เชื่อว่าสาว ๆ มากกว่า 50 % ประสบปัญหาผิวแห้งกร้าน ลอกเป็นขุย ดูหมองคล้ำ ไม่สดใส จนทำให้แต่งหน้าไม่ติดแถมยังสิวขึ้นง่ายอีกด้วย ปัญหาเหล่านี้อาจจะเป็นสัญญาณเตือนว่าคุณกำลังเผชิญกับปัญหาผิวขาดน้ำ หรือพูดง่าย ๆ ก็คือผิวที่ขาดความชุ่มชื้นและขาดคอลลาเจน ดังนั้น ในบทความนี้จะพาคุณไปเจาะลึกปัญหาผิวขาดน้ำว่าคืออะไร ? มีอาการลักษณะอย่างไร ? และมีแนวทางฟื้นฟูและแก้ไขอย่างไรให้กลับมาเปล่งปลั่งดูสุขภาพดี หากอยากรู้ว่าตนเองมีผิวที่ขาดน้ำหรือไม่ สามารถเช็คได้ในบทความนี้ เช็คก่อนสวยก่อน ห้ามพลาด!
ผิวขาดน้ำ คืออะไร ?
ผิวขาดน้ำ คือสภาวะที่ผิวสูญเสียน้ำในชั้นผิวมากเกินไป ผิวจึงไม่สามารถรักษาความชุ่มชื้นได้ตามปกติ ทำให้ผิวผลิตน้ำมันออกมามาก เพื่อทดแทนความชุ่มชื้นที่เสียไป จึงทำให้มีสภาพผิวที่ทั้งแห้งและมันในเวลาเดียวกัน จนก่อให้เกิดปัญหาผิวต่าง ๆ ตามมาอีกมากมาย ปัญหาผิวขาดน้ำนี้สามารถเกิดได้กับผิวทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นผิวผสม ผิวมัน หรือผิวแห้ง การรักษาปริมาณน้ำในชั้นผิวให้มีความสมดุลจึงสำคัญต่อสุขภาพผิว การใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น และการดูแลผิวที่ดี เป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับการดูแลผิวให้มีสุขภาพดีค่ะ ซึ่งสภาวะนี้สามารถเกิดขึ้นได้กับในทุกสภาพผิว
ปริมาณน้ำในชั้นผิว
ปริมาณน้ำในชั้นผิวเป็นสิ่งสำคัญต่อการรักษาความชุ่มชื้นและสุขภาพของผิวหนัง การรักษาปริมาณน้ำในชั้นผิวขึ้นอยู่กับกลไกหลายประการ ปริมาณน้ำในชั้นผิวจะแบ่งออกเป็น 2 ชั้น ได้แก่
- ชั้นหนังกำพร้า (Epidermis) เป็นชั้นผิวที่อยู่ด้านนอกสุดของผิวหนัง มีน้ำอยู่ประมาณ 10-30% ซึ่งประกอบด้วยเซลล์ผิวที่มีการผลัดเซลล์อย่างต่อเนื่อง เซลล์ในชั้นหนังกำพร้ามีการกักเก็บน้ำได้ดีในระดับหนึ่ง แต่การรักษาความชุ่มชื้นจะขึ้นอยู่กับการผลิตน้ำมันและสารกักเก็บน้ำที่มีอยู่ในชั้นนี้
- ชั้นหนังแท้ (Dermis) ชั้นนี้อยู่ลึกลงไปและประกอบด้วยเส้นใยคอลลาเจนและอีลาสติน มีน้ำอยู่ประมาณ 70-80% ซึ่งช่วยในการรักษาความยืดหยุ่นของผิว และมีเส้นเลือดที่ช่วยให้การไหลเวียนของน้ำและสารอาหารไปยังผิว
ผิวอิ่มน้ำมีความสำคัญอย่างไร ?
น้ำมีบทบาทสำคัญอย่างมากต่อสุขภาพผิว โดยเฉพาะในประเทศไทยที่มีสภาพอากาศร้อนชื้นและบางช่วงก็มีอากาศแห้ง การมีผิวอิ่มน้ำช่วยให้ผิวสามารถรักษาความชุ่มชื้นและดูสุขภาพดีได้ ความสำคัญของผิวอิ่มน้ำมีดังนี้
- ผิวที่มีความชุ่มชื้นดีจะมีความยืดหยุ่นและความแข็งแรง ช่วยป้องกันการเกิดริ้วรอยและความหย่อนคล้อย การมีความชุ่มชื้นทำให้ผิวสามารถยืดหยุ่นได้ดีขึ้น
- ผิวที่อิ่มน้ำมีความสามารถในการป้องกันการระเหยของน้ำจากผิว ซึ่งช่วยรักษาความชุ่มชื้นในผิวและป้องกันผิวจากการแห้งกร้าน
- น้ำช่วยในการทำงานของเซลล์ผิวและกระบวนการซ่อมแซมเซลล์ผิว ช่วยให้ผิวดูสดใสและฟื้นฟูได้เร็วขึ้น
- ผิวที่มีความชุ่มชื้นจะมีแนวโน้มที่จะระคายเคืองน้อยกว่าผิวแห้ง เนื่องจากน้ำช่วยบรรเทาการระคายเคืองและทำให้ผิวอ่อนนุ่ม
- ผิวอิ่มน้ำมักจะดูเรียบเนียนและมีสุขภาพดี ทำให้การแต่งหน้าและการใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวมีผลลัพธ์ที่ดีขึ้น
- การมีผิวอิ่มน้ำช่วยให้การใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวมีประสิทธิภาพมากขึ้น เนื่องจากผิวที่มีความชุ่มชื้นสามารถดูดซึมสารอาหารและวิตามินจากผลิตภัณฑ์ได้ดี
วิธีเช็คว่าเราเป็นคนผิวแห้งหรือผิวขาดน้ำ
ผิวขาดน้ำกับผิวแห้งนั้นไม่เหมือนกัน ผิวที่ขาดน้ำจะขาดความชุ่มชื้น มีความมันและความแห้งผสมกัน ส่วนผิวแห้ง สาเหตุมาจากภายใน คือการที่ต่อมไขมันผลิตน้ำมันออกมาได้ไม่มาก จึงส่งผลให้ผิวแห้ง ไม่สามารถกักเก็บความชุ่มชื้นเอาไว้ได้ การแยกแยะระหว่างผิวแห้งและผิวที่ขาดน้ำ นั้นมีความสำคัญ เนื่องจากแต่ละสภาวะต้องการการดูแลที่แตกต่างกัน โดยสามารถทำได้โดยการทดสอบง่าย ๆ ดังนี้
- ใช้สองนิ้วจับผิวหนังบริเวณแก้มเบา ๆ แล้วดึงขึ้นเล็กน้อยจากนั้นปล่อยมือ หากผิวคืนสู่สภาพเดิมช้า อาจแสดงว่าผิวขาดน้ำ แต่ถ้าผิวกลับคืนสู่สภาพเดิมอย่างรวดเร็ว แสดงว่าผิวยังคงมีความชุ่มชื้นอยู่
- ลองสัมผัสผิวของคุณหลังจากการทำความสะอาดโดยไม่ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงใด ๆ หากผิวรู้สึกแห้งและตึงทันทีหลังการทำความสะอาด อาจหมายถึงผิวแห้ง
ผิวขาดน้ํา เกิดจากอะไร ?
สาเหตุของผิวขาดน้ำมีหลายประการที่ทำให้ผิวสูญเสียน้ำและความชุ่มชื้นจากภายในและภายนอก การเข้าใจสาเหตุของการขาดน้ำในผิว จะช่วยให้คุณสามารถเลือกวิธีการดูแลผิวที่เหมาะสมและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่อาจส่งผลต่อสุขภาพผิวของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ สาเหตุหลัก ๆ มีดังนี้
- การดื่มน้ำไม่เพียงพอ : เมื่อร่างกายขาดน้ำ ผิวจะขาดความชุ่มชื้นจากภายใน ส่งผลให้ผิวแห้งและดูหมองคล้ำ
- สภาพอากาศ : อากาศที่แห้ง เย็น หรือร้อนจัด สามารถดูดซับความชุ่มชื้นจากผิว ทำให้ผิวสูญเสียน้ำได้ง่าย
- การใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่รุนแรง : การใช้สบู่หรือน้ำยาทำความสะอาดผิวที่มีสารเคมีที่รุนแรง เช่น แอลกอฮอล์ หรือการใช้สครับขัดผิวมากเกินไป อาจทำให้ผิวเสียสมดุลและขาดความชุ่มชื้น
- การอาบน้ำร้อน : น้ำร้อนสามารถทำให้ไขมันธรรมชาติที่อยู่บนผิวหลุดออกไป ทำให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้น
- การนอนหลับไม่เพียงพอ : การพักผ่อนน้อยทำให้ร่างกายไม่ได้รับการฟื้นฟู ผิวจึงอาจสูญเสียความสามารถในการกักเก็บน้ำได้
- การโดนแสงแดดมากเกินไป : รังสี UV ทำให้ผิวสูญเสียน้ำและทำลายเซลล์ผิวที่ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้น
- ความเครียด : ความเครียดสามารถส่งผลให้ผิวขาดน้ำได้ เนื่องจากร่างกายผลิตฮอร์โมนที่ทำให้การกักเก็บน้ำในผิวลดลง
- การบริโภคอาหารไม่เหมาะสม : การขาดสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อผิว เช่น วิตามินหรือแร่ธาตุ ก็อาจเป็นสาเหตุให้ผิวขาดความชุ่มชื้นได้
5 สัญญาณเตือน ผิวขาดน้ํา อาการเป็นอย่างไร ?
ผิวขาดน้ำสามารถสังเกตได้จากหลายสัญญาณเตือนที่บ่งบอกว่าผิวของคุณกำลังขาดความชุ่มชื้นอยู่ วันนี้ลีเอนจาง คลินิก จะพาทุกท่านมาเช็ค 5 ลักษณะของผิวที่ขาดน้ำ ที่มักเกิดขึ้นบ่อยและสามารถสังเกตได้ง่าย โดยมีลักษณะดังนี้
1.ผิวแห้งและตึง
ผิวขาดน้ำทำให้ผิวแห้งและตึงได้ เนื่องจากการขาดความชุ่มชื้นในชั้นผิว ผิวที่ขาดน้ำจะไม่สามารถกักเก็บน้ำได้เพียงพอ ทำให้เกิดความไม่สมดุล ส่งผลให้ผิวแห้งและมีความตึง เมื่อสัมผัสผิวจะรู้สึกถึงความหยาบกร้านและไม่เรียบเนียน และอาจมีอาการคันหรือระคายเคืองร่วมด้วย อาการผิวแห้งนี้มักสามารถเห็นได้ชัดหลังจากล้างหน้าเสร็จ ดังนั้น การเติมความชุ่มชื้นให้ผิวเป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันไม่ให้ผิวแห้งตึงจากการขาดน้ำ
2.ความมันบนใบหน้าเพิ่มขึ้น
ผิวขาดน้ำสามารถทำให้ความมันบนใบหน้าเพิ่มขึ้นได้ แม้ว่าผิวจะดูแห้งและตึงก็ตาม เพราะเมื่อผิวที่ขาดน้ำ ร่างกายจะพยายามชดเชยการสูญเสียน้ำด้วยการผลิตน้ำมันออกมามากขึ้น เพื่อรักษาความชุ่มชื้นไว้บนผิวหนัง ผลที่ตามมาคือผิวอาจดูมันเยิ้ม โดยเฉพาะบริเวณ T-zone (หน้าผาก จมูก คาง) การผลิตน้ำมันมากขึ้นนี้เป็นการตอบสนองตามธรรมชาติของผิวที่ขาดความชุ่มชื้น แต่น้ำมันที่มากเกินไปอาจทำให้รูขุมขนอุดตันและเกิดปัญหาผิวอื่น ๆ เช่น สิวหรือผิวอักเสบได้ ดังนั้นการเติมความชุ่มชื้นให้ผิวอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยลดความมันส่วนเกินและรักษาสมดุลของผิวให้ดีขึ้น
3.ผิวลอกเป็นขุย
ผิวขาดน้ำทำให้ผิวลอกเป็นขุยได้ เนื่องจากการขาดความชุ่มชื้นในชั้นผิว ทำให้ผิวสูญเสียความยืดหยุ่นและความสามารถในการกักเก็บน้ำ เมื่อผิวไม่ได้รับน้ำอย่างเพียงพอ เซลล์ผิวจะแห้งและแตกออก ส่งผลให้เกิดการลอกเป็นขุย โดยเฉพาะบริเวณที่แห้งมาก เช่น แก้ม หน้าผาก หรือรอบจมูก ผิวที่ลอกเป็นขุยนี้มักจะทำให้ผิวดูไม่เรียบเนียน และอาจมีอาการคันหรือระคายเคืองร่วมด้วย การรักษาผิวที่ขาดน้ำที่ลอกเป็นขุย ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยเติมความชุ่มชื้นที่มีส่วนผสมของสารกักเก็บน้ำและควรดื่มน้ำให้เพียงพอเพื่อบำรุงผิวจากภายใน
4.ริ้วรอยชัดเจนขึ้น
ผิวขาดน้ำทำให้ริ้วรอยดูชัดเจนขึ้น เนื่องจากการขาดความชุ่มชื้นในชั้นผิวจะทำให้ผิวสูญเสียความยืดหยุ่นและความเต่งตึงตามธรรมชาติ เมื่อผิวขาดน้ำ ผิวจะดูแห้งและตึง ทำให้เกิดริ้วรอยเล็ก ๆ บนผิว เช่น ริ้วรอยหน้าผาก ริ้วรอยใต้ตา หรือบริเวณร่องแก้มดูชัดเจนมากขึ้นกว่าปกติ ริ้วรอยที่เกิดจากผิวที่ขาดน้ำมักเป็นริ้วรอยชั่วคราว ซึ่งสามารถจางหายไปได้เมื่อผิวกลับมาได้รับความชุ่มชื้นอย่างเพียงพอ การฟื้นฟูผิวโดยการเติมน้ำให้กับผิวอย่างเพียงพอ จะช่วยให้ผิวกลับมาเต่งตึงและริ้วรอยที่เห็นชัดเจนก็จะลดลง
5.ผิวดูหมองคล้ำ ขาดความสดใส
ผิวขาดน้ำทำให้ผิวดูหมองคล้ำได้ เพราะเมื่อผิวขาดความชุ่มชื้น เซลล์ผิวจะไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ทำให้กระบวนการผลัดเซลล์ผิวช้าลง ส่งผลให้เซลล์ผิวที่ตายแล้วสะสมอยู่บนผิว ทำให้ผิวดูไม่สดใสและหมองคล้ำ นอกจากนี้ ผิวที่ขาดน้ำมักจะสูญเสียความเปล่งปลั่ง ทำให้ผิวดูแห้งและไม่มีชีวิตชีวา ปัจจัยที่ทำให้ผิวหมองคล้ำจากการขาดน้ำ รวมถึงการลดลงของการไหลเวียนโลหิตในผิว ซึ่งทำให้ผิวขาดออกซิเจนและสารอาหารที่จำเป็น ส่งผลให้ผิวดูเหนื่อยล้า การเติมความชุ่มชื้นให้ผิวและการบำรุงจากภายใน จะช่วยฟื้นฟูผิวให้กลับมาสดใสและดูสุขภาพดี
เติมความอิ่มฟูให้กับผิวที่ ลีเอนจาง
การเติมความอิ่มฟูให้กับผิวที่ ลีเอนจาง คลินิก (Lienjang Clinic Thailand) เป็นหนึ่งในบริการที่ได้รับความนิยมมาก เนื่องจากทางคลินิกมีแพทย์ผู้ชำนาญการในการดูแลผิวและความงาม โดยเฉพาะการฟื้นฟูผิวให้มีความชุ่มชื้นและอิ่มฟู การเลือกใช้บริการที่ลีเอนจางเพื่อแก้ไขปัญหาผิวขาดน้ำจะช่วยให้คุณได้รับการรักษาที่มีคุณภาพสูงและการดูแลที่เป็นมืออาชีพ โดยมี 5 โปรแกรมตัวดังที่จะช่วยทำให้ผิวของคุณกลับมามีความชุ่มชื้นและสุขภาพดีอีกครั้งดังนี้
โปรแกรม Re-Run Aging (Rejuran)
รีจูรัน (Rejuran) คือ โปรแกรม ฟื้นฟูผิวที่ได้รับความนิยมในการเสริมความชุ่มชื้นและลดเลือนริ้วรอย โดยการฉีดสาร PolyNucleotide (PN) ที่สกัดจาก DNA ของปลาแซลมอน ที่มีสาย DNA ยาวกว่า ตัว PDRN และใกล้เคียงกับ DNA ของมนุษย์มากที่สุด ที่ช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ ฟื้นฟูผิวที่ถูกทำลาย ลดการอักเสบ เพิ่มความยืดหยุ่นของผิว คุณสมบัติของโปรแกรม Re-Run Aging มีดังนี้
- ผิวที่ยืดหยุ่นมากขึ้น จากคอลลาเจนที่สร้างขึ้นเอง
- ฟื้นฟูผิวอย่างเร่งด่วน จากผิวเสื่อมโทรม หรือเป็นแผล
- ผิวที่แห้งขาดความชุ่มชื้น จากผิวไม่สมดุล
- ปัญหาหลุมสิว ให้ผิวเรียบเนียน รูขุมขนกระชับ
- ต้องการเพิ่ม Volume และลิฟท์ผิว
- ผิวกระจ่างใสดูมีออร่าสไตล์เกาหลี
โปรแกรม Repair Skin Essence
เป็นโปรแกรมที่ใช้ตัวยาเป็นสูตรเฉพาะของลีเอนจาง มี Exosome จากพืช กับ DNA ปลาแซลมอน เป็นส่วนผสมหลักที่สำคัญ ซึ่งซ่อมแซมเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพได้ลึกถึงระดับการแสดงออกของยีนส์ (Epigenetic) ฟื้นฟูการทำงานของเซลล์ผิว ยับยั้งกลไกการอักเสบและความเครียดของเซลล์ผิว เพิ่มจำนวนเซลล์ใหม่ทดแทนส่วนเสียหาย พร้อมรักษาบาดแผลได้อย่างมีประสิทธิภาพ คุณสมบัติของโปรแกรม Repair Skin Essence คือ
- ช่วยต้านอนุมูลอิสระ
- ชะลอความเสื่อมของเซลล์
- ให้ผิวชุ่มชื้น อิ่มฟู รูขุมขนกระชับ
- ปรับโทนสีผิว (ฝ้า กระ จุดด่างดำ รอยดำและรอยแดงจากสิว)
โปรแกรม Baby Face SMPF Complex
เป็นนวัตกรรมบำรุงผิวหน้าให้อ่อนเยาว์ ด้วยสารสกัด G4PRF-300 เอกสิทธิ์หนึ่งเดียวจาก BNV Biolab ที่มี Growth Factor มากถึง 26 ชนิด Protein 300 ชนิด และ Exosome ไม่มีส่วนผสมของสารเคมี สเตียรอยด์ หรือยาปฏิชีวนะ ปลอดภัย ไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อผิว ส่วนประกอบใน Baby Face SMPF Complex ถูกออกแบบมาเพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ช่วยฟื้นฟูเซลล์ผิวที่ถูกทำลาย และเพิ่มกระบวนการสร้างเซลล์ผิวใหม่ได้อย่างดีเยี่ยม
- Hyaluronic Acid 1% ให้ผิวชุ่มชื้น อิ่มฟู รูขุมขนกระชับ
- Amino Acid ฟื้นฟูให้ผิวเปล่งปลั่ง เรียบเนียน ดูสุขภาพดี
- ช่วยสมานแผลที่เสื่อมสภาพ สร้างเซลล์ผิวใหม่ ให้ผิวแข็งแรง
- ปรับผิวให้ดูกระจ่างใสและเพิ่มความยืดหยุ่นของผิว
โปรแกรม Chanels Exo Phyto Series 2
เป็นนวัตกรรมที่เปิดตัวใหม่ล่าสุดจากแบรนด์ L’ebss ที่เป็นแบรนด์ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่เน้นการบำรุงและฟื้นฟูผิวให้มีสุขภาพดี ซึ่ง โปรแกรม Chanels Exo Phyto Series 2 คือ เอ็กโซโซม (Exosome) ที่เป็นสารสกัดจากพืชหลายชนิด เป็นถุงเล็ก ๆ ที่อยู่ในเซลล์ซึ่งมีหน้าที่ในการส่งสารสื่อประสาท (signaling molecules) ระหว่างเซลล์ โดยจะประกอบไปด้วยโปรตีน เปปไทด์ RNA และสารสื่ออื่น ๆ โดยมีขนาดเล็กกว่ารูขุมขน ทำให้สามารถซึมซับได้เป็นอย่างดี เน้นการบำรุงและฟื้นฟูผิวจากภายในสู่ภายนอก ด้วยสารสกัดที่มีคุณสมบัติในการเพิ่มความชุ่มชื้น ปรับสมดุลผิวให้มีสุขภาพดีขึ้น
- เสริมสร้างภูมิต้านทานให้กับผิว
- ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิว ทำให้ผิวดูเรียบเนียนและกระชับขึ้น
- กระชับรูขุมขนกว้างให้เล็กลง
- การกระตุ้นการฟื้นฟูเซลล์ผิว ช่วยให้ผิวกลับมามีสุขภาพดีขึ้น
- เพิ่มความชุ่มชื้น ทำให้ผิวดูอิ่มฟูและสดใส
- ช่วยลดการอักเสบของผิวหนัง ทำให้ผิวแข็งแรง
- ชะลอการเสื่อมสภาพของผิว
โปรแกรม Chanels Series 2 Original
เป็นนวัตกรรมที่พัฒนาใหม่ล่าสุด ซึ่งช่วยฟื้นฟูสภาพผิวด้วย HA 135 เป็นกรด Hyluyanic Acid สูตรเข้มข้น ที่ ผสมผสานกับ กรดอะมิโน กลูตาไธโอน สารต่อต้านอนุมูลอิสระ และเปปไทด์ 14 ชนิด ที่ช่วยเสริมสร้างความยืดหยุ่นให้ผิว ช่วยในเรื่องการบำรุงผิวไม่ให้แห้งกร้าน เน้นความฉ่ำวาวและผิวที่แข็งแรงขึ้น โดย โปรแกรม Chanels Series 2 Origina มีคุณสมบัติดังนี้
- เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว หน้าฉ่ำวาวขั้นสุด ช่วยให้ผิวกระจ่างใส ลดเลือนจุดด่างดำ
- สร้างเกราะป้องกันให้ผิว เสริมสร้างความยืดหยุ่น
- ช่วยหลุมสิวและรูขุมขนดูลดลง ช่วยรักษารอยแผลเป็น
- ช่วยกระตุ้นให้ผิวสร้างคอลลาเจน เพิ่มความตึงผิวและช่วยกระชับผิว
- ปลอบประโลมผิว ลดการอักเสบของผิว ช่วยลดสิว และอาการแพ้
- ลดริ้วรอยก่อนวัย โดยเฉพาะริ้วรอยตื้น ๆ
อ่านบทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับ : ฉีดชาแนล Chanel injection บูสหน้าใส อวดผิวสวย ลดริ้วรอย
วิธีป้องกันผิวขาดน้ำ
การป้องกันผิวขาดน้ำเป็นสิ่งสำคัญทั้งภายในและภายนอก เมื่อผิวได้รับการบำรุงอย่างเหมาะสมก็จะทำให้ผิวดูสุขภาพดีและอิ่มฟู และต่อไปนี้คือวิธีที่จะช่วยป้องกันผิวจากการขาดน้ำ
- ดื่มน้ำให้เพียงพอ การดื่มน้ำอย่างน้อย 8 แก้วต่อวัน (ประมาณ 2 ลิตร) จะช่วยรักษาสมดุลของความชุ่มชื้นในร่างกายและผิว
- เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มความชุ่มชื้น ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนผสมของ ไฮยาลูรอนิก แอซิด (Hyaluronic Acid) , กลีเซอรีน (Glycerin) หรือ เซราไมด์ (Ceramides) ซึ่งมีคุณสมบัติในการกักเก็บน้ำในผิวได้ดี รวมถึงทามอยส์เจอไรเซอร์ทันทีหลังล้างหน้า เพื่อกักเก็บความชุ่มชื้น
- หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีแอลกอฮอล์ แอลกอฮอล์ในผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหรือโทนเนอร์สามารถทำให้ผิวแห้งมากขึ้น ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์
- ใช้ครีมกันแดดทุกวัน แสงแดดเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ผิวขาดน้ำและเสื่อมสภาพ ควรใช้ครีมกันแดดที่มี SPF 30 ขึ้นไปทุกวัน แม้ในวันที่ไม่มีแดดแรง
- หลีกเลี่ยงการอาบน้ำร้อน การอาบน้ำที่อุณหภูมิสูงเกินไปสามารถทำลายเกราะป้องกันของผิว ทำให้ความชุ่มชื้นระเหยออกไป ควรใช้น้ำอุ่นหรือเย็นในการอาบน้ำแทน
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อผิว อาหารที่มีกรดไขมันโอเมก้า-3 เช่น ปลาแซลมอน เมล็ดแฟลกซ์ และถั่ว จะช่วยเสริมสร้างความชุ่มชื้นให้กับผิวจากภายใน ควรรับประทานผักและผลไม้ที่มีปริมาณน้ำสูง เช่น แตงกวา แตงโม และส้ม
- ใช้เซรั่มหรือผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่เน้นการกักเก็บน้ำ เพิ่มความชุ่มชื้น เช่น เซรั่มที่มีไฮยาลูรอนิก แอซิด และวิตามินอี จะช่วยเติมน้ำให้กับผิวและป้องกันการขาดน้ำ
- ทำทรีตเมนต์บำรุงผิวเป็นประจำ เช่น Hydrating Facial, Skin Booster หรือการใช้ Meso Therapy ที่เติมความชุ่มชื้นเข้าสู่ชั้นผิว จะช่วยให้ผิวได้รับการบำรุงและป้องกันการขาดน้ำได้ดี
Q&A คำถามที่พบบ่อย
Q : ผิวขาดน้ํา ใช้อะไรดี ?
A: หากคุณมีปัญหาผิวที่ขาดน้ำ ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่เน้นการเติมเต็มความชุ่มชื้นให้กับผิว เช่น มอยส์เจอไรเซอร์ (Moisturizers) ช่วยเก็บความชุ่มชื้นในผิว ทำให้ผิวดูอิ่มน้ำ เซรั่มที่มีสารเติมเต็มความชุ่มชื้น (Hydrating Serums) ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้ผิวดูสดใส และมาสก์บำรุงผิว (Hydrating Masks) ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีแอลกอฮอล์ เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยน
Q : ผิวขาดน้ำควรเลือกใช้มอยส์เจอไรเซอร์อร์แบบไหนดี ?
A: หากผิวของคุณขาดน้ำ การเลือกใช้มอยส์เจอไรเซอร์ที่มีคุณสมบัติช่วยเติมเต็มน้ำและล็อกความชุ่มชื้นให้กับผิวจะช่วยได้ดีมาก ควรเลือกมอยส์เจอไรเซอร์ที่มีส่วนผสม ของ Hyaluronic Acid , Glycerin , Squalane , Ceramides นอกจากนี้ยังควรเลือกมอยส์เจอไรเซอร์ที่ปราศจากส่วนผสมที่ทำให้ระคายเคือง เช่น แอลกอฮอล์ หรือน้ำหอม ที่อาจทำให้ผิวแห้งขึ้นได้
Q : คนผิวขาดน้ำควรเลือกครีมกันแดดอย่างไร
A: สำหรับคนที่มีผิวที่ขาดน้ำ การเลือกครีมกันแดดควรพิจารณาคุณสมบัติที่ช่วยบำรุงและเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว ควรเลือกครีมกันแดดที่มีลักษณะเนื้อครีมแบบเจล ซึ่งจะให้ความรู้สึกเบาและไม่ทำให้ผิวแห้งเกินไป และเลือก SPF 30 ขึ้นไป เพื่อการปกป้องที่มีประสิทธิภาพ ครีมกันแดดที่มีการบำรุงและปกป้องผิวในเวลาเดียวกันจะช่วยให้ผิวของคุณรู้สึกดีขึ้นและได้รับการปกป้องจากแสงแดดได้ดี
Q : การล้างหน้ามากเกินไปจะส่งผลทำให้ผิวขาดน้ำได้หรือไม่ ?
A: การล้างหน้ามากเกินไปสามารถทำให้ผิวขาดน้ำได้ เนื่องจากการล้างหน้าบ่อย ๆ อาจลบล้างน้ำมันธรรมชาติที่ช่วยรักษาความชุ่มชื้นในผิวออกไป ซึ่งอาจทำให้ผิวแห้งและขาดความชุ่มชื้นได้ นอกจากนี้การใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่มีส่วนผสมของสารทำความสะอาดที่รุนแรง เช่น แอลกอฮอล์หรือซัลเฟต ก็อาจทำให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้นมากขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้ผิวขาดน้ำ ควรล้างหน้าไม่เกิน 2 ครั้งต่อวัน และใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่อ่อนโยนและเหมาะกับลักษณะผิวของคุณ
Q : ผิวที่ขาดน้ำส่งผลทำให้ใบหน้าหมองคล้ำได้หรือไม่ ?
A: สามารถทำให้ใบหน้าหมองคล้ำได้ เนื่องจากความแห้งกร้านและขาดความชุ่มชื้นอาจทำให้ผิวดูไม่สดใสและมีลักษณะหมองคล้ำได้ นอกจากนี้ ผิวที่ขาดน้ำยังสามารถมีปัญหาอื่น ๆ เช่น ริ้วรอยและผิวหยาบกร้าน ซึ่งสามารถทำให้ใบหน้าดูหมองคล้ำยิ่งขึ้นอีกด้วย
Q : ผิวที่ขาดน้ำทำให้แต่งหน้าไม่ติดใช่ไหม ?
A: สามารถทำให้แต่งหน้าไม่ติดหรือไม่เรียบเนียนได้ เนื่องจาก ผิวที่ขาดน้ำจะมีความหยาบกร้าน ทำให้รองพื้นหรือผลิตภัณฑ์แต่งหน้าไม่เกาะติด และอาจเกิดการเป็นขุย และทำให้เมคอัพไม่เรียบเนียนและอาจทำให้การแต่งหน้าดูไม่สวยงาม อีกทั้งผิวที่ขาดน้ำอาจดูดซับผลิตภัณฑ์แต่งหน้าเร็วเกินไป ทำให้ต้องแต่งหน้าเพิ่มบ่อย ๆ และอาจทำให้ดูเป็นคราบ
สรุป
ผิวขาดน้ำ คือสภาพผิวที่ขาดความชุ่มชื้น ซึ่งอาจทำให้ผิวดูแห้งกร้าน และมีลักษณะเป็นขุย บางครั้งอาจรู้สึกหน้ามันมากเกินไป การขาดน้ำในผิวอาจเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น การใช้ผลิตภัณฑ์ที่ทำให้ผิวแห้ง หรือการไม่ดื่มน้ำเพียงพอ เพราะในประเทศไทยอากาศร้อนและทำให้เกิดการขาดน้ำได้ง่าย การดื่มน้ำในปริมาณที่เพียงพอ ถือว่าเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งเพื่อให้ผิวดูชุ่มชื้นและสุขภาพดีตลอดวัน รวมถึงการดูแลผิวที่ดีจะช่วยฟื้นฟูความชุ่มชื้นให้กับผิวได้ดีอีกด้วย หากท่านใดสนใจอยากฟื้นฟูผิวคืนความอ่อนเยาว์ให้กับใบหน้า สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Line Official Account : @Lienjangthailand หรือสามารถเข้ามาติดต่อโดยตรงที่ Lienjang Clinic Thailand ทุกสาขา