน้าเพิ่มขึ้น

ผิวขาดน้ำสามารถทำให้ความมันบนใบหน้าเพิ่มขึ้นได้ แม้ว่าผิวจะดูแห้งและตึงก็ตาม เพราะเมื่อผิวที่ขาดน้ำ ร่างกายจะพยายามชดเชยการสูญเสียน้ำด้วยการผลิตน้ำมันออกมามากขึ้น เพื่อรักษาความชุ่มชื้นไว้บนผิวหนัง ผลที่ตามมาคือผิวอาจดูมันเยิ้ม โดยเฉพาะบริเวณ T-zone (หน้าผาก จมูก คาง) การผลิตน้ำมันมากขึ้นนี้เป็นการตอบสนองตามธรรมชาติของผิวที่ขาดความชุ่มชื้น แต่น้ำมันที่มากเกินไปอาจทำให้รูขุมขนอุดตันและเกิดปัญหาผิวอื่น ๆ เช่น สิวหรือผิวอักเสบได้ ดังนั้นการเติมความชุ่มชื้นให้ผิวอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยลดความมันส่วนเกินและรักษาสมดุลของผิวให้ดีขึ้น

2.ความมันบนใบหน้าเพิ่มขึ้น

3.ผิวลอกเป็นขุย

ผิวขาดน้ำทำให้ผิวลอกเป็นขุยได้ เนื่องจากการขาดความชุ่มชื้นในชั้นผิว ทำให้ผิวสูญเสียความยืดหยุ่นและความสามารถในการกักเก็บน้ำ เมื่อผิวไม่ได้รับน้ำอย่างเพียงพอ เซลล์ผิวจะแห้งและแตกออก ส่งผลให้เกิดการลอกเป็นขุย โดยเฉพาะบริเวณที่แห้งมาก เช่น แก้ม หน้าผาก หรือรอบจมูก ผิวที่ลอกเป็นขุยนี้มักจะทำให้ผิวดูไม่เรียบเนียน และอาจมีอาการคันหรือระคายเคืองร่วมด้วย การรักษาผิวที่ขาดน้ำที่ลอกเป็นขุย ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยเติมความชุ่มชื้นที่มีส่วนผสมของสารกักเก็บน้ำและควรดื่มน้ำให้เพียงพอเพื่อบำรุงผิวจากภายใน

3.ผิวลอกเป็นขุย

4.ริ้วรอยชัดเจนขึ้น

ผิวขาดน้ำทำให้ริ้วรอยดูชัดเจนขึ้น เนื่องจากการขาดความชุ่มชื้นในชั้นผิวจะทำให้ผิวสูญเสียความยืดหยุ่นและความเต่งตึงตามธรรมชาติ เมื่อผิวขาดน้ำ ผิวจะดูแห้งและตึง ทำให้เกิดริ้วรอยเล็ก ๆ บนผิว เช่น ริ้วรอยหน้าผาก ริ้วรอยใต้ตา หรือบริเวณร่องแก้มดูชัดเจนมากขึ้นกว่าปกติ ริ้วรอยที่เกิดจากผิวที่ขาดน้ำมักเป็นริ้วรอยชั่วคราว ซึ่งสามารถจางหายไปได้เมื่อผิวกลับมาได้รับความชุ่มชื้นอย่างเพียงพอ การฟื้นฟูผิวโดยการเติมน้ำให้กับผิวอย่างเพียงพอ จะช่วยให้ผิวกลับมาเต่งตึงและริ้วรอยที่เห็นชัดเจนก็จะลดลง

4.ริ้วรอยชัดเจนขึ้น

5.ผิวดูหมองคล้ำ ขาดความสดใส

ผิวขาดน้ำทำให้ผิวดูหมองคล้ำได้ เพราะเมื่อผิวขาดความชุ่มชื้น เซลล์ผิวจะไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ทำให้กระบวนการผลัดเซลล์ผิวช้าลง ส่งผลให้เซลล์ผิวที่ตายแล้วสะสมอยู่บนผิว ทำให้ผิวดูไม่สดใสและหมองคล้ำ นอกจากนี้ ผิวที่ขาดน้ำมักจะสูญเสียความเปล่งปลั่ง ทำให้ผิวดูแห้งและไม่มีชีวิตชีวา ปัจจัยที่ทำให้ผิวหมองคล้ำจากการขาดน้ำ รวมถึงการลดลงของการไหลเวียนโลหิตในผิว ซึ่งทำให้ผิวขาดออกซิเจนและสารอาหารที่จำเป็น ส่งผลให้ผิวดูเหนื่อยล้า การเติมความชุ่มชื้นให้ผิวและการบำรุงจากภายใน จะช่วยฟื้นฟูผิวให้กลับมาสดใสและดูสุขภาพดี

5.ผิวดูหมองคล้ำ ขาดความสดใส

เติมความอิ่มฟูให้กับผิวที่ ลีเอนจาง

การเติมความอิ่มฟูให้กับผิวที่ ลีเอนจาง คลินิก (Lienjang Clinic Thailand) เป็นหนึ่งในบริการที่ได้รับความนิยมมาก เนื่องจากทางคลินิกมีแพทย์ผู้ชำนาญการในการดูแลผิวและความงาม โดยเฉพาะการฟื้นฟูผิวให้มีความชุ่มชื้นและอิ่มฟู การเลือกใช้บริการที่ลีเอนจางเพื่อแก้ไขปัญหาผิวขาดน้ำจะช่วยให้คุณได้รับการรักษาที่มีคุณภาพสูงและการดูแลที่เป็นมืออาชีพ โดยมี 5 โปรแกรมตัวดังที่จะช่วยทำให้ผิวของคุณกลับมามีความชุ่มชื้นและสุขภาพดีอีกครั้งดังนี้

โปรแกรม Re-Run Aging (Rejuran)

รีจูรัน (Rejuran) คือ โปรแกรม ฟื้นฟูผิวที่ได้รับความนิยมในการเสริมความชุ่มชื้นและลดเลือนริ้วรอย โดยการฉีดสาร PolyNucleotide (PN) ที่สกัดจาก DNA ของปลาแซลมอน ที่มีสาย DNA ยาวกว่า ตัว PDRN และใกล้เคียงกับ DNA ของมนุษย์มากที่สุด ที่ช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ ฟื้นฟูผิวที่ถูกทำลาย ลดการอักเสบ เพิ่มความยืดหยุ่นของผิว คุณสมบัติของโปรแกรม Re-Run Aging มีดังนี้

  • ผิวที่ยืดหยุ่นมากขึ้น จากคอลลาเจนที่สร้างขึ้นเอง
  • ฟื้นฟูผิวอย่างเร่งด่วน จากผิวเสื่อมโทรม หรือเป็นแผล
  • ผิวที่แห้งขาดความชุ่มชื้น จากผิวไม่สมดุล
  • ปัญหาหลุมสิว ให้ผิวเรียบเนียน รูขุมขนกระชับ
  • ต้องการเพิ่ม Volume และลิฟท์ผิว
  • ผิวกระจ่างใสดูมีออร่าสไตล์เกาหลี

โปรแกรม Repair Skin Essence

เป็นโปรแกรมที่ใช้ตัวยาเป็นสูตรเฉพาะของลีเอนจาง มี Exosome จากพืช กับ DNA ปลาแซลมอน เป็นส่วนผสมหลักที่สำคัญ ซึ่งซ่อมแซมเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพได้ลึกถึงระดับการแสดงออกของยีนส์ (Epigenetic) ฟื้นฟูการทำงานของเซลล์ผิว ยับยั้งกลไกการอักเสบและความเครียดของเซลล์ผิว เพิ่มจำนวนเซลล์ใหม่ทดแทนส่วนเสียหาย พร้อมรักษาบาดแผลได้อย่างมีประสิทธิภาพ คุณสมบัติของโปรแกรม Repair Skin Essence คือ

  • ช่วยต้านอนุมูลอิสระ
  • ชะลอความเสื่อมของเซลล์
  • ให้ผิวชุ่มชื้น อิ่มฟู รูขุมขนกระชับ
  • ปรับโทนสีผิว (ฝ้า กระ จุดด่างดำ รอยดำและรอยแดงจากสิว)

โปรแกรม Baby Face SMPF Complex

เป็นนวัตกรรมบำรุงผิวหน้าให้อ่อนเยาว์ ด้วยสารสกัด G4PRF-300 เอกสิทธิ์หนึ่งเดียวจาก BNV Biolab ที่มี Growth Factor มากถึง 26 ชนิด Protein 300 ชนิด และ Exosome ไม่มีส่วนผสมของสารเคมี สเตียรอยด์ หรือยาปฏิชีวนะ ปลอดภัย ไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อผิว ส่วนประกอบใน Baby Face SMPF Complex ถูกออกแบบมาเพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ช่วยฟื้นฟูเซลล์ผิวที่ถูกทำลาย และเพิ่มกระบวนการสร้างเซลล์ผิวใหม่ได้อย่างดีเยี่ยม

  • Hyaluronic Acid 1% ให้ผิวชุ่มชื้น อิ่มฟู รูขุมขนกระชับ
  • Amino Acid ฟื้นฟูให้ผิวเปล่งปลั่ง เรียบเนียน ดูสุขภาพดี
  • ช่วยสมานแผลที่เสื่อมสภาพ สร้างเซลล์ผิวใหม่ ให้ผิวแข็งแรง
  • ปรับผิวให้ดูกระจ่างใสและเพิ่มความยืดหยุ่นของผิว

โปรแกรม Chanels Exo Phyto Series 2

เป็นนวัตกรรมที่เปิดตัวใหม่ล่าสุดจากแบรนด์ L’ebss ที่เป็นแบรนด์ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่เน้นการบำรุงและฟื้นฟูผิวให้มีสุขภาพดี ซึ่ง โปรแกรม Chanels Exo Phyto Series 2 คือ เอ็กโซโซม (Exosome) ที่เป็นสารสกัดจากพืชหลายชนิด เป็นถุงเล็ก ๆ ที่อยู่ในเซลล์ซึ่งมีหน้าที่ในการส่งสารสื่อประสาท (signaling molecules) ระหว่างเซลล์ โดยจะประกอบไปด้วยโปรตีน เปปไทด์ RNA และสารสื่ออื่น ๆ โดยมีขนาดเล็กกว่ารูขุมขน ทำให้สามารถซึมซับได้เป็นอย่างดี เน้นการบำรุงและฟื้นฟูผิวจากภายในสู่ภายนอก ด้วยสารสกัดที่มีคุณสมบัติในการเพิ่มความชุ่มชื้น ปรับสมดุลผิวให้มีสุขภาพดีขึ้น

  • เสริมสร้างภูมิต้านทานให้กับผิว
  • ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิว ทำให้ผิวดูเรียบเนียนและกระชับขึ้น
  • กระชับรูขุมขนกว้างให้เล็กลง
  • การกระตุ้นการฟื้นฟูเซลล์ผิว ช่วยให้ผิวกลับมามีสุขภาพดีขึ้น
  • เพิ่มความชุ่มชื้น ทำให้ผิวดูอิ่มฟูและสดใส
  • ช่วยลดการอักเสบของผิวหนัง ทำให้ผิวแข็งแรง
  • ชะลอการเสื่อมสภาพของผิว

โปรแกรม Chanels Series 2 Original

เป็นนวัตกรรมที่พัฒนาใหม่ล่าสุด ซึ่งช่วยฟื้นฟูสภาพผิวด้วย HA 135 เป็นกรด Hyluyanic Acid สูตรเข้มข้น ที่ ผสมผสานกับ กรดอะมิโน กลูตาไธโอน สารต่อต้านอนุมูลอิสระ และเปปไทด์ 14 ชนิด ที่ช่วยเสริมสร้างความยืดหยุ่นให้ผิว ช่วยในเรื่องการบำรุงผิวไม่ให้แห้งกร้าน เน้นความฉ่ำวาวและผิวที่แข็งแรงขึ้น โดย โปรแกรม Chanels Series 2 Origina มีคุณสมบัติดังนี้

  • เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว หน้าฉ่ำวาวขั้นสุด ช่วยให้ผิวกระจ่างใส ลดเลือนจุดด่างดำ
  • สร้างเกราะป้องกันให้ผิว เสริมสร้างความยืดหยุ่น
  • ช่วยหลุมสิวและรูขุมขนดูลดลง ช่วยรักษารอยแผลเป็น
  • ช่วยกระตุ้นให้ผิวสร้างคอลลาเจน เพิ่มความตึงผิวและช่วยกระชับผิว
  • ปลอบประโลมผิว ลดการอักเสบของผิว ช่วยลดสิว และอาการแพ้
  • ลดริ้วรอยก่อนวัย โดยเฉพาะริ้วรอยตื้น ๆ

อ่านบทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับ : ฉีดชาแนล Chanel injection บูสหน้าใส อวดผิวสวย ลดริ้วรอย

วิธีป้องกันผิวขาดน้ำ

วิธีป้องกันผิวขาดน้ำ

การป้องกันผิวขาดน้ำเป็นสิ่งสำคัญทั้งภายในและภายนอก เมื่อผิวได้รับการบำรุงอย่างเหมาะสมก็จะทำให้ผิวดูสุขภาพดีและอิ่มฟู และต่อไปนี้คือวิธีที่จะช่วยป้องกันผิวจากการขาดน้ำ

  1. ดื่มน้ำให้เพียงพอ การดื่มน้ำอย่างน้อย 8 แก้วต่อวัน (ประมาณ 2 ลิตร) จะช่วยรักษาสมดุลของความชุ่มชื้นในร่างกายและผิว
  2. เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มความชุ่มชื้น ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนผสมของ ไฮยาลูรอนิก แอซิด (Hyaluronic Acid) , กลีเซอรีน (Glycerin) หรือ เซราไมด์ (Ceramides) ซึ่งมีคุณสมบัติในการกักเก็บน้ำในผิวได้ดี รวมถึงทามอยส์เจอไรเซอร์ทันทีหลังล้างหน้า เพื่อกักเก็บความชุ่มชื้น
  3. หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีแอลกอฮอล์ แอลกอฮอล์ในผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหรือโทนเนอร์สามารถทำให้ผิวแห้งมากขึ้น ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์
  4. ใช้ครีมกันแดดทุกวัน แสงแดดเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ผิวขาดน้ำและเสื่อมสภาพ ควรใช้ครีมกันแดดที่มี SPF 30 ขึ้นไปทุกวัน แม้ในวันที่ไม่มีแดดแรง
  5. หลีกเลี่ยงการอาบน้ำร้อน การอาบน้ำที่อุณหภูมิสูงเกินไปสามารถทำลายเกราะป้องกันของผิว ทำให้ความชุ่มชื้นระเหยออกไป ควรใช้น้ำอุ่นหรือเย็นในการอาบน้ำแทน
  6. รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อผิว อาหารที่มีกรดไขมันโอเมก้า-3 เช่น ปลาแซลมอน เมล็ดแฟลกซ์ และถั่ว จะช่วยเสริมสร้างความชุ่มชื้นให้กับผิวจากภายใน ควรรับประทานผักและผลไม้ที่มีปริมาณน้ำสูง เช่น แตงกวา แตงโม และส้ม
  7. ใช้เซรั่มหรือผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่เน้นการกักเก็บน้ำ เพิ่มความชุ่มชื้น เช่น เซรั่มที่มีไฮยาลูรอนิก แอซิด และวิตามินอี จะช่วยเติมน้ำให้กับผิวและป้องกันการขาดน้ำ
  8. ทำทรีตเมนต์บำรุงผิวเป็นประจำ เช่น Hydrating Facial, Skin Booster หรือการใช้ Meso Therapy ที่เติมความชุ่มชื้นเข้าสู่ชั้นผิว จะช่วยให้ผิวได้รับการบำรุงและป้องกันการขาดน้ำได้ดี

Q&A คำถามที่พบบ่อย

Q : ผิวขาดน้ํา ใช้อะไรดี ? 

A: หากคุณมีปัญหาผิวที่ขาดน้ำ ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่เน้นการเติมเต็มความชุ่มชื้นให้กับผิว เช่น มอยส์เจอไรเซอร์ (Moisturizers) ช่วยเก็บความชุ่มชื้นในผิว ทำให้ผิวดูอิ่มน้ำ เซรั่มที่มีสารเติมเต็มความชุ่มชื้น (Hydrating Serums) ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้ผิวดูสดใส และมาสก์บำรุงผิว (Hydrating Masks) ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีแอลกอฮอล์ เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยน

Q : ผิวขาดน้ำควรเลือกใช้มอยส์เจอไรเซอร์อร์แบบไหนดี ?

A: หากผิวของคุณขาดน้ำ การเลือกใช้มอยส์เจอไรเซอร์ที่มีคุณสมบัติช่วยเติมเต็มน้ำและล็อกความชุ่มชื้นให้กับผิวจะช่วยได้ดีมาก ควรเลือกมอยส์เจอไรเซอร์ที่มีส่วนผสม ของ Hyaluronic Acid , Glycerin , Squalane , Ceramides นอกจากนี้ยังควรเลือกมอยส์เจอไรเซอร์ที่ปราศจากส่วนผสมที่ทำให้ระคายเคือง เช่น แอลกอฮอล์ หรือน้ำหอม ที่อาจทำให้ผิวแห้งขึ้นได้

Q : คนผิวขาดน้ำควรเลือกครีมกันแดดอย่างไร

A: สำหรับคนที่มีผิวที่ขาดน้ำ การเลือกครีมกันแดดควรพิจารณาคุณสมบัติที่ช่วยบำรุงและเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว ควรเลือกครีมกันแดดที่มีลักษณะเนื้อครีมแบบเจล ซึ่งจะให้ความรู้สึกเบาและไม่ทำให้ผิวแห้งเกินไป และเลือก SPF 30 ขึ้นไป เพื่อการปกป้องที่มีประสิทธิภาพ ครีมกันแดดที่มีการบำรุงและปกป้องผิวในเวลาเดียวกันจะช่วยให้ผิวของคุณรู้สึกดีขึ้นและได้รับการปกป้องจากแสงแดดได้ดี

Q : การล้างหน้ามากเกินไปจะส่งผลทำให้ผิวขาดน้ำได้หรือไม่ ?

A: การล้างหน้ามากเกินไปสามารถทำให้ผิวขาดน้ำได้ เนื่องจากการล้างหน้าบ่อย ๆ อาจลบล้างน้ำมันธรรมชาติที่ช่วยรักษาความชุ่มชื้นในผิวออกไป ซึ่งอาจทำให้ผิวแห้งและขาดความชุ่มชื้นได้ นอกจากนี้การใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่มีส่วนผสมของสารทำความสะอาดที่รุนแรง เช่น แอลกอฮอล์หรือซัลเฟต ก็อาจทำให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้นมากขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้ผิวขาดน้ำ ควรล้างหน้าไม่เกิน 2 ครั้งต่อวัน และใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่อ่อนโยนและเหมาะกับลักษณะผิวของคุณ

Q : ผิวที่ขาดน้ำส่งผลทำให้ใบหน้าหมองคล้ำได้หรือไม่ ?

A: สามารถทำให้ใบหน้าหมองคล้ำได้ เนื่องจากความแห้งกร้านและขาดความชุ่มชื้นอาจทำให้ผิวดูไม่สดใสและมีลักษณะหมองคล้ำได้ นอกจากนี้ ผิวที่ขาดน้ำยังสามารถมีปัญหาอื่น ๆ เช่น ริ้วรอยและผิวหยาบกร้าน ซึ่งสามารถทำให้ใบหน้าดูหมองคล้ำยิ่งขึ้นอีกด้วย

Q : ผิวที่ขาดน้ำทำให้แต่งหน้าไม่ติดใช่ไหม ?

A: สามารถทำให้แต่งหน้าไม่ติดหรือไม่เรียบเนียนได้ เนื่องจาก ผิวที่ขาดน้ำจะมีความหยาบกร้าน ทำให้รองพื้นหรือผลิตภัณฑ์แต่งหน้าไม่เกาะติด และอาจเกิดการเป็นขุย และทำให้เมคอัพไม่เรียบเนียนและอาจทำให้การแต่งหน้าดูไม่สวยงาม อีกทั้งผิวที่ขาดน้ำอาจดูดซับผลิตภัณฑ์แต่งหน้าเร็วเกินไป ทำให้ต้องแต่งหน้าเพิ่มบ่อย ๆ และอาจทำให้ดูเป็นคราบ

สรุป

ผิวขาดน้ำ คือสภาพผิวที่ขาดความชุ่มชื้น ซึ่งอาจทำให้ผิวดูแห้งกร้าน และมีลักษณะเป็นขุย บางครั้งอาจรู้สึกหน้ามันมากเกินไป การขาดน้ำในผิวอาจเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น การใช้ผลิตภัณฑ์ที่ทำให้ผิวแห้ง หรือการไม่ดื่มน้ำเพียงพอ เพราะในประเทศไทยอากาศร้อนและทำให้เกิดการขาดน้ำได้ง่าย การดื่มน้ำในปริมาณที่เพียงพอ ถือว่าเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งเพื่อให้ผิวดูชุ่มชื้นและสุขภาพดีตลอดวัน รวมถึงการดูแลผิวที่ดีจะช่วยฟื้นฟูความชุ่มชื้นให้กับผิวได้ดีอีกด้วย หากท่านใดสนใจอยากฟื้นฟูผิวคืนความอ่อนเยาว์ให้กับใบหน้า สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Line Official Account : @Lienjangthailand หรือสามารถเข้ามาติดต่อโดยตรงที่ Lienjang Clinic Thailand ทุกสาขา

สอบถามปรึกษาแพทย์ฟรี

สอบถามปรึกษาแพทย์ฟรี