บทความ

Article

เจาะลึก! คอลลาเจน Collagen มีความสำคัญกับผิวอย่างไร
Facebook
X
Email

เจาะลึก! คอลลาเจน Collagen มีความสำคัญกับผิวอย่างไร

หัวข้อที่น่าสนใจ

Collagen (คอลลาเจน) เป็นองค์ประกอบที่มีความสำคัญต่อผิวพรรณและร่างกาย ที่ช่วยให้ผิวดูกระจ่างใส มีความเปล่งปลั่ง ดูสุขภาพดี แต่หลายคนมักเจอปัญหาผิวแห้ง ผิวหมองคล้ำ เป็นสิว มีริ้วรอย ไม่เรียบเนียน อาจเป็นสัญญาณของการที่ผิวขาดคอลลาเจน ที่เกิดจากร่างกายสูญเสียคอลลาเจนเมื่ออายุมากขึ้น รวมถึงการดูแลผิวที่ไม่เหมาะสม ในบทความนี้จะพาทุกท่านมาเจาะลึกว่า คอลลาเจน คืออะไร ? มีประโยชน์อย่างไร ? พฤติกรรมแบบไหนที่ทำให้ผิวขาดคอลลาเจน พร้อมแนะนำวิธีการเติมคอลลาเจนให้กับผิวฉบับลีเอนจาง คลินิก สามารถติดตามอ่านในบทความนี้ได้เลยค่ะ

Collagen (คอลลาเจน) คืออะไร ?

Collagen (คอลลาเจน) คืออะไร ?

คอลลาเจน คือ โปรตีนที่มีอยู่ในร่างกาย โดยเป็นส่วนประกอบหลักของผิวหนัง กระดูก กล้ามเนื้อ และเนื้อเยื่ออื่น ๆ คอลลาเจนทำหน้าที่เป็นโครงสร้างให้ความแข็งแรงและความยืดหยุ่นแก่ผิวหนังและอวัยวะต่าง ๆ นอกจากนี้คอลลาเจนยังช่วยให้ผิวหนังดูมีความชุ่มชื้นและเต่งตึง ลดการเกิดริ้วรอย เมื่ออายุมากขึ้น การผลิตคอลลาเจนในร่างกายจะลดลง ซึ่งอาจทำให้ผิวหนังเริ่มเหี่ยวย่นและเกิดริ้วรอยได้ การเสริมสร้างคอลลาเจนให้ผิวจึงเป็นที่นิยมในปัจจุบัน เพื่อลดการเสื่อมสภาพของผิวหนังและรักษาความอ่อนเยาว์

คอลลาเจน ช่วยอะไร ?

Collagen (คอลลาเจน) มีประโยชน์มากมายต่อร่างกายและผิวหนัง โดยเฉพาะในด้านต่าง ๆ ดังนี้

  1. บำรุงผิว : คอลลาเจนช่วยให้ผิวดูเต่งตึง ชุ่มชื้น และยืดหยุ่น ลดการเกิดริ้วรอยและความหยาบกร้าน
  2. เสริมสร้างกระดูกและข้อต่อ : คอลลาเจนเป็นส่วนประกอบสำคัญของกระดูกและข้อต่อ ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคข้ออักเสบและปวดข้อ
  3. ส่งเสริมการซ่อมแซมเนื้อเยื่อ : คอลลาเจนช่วยในการฟื้นฟูและซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่เสียหาย เช่น บาดแผล ทำให้การฟื้นฟูของร่างกายมีประสิทธิภาพมากขึ้น
  4. ช่วยในการสร้างกล้ามเนื้อ : การเสริมคอลลาเจนสามารถช่วยเพิ่มมวลกล้ามเนื้อและลดการสูญเสียกล้ามเนื้อในผู้สูงอายุ
  5. บำรุงเส้นผมและเล็บ : คอลลาเจนช่วยให้เส้นผมและเล็บมีความแข็งแรงและสุขภาพดี ลดการแตกหักและช่วยให้เติบโตได้ดีขึ้น
  6. ส่งเสริมสุขภาพหลอดเลือด : คอลลาเจนมีบทบาทในการรักษาความยืดหยุ่นของหลอดเลือด ช่วยในการไหลเวียนของเลือด
  7. ลดอาการเซลลูไลท์ : การเสริมคอลลาเจนอาจช่วยลดความเห็นชัดของเซลลูไลท์บนผิวหนัง

Collagen มีความสำคัญต่อผิวอย่างไร ?

Collagen มีความสำคัญต่อผิวอย่างไร ?

Collagen เป็นโปรตีนที่มีบทบาทสำคัญที่ช่วยเสริมสร้างโครงสร้างของผิวหนัง (Collagen for skin) ทำให้ผิวมีความแข็งแรงและยืดหยุ่น ผิวหนังประกอบด้วยคอลลาเจนถึง 70-80% ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการคงรูปและความเต่งตึงของผิว เมื่ออายุมากขึ้น การผลิตคอลลาเจนจะลดลง ส่งผลให้ผิวหนังบางลงและมีความยืดหยุ่นน้อยลง ทำให้เกิดริ้วรอยและความหย่อนคล้อย การเสริมคอลลาเจนจึงมีบทบาทในการป้องกันและลดริ้วรอยที่เกิดขึ้นตามวัย

อีกทั้งคอลลาเจนทำหน้าที่ในการเก็บกักน้ำ ทำให้ผิวหนังคงความชุ่มชื้น หากผิวมีคอลลาเจนเพียงพอ จะช่วยให้ผิวดูเรียบเนียนและมีความยืดหยุ่นดีขึ้น ช่วยป้องกันผิวแห้งแตกหรือหยาบกร้าน และยังมีบทบาทในการฟื้นฟูและซ่อมแซมเซลล์ผิวที่สึกหรอ เช่น เมื่อเกิดบาดแผล ผิวหนังจะใช้คอลลาเจนในการสร้างเนื้อเยื่อใหม่ ทำให้ผิวสามารถฟื้นตัวได้เร็วขึ้น ดังนั้นคอลลาเจนจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งในการดูแลและรักษาผิว การรักษาระดับคอลลาเจนที่เหมาะสมในร่างกายจึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการคงความอ่อนเยาว์และสุขภาพผิวที่ดี

Collagen มีกี่ชนิด ?

Collagen สามารถแบ่งออกเป็นหลายชนิด ตามคุณสมบัติและแหล่งที่มา โดยทั่วไปสามารถแบ่งออกเป็น 4 ชนิดหลัก ๆ ดังนี้

  1. คอลลาเจนเปปไทด์ (Collagen Peptides) เป็นคอลลาเจนที่ถูกย่อยให้มีขนาดโมเลกุลเล็กลงด้วยกระบวนการ ไฮโดรไลซิส ทำให้ร่างกายสามารถดูดซึมได้ง่ายขึ้นและรวดเร็วผ่านทางระบบย่อยอาหาร เมื่อเข้าสู่ร่างกายแล้ว คอลลาเจนเปปไทด์จะถูกส่งไปยังส่วนต่าง ๆ เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่และฟื้นฟูเซลล์ผิว รวมถึงข้อต่อ กระดูก และเนื้อเยื่อต่าง ๆ
  2. คอลลาเจนไตรเปปไทด์ (Collagen Tripeptide) เป็นคอลลาเจนที่ถูกย่อยให้มีขนาดเล็กมากกว่า คอลลาเจนเปปไทด์ โดยมีโครงสร้างเป็นสายเปปไทด์ที่ประกอบด้วยกรดอะมิโนเพียง 3 หน่วยติดต่อกัน ซึ่งทำให้ร่างกายสามารถดูดซึมได้ง่ายและรวดเร็วยิ่งกว่าคอลลาเจนเปปไทด์ทั่วไป
  3. คอลลาเจนไดเปปไทด์ (Collagen Dipeptide) เป็นคอลลาเจนที่มีขนาดเล็กที่สุดในกลุ่มคอลลาเจนเปปไทด์ ประกอบด้วยกรดอะมิโนเพียง 2 ตัวที่เชื่อมต่อกัน ทำให้มีขนาดโมเลกุลเล็กมากที่สุดและร่างกายสามารถดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้นเมื่อเทียบกับคอลลาเจนประเภทอื่น ๆ
  4. ไฮโดรไลซ์คอลลาเจน (Hydrolyzed Collagen) เป็นคอลลาเจนที่ผ่านกระบวนการ ไฮโดรไลซิส ซึ่งเป็นการย่อยสลายคอลลาเจนโมเลกุลใหญ่ให้มีขนาดเล็กลง ทำให้ได้คอลลาเจนที่มีขนาดโมเลกุลเล็กและดูดซึมง่ายขึ้นในร่างกาย เมื่อร่างกายดูดซึมเข้าสู่ระบบได้รวดเร็วขึ้น คอลลาเจนนี้จะถูกนำไปใช้ในการซ่อมแซมและเสริมสร้างเนื้อเยื่อต่าง ๆ รวมถึงผิวหนัง ข้อต่อ และกระดูก

Collagen มีกี่ประเภท ?

Collagen มีกี่ประเภท ?

Collagen มีหลายประเภท แต่หลัก ๆ สามารถแบ่งออกเป็น 5 ประเภท ดังนี้

  • Collagen Type I เป็นคอลลาเจนที่พบมากที่สุดในร่างกาย มักพบในผิวหนัง กระดูก เส้นเอ็น และเอ็นต่างๆ ช่วยให้มีความแข็งแรงและยืดหยุ่น
  • Collagen Type II พบมากในกระดูกอ่อน มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนโครงสร้างของข้อต่อ ช่วยให้ข้อต่อเคลื่อนไหวได้อย่างราบรื่น
  • Collagen Type III มักพบในผิวหนัง เส้นเลือด และอวัยวะต่าง ๆ คอลลาเจนประเภทนี้ช่วยให้ผิวดูมีความยืดหยุ่นและชุ่มชื้น
  • Collagen Type IV พบในชั้นผิวหนังที่ลึกและในเยื่อฐาน (basement membrane) ช่วยในการสนับสนุนโครงสร้างของเซลล์และเยื่อบุ
  • Collagen Type V พบในผม เซลล์ประสาท ช่วยในการสร้างโครงสร้างและสนับสนุนเซลล์ต่าง ๆ

โครงสร้างของ Collagen

โครงสร้างของคอลลาเจนมีลักษณะเฉพาะที่สำคัญ ซึ่งช่วยให้มันทำหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพในร่างกาย โดยโครงสร้างหลักของคอลลาเจนประกอบด้วย

  1. สายโซ่โปรตีน (Protein Chains) คอลลาเจนประกอบด้วยสายโซ่โปรตีนที่เรียกว่า โพลีเปปไทด์ (polypeptide) ซึ่งมีกรดอะมิโนหลายชนิด โดยเฉพาะ กลัยซีน (glycine) , พรอรีน (proline) และ ไฮดรอกซีพรอรีน (hydroxyproline) ที่มีบทบาทสำคัญในโครงสร้าง
  2. โครงสร้างสามมิติ (Triple Helix) คอลลาเจนมีลักษณะเป็นสายเกลียวสามสาย (triple helix) ซึ่งหมายความว่าสายโปรตีนสามสายจะพันกันเป็นเกลียวเพื่อสร้าง
  3. โครงสร้างที่แข็งแรงและยืดหยุ่น ทำให้สามารถรองรับแรงกดดันได้ดี
    การจัดเรียงตัว (Fibril Formation) สายเกลียวสามสายของคอลลาเจนจะรวมตัวกันเป็น ไฟบริน (fibrils) ซึ่งมีความหนาแน่นและสร้างเป็นโครงสร้างที่แข็งแรงในเนื้อเยื่อ
  4. การเชื่อมโยงระหว่างไฟบริน (Cross-Linking) คอลลาเจนมีการเชื่อมโยงระหว่างไฟบรินเพื่อเพิ่มความแข็งแรงและความทนทานต่อแรงดึง การเชื่อมโยงนี้เกิดจากการเกิดพันธะเคมีระหว่างกรดอะมิโนในสายโปรตีน
  5. โครงสร้างที่หลากหลาย (Diversity of Types) คอลลาเจนมีหลายประเภท ซึ่งแต่ละประเภทมีลักษณะและการจัดเรียงตัวที่แตกต่างกัน เช่น Collagen Type I จะมีโครงสร้างที่เหมาะสมสำหรับผิวหนังและกระดูก ในขณะที่ Collagen Type II จะมีโครงสร้างที่เหมาะสำหรับกระดูกอ่อน

สัญญาณที่บ่งบอกว่าผิวกำลังขาด Collagen

สัญญาณที่บ่งบอกว่าผิวกำลังขาด Collagen

สัญญาณที่บ่งบอกว่าผิวกำลังขาดคอลลาเจนมีหลายประการ ซึ่งอาจส่งผลต่อความสวยงามและสุขภาพของผิวหนัง ดังนี้

  • ริ้วรอยและรอยเหี่ยวย่น : การเกิดริ้วรอยและรอยเหี่ยวย่นที่ชัดเจนขึ้น เป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าระดับคอลลาเจนในผิวหนังลดลง
  • ผิวแห้งและหยาบกร้าน : หากผิวรู้สึกแห้ง ขาดความชุ่มชื้น หรือมีความหยาบกร้าน อาจเป็นเพราะการผลิตคอลลาเจนลดลง
  • ความยืดหยุ่นลดลง : หากผิวขาดความยืดหยุ่นหรือรู้สึกเต่งตึงน้อยลง อาจบ่งบอกว่าระดับคอลลาเจนในผิวลดลง
  • จุดด่างดำและสีผิวไม่สม่ำเสมอ : ผิวที่มีจุดด่างดำหรือสีผิวไม่สม่ำเสมออาจแสดงถึงการเสื่อมสภาพของคอลลาเจน
  • รูขุมขนกว้างขึ้น : การขาดคอลลาเจนอาจทำให้รูขุมขนกว้างขึ้น เนื่องจากการลดลงของโครงสร้างที่ช่วยรองรับผิว
  • การเกิดรอยหลุมหรือรอยบุ๋ม : ผิวที่มีความไม่เรียบเนียน หรือมีรอยหลุมอาจบ่งบอกถึงการขาดคอลลาเจน
  • การฟื้นตัวช้าหลังการบาดเจ็บ : หากผิวไม่ฟื้นตัวเร็วจากบาดแผลหรือการบาดเจ็บ อาจเป็นสัญญาณว่าระดับคอลลาเจนลดลง

พฤติกรรมที่ทำให้ผิวขาด Collagen

มีพฤติกรรมหลายอย่างที่สามารถทำให้ร่างกายขาดคอลลาเจน ได้แก่

  1. การสูบบุหรี่ : สารเคมีในบุหรี่สามารถทำลายคอลลาเจนและอิลาสตินในผิว ทำให้เกิดริ้วรอยก่อนวัย
  2. การรับประทานอาหารที่ไม่เหมาะสม : การบริโภคอาหารที่มีน้ำตาลสูงหรืออาหารแปรรูปสามารถทำให้ระดับคอลลาเจนลดลง ควรเน้นรับประทานโปรตีน วิตามิน C และกรดอะมิโนที่ช่วยในการผลิตคอลลาเจน
  3. การขาดการออกกำลังกาย : การออกกำลังกายช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือดและการสร้างคอลลาเจน หากขาดการเคลื่อนไหว อาจส่งผลต่อการผลิตคอลลาเจน
  4. การสัมผัสกับแสงแดด : รังสี UV จากแสงแดดสามารถทำลายคอลลาเจนในผิวหนังได้ จึงควรใช้ครีมกันแดดเพื่อปกป้องผิว
  5. การนอนหลับไม่เพียงพอ : การนอนหลับที่ไม่เพียงพออาจทำให้ร่างกายไม่สามารถฟื้นฟูและผลิตคอลลาเจนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  6. การเครียด : ความเครียดเรื้อรังสามารถส่งผลกระทบต่อการผลิตคอลลาเจน เนื่องจากอาจทำให้ระดับฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับการสร้างคอลลาเจนลดลง
  7. การดื่มแอลกอฮอล์ : การดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมากสามารถลดการผลิตคอลลาเจนในร่างกายและทำลายเซลล์ผิวหนัง
  8. การขาดสารอาหาร : ขาดวิตามินและแร่ธาตุ เช่น วิตามิน C , วิตามิน E และซิงค์ อาจทำให้ร่างกายไม่สามารถผลิตคอลลาเจนได้อย่างเต็มที่

*การหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเหล่านี้และการดูแลสุขภาพอย่างเหมาะสมสามารถช่วยรักษาระดับคอลลาเจนในร่างกายได้ดีขึ้น*

วิธีป้องกันไม่ให้ผิวขาด Collagen

การป้องกันไม่ให้ผิวขาดคอลลาเจนสามารถทำได้ด้วยวิธีต่าง ๆ ดังนี้

  1. รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ : เน้นอาหารที่อุดมไปด้วยโปรตีน เช่น เนื้อสัตว์ ปลา ไข่ นม และถั่ว รวมถึงอาหารที่มีวิตามิน C เช่น ส้ม สตรอว์เบอร์รี และผักใบเขียว เพราะวิตามิน C ช่วยในการสร้างคอลลาเจน
  2. ดื่มน้ำให้เพียงพอ : การรักษาความชุ่มชื้นในร่างกายช่วยให้ผิวดูมีสุขภาพดี และช่วยในการผลิตคอลลาเจน
  3. ใช้ครีมกันแดด : ปกป้องผิวจากรังสี UV โดยการใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูง เพื่อป้องกันการทำลายคอลลาเจนจากแสงแดด
  4. เลิกสูบบุหรี่ : การเลิกสูบบุหรี่จะช่วยลดการทำลายคอลลาเจนและช่วยให้ผิวดูอ่อนเยาว์
  5. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ : การออกกำลังกายช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือด ทำให้เซลล์ได้รับสารอาหารและออกซิเจนมากขึ้น ส่งเสริมการผลิตคอลลาเจน
  6. นอนหลับเพียงพอ : การนอนหลับที่เพียงพอจะช่วยให้ร่างกายฟื้นฟูและซ่อมแซมเซลล์ รวมถึงการผลิตคอลลาเจน
  7. ลดความเครียด : ใช้เทคนิคการผ่อนคลาย เช่น โยคะ การทำสมาธิ หรือการฝึกหายใจ เพื่อช่วยลดความเครียดที่อาจทำลายคอลลาเจน
  8. หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ : ควรจำกัดการดื่มแอลกอฮอล์ เนื่องจากอาจลดการผลิตคอลลาเจนและทำลายเซลล์ผิว
  9. เสริมคอลลาเจน : พิจารณาใช้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีคอลลาเจนหรือผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนในผิวหนัง

คอลลาเจนแบบฉีด และ คอลลาเจนแบบกิน แบบไหนดีกว่ากัน ?

คอลลาเจนแบบฉีด และ คอลลาเจนแบบกิน แบบไหนดีกว่ากัน ?

การเลือกใช้ขึ้นอยู่กับความต้องการส่วนบุคคลและวัตถุประสงค์ในการดูแลผิวของแต่ละคน โดยคอลลาเจนแบบฉีดและคอลลาเจนแบบกินมีความแตกต่างกันในหลายด้าน ดังนี้

  • คอลลาเจนแบบฉีดจะถูกฉีดเข้าสู่ผิวหนังหรือเนื้อเยื่อโดยตรง บริเวณที่ต้องการเติมเต็ม ให้ผลลัพธ์ที่เห็นได้ทันที โดยจะทำให้ผิวดูเต่งตึงและลดริ้วรอยทันทีหลังจากการฉีด โดยผลลัพธ์มักจะอยู่ได้นานตั้งแต่ 6 เดือนถึง 2 ปี ขึ้นอยู่กับประเภทของคอลลาเจนที่ใช้และวิธีการฉีด มักมีค่าใช้จ่ายสูง
  • คอลลาเจนแบบกินมาในรูปแบบของอาหารเสริม เช่น แคปซูล ผง หรือเครื่องดื่มที่มีคอลลาเจน การเห็นผลอาจใช้เวลานานกว่า มักต้องใช้ระยะเวลาหลายสัปดาห์หรือหลายเดือน ในการเห็นการเปลี่ยนแปลงของผิวหนัง ผลลัพธ์อาจมีความยั่งยืนขึ้นอยู่กับการบริโภคอย่างต่อเนื่อง มักมีค่าใช้จ่ายต่ำกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับคอลลาเจนแบบฉีด

เติมคอลลาเจนให้กับผิวที่ลีเอนจาง

ลีเอนจาง คลินิก (Lienjang Clinic Thailand) มีโปรแกรมเติมคอลลาเจนให้กับผิวหลากหลายวิธี ที่ช่วยเติมเต็มริ้วรอย กระตุ้นคอลลาเจน และทำให้ผิวดูเต่งตึงอย่างเป็นธรรมชาติ โดยใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีคอลลาเจนเป็นส่วนประกอบ ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและลดเลือนริ้วรอยอย่างมีประสิทธิภาพ วันนี้จึงขอยกตัวอย่างโปรแกรมดูแลผิวตัวดังของลีเอนจาง 4 โปรแกรม เป็นโปรแกรมที่ช่วยกระตุ้นคอลลาเจน ให้ความชุ่มชื้น และฟื้นฟูสภาพผิวที่เห็นผลจริง จะเป็นอย่างไรตามาดูด้านล่างนี้กันเลยค่ะ

เติม Collagen ให้กับผิวที่ลีเอนจาง

โปรแกรม Re-Run Aging (Rejuran)

โปรแกรม Re-Run Aging (Rejuran รีจูรัน) เป็นโปรแกรมดูแลและฟื้นฟูผิวที่เน้นการใช้สารที่เรียกว่า Polynucleotide (PN) ซึ่งสกัดมาจาก DNA ของปลาแซลมอน โดยมีคุณสมบัติในการกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ ซ่อมแซมเซลล์ผิวที่เสียหาย และฟื้นฟูสภาพผิวให้แข็งแรง เรียบเนียน และอ่อนเยาว์มากขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหมองคล้ำ ผิวแห้งกร้าน และผู้ที่ต้องการฟื้นฟูและเพิ่มความแข็งแรงให้กับผิว

อ่านบทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับ : รีจูรัน

โปรแกรม The Glory Gorgeous treatment

โปรแกรม The Glory Gorgeous treatment (Gouri) เป็นนวัตกรรมการฟื้นฟูผิวที่ใช้สารสำคัญคือ PCL (Polycaprolactone) ซึ่งเป็นสารช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนตามธรรมชาติของผิวหนัง ซึ่งเป็นโปรแกรมที่ออกแบบมาเพื่อฟื้นฟูผิวจากภายใน ช่วยปรับปรุงความยืดหยุ่นของผิว เพิ่มความชุ่มชื้น และลดเลือนริ้วรอย โดยเน้นการกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนใหม่ในชั้นผิว ทำให้ผิวกลับมาเต่งตึงและดูอ่อนเยาว์

โปรแกรม Juvelook Skin

โปรแกรม Juvelook เป็นโปรแกรมฟื้นฟูผิวและลดเลือนริ้วรอยที่ใช้สารสำคัญคือ ไฮยาลูโรนิค แอซิด (Hyaluronic Acid, HA) ผสมกับ โพลีแคปโรแลคโตน (Polycaprolactone, PCL) ซึ่งเป็นสารที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว ทำให้โปรแกรมนี้สามารถช่วยฟื้นฟูผิวให้ดูอ่อนเยาว์ เรียบเนียน และเต่งตึงได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดย Juvelook เป็นนวัตกรรมที่ออกแบบมาเพื่อรักษาริ้วรอยและปรับสภาพผิวได้ในระยะยาว

อ่านบทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับ : Juvelook

โปรแกรม Radiesse Reset Young

โปรแกรม Radiesse Reset Young (Radiesse) เป็นการฟื้นฟูผิวด้วยการฉีดสารเติมเต็มประเภท แคลเซียม ไฮดรอกซีอะพาไทต์ (Calcium Hydroxylapatite, CaHA) ซึ่งเป็นสารเติมเต็มผิวที่ช่วยทั้งในด้านการปรับรูปหน้าและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิวหนัง Radiesse ไม่เพียงแค่เติมเต็มริ้วรอยหรือเสริมโครงหน้าเท่านั้น แต่ยังช่วยให้ผิวดูเต่งตึงและแข็งแรงขึ้นด้วยการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในระยะยาว

อ่านบทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับ : Radiesse

Collagen มีผลข้างเคียงหรือข้อควรระวังไหม ?

แม้ว่าคอลลาเจนจะเป็นสารที่ปลอดภัยและเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพผิว แต่การใช้เติมคอลลาเจนให้กับผิวไม่ว่าจะในรูปแบบฉีดหรือแบบทาน มีผลข้างเคียงและข้อควรระวังที่ควรพิจารณา ดังนี้

คอลลาเจนแบบฉีด : บริเวณที่ฉีดอาจมีอาการบวมและช้ำ ซึ่งมักจะหายไปภายในไม่กี่วัน หากการฉีดไม่ถูกต้องหรือไม่ถูกสุขอนามัย อาจเสี่ยงต่อการติดเชื้อ บางคนอาจมีอาการแพ้ต่อสารที่ใช้ในกระบวนการฉีด เช่น แพ้สารกันบูดหรือส่วนประกอบอื่น ดังนั้นควรทำการฉีดโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์และในสถานที่ที่มีมาตรฐาน และควรแจ้งแพทย์เกี่ยวกับประวัติสุขภาพและยาที่ใช้ เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้น

คอลลาเจนแบบกิน : บางคนอาจมีอาการท้องอืด ท้องเสีย หรือไม่สบายท้องเมื่อรับประทานคอลลาเจนในปริมาณมาก และผู้ที่อาจมีความเสี่ยงในการแพ้อาหารบางประเภท เช่น ปลา หรือสัตว์ที่ใช้ในการผลิตคอลลาเจน ควรเลือกผลิตภัณฑ์คอลลาเจนที่มีคุณภาพและได้รับการรับรองจากหน่วยงานที่เชื่อถือได้ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเริ่มรับประทานคอลลาเจน โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคประจำตัวหรือกำลังตั้งครรภ์

สรุป

Collagen (คอลลาเจน) เป็นโปรตีนที่มีความสำคัญต่อสุขภาพและโครงสร้างของผิวหนัง โดยช่วยเสริมความแข็งแรงและความยืดหยุ่น ทำให้ผิวดูเต่งตึงและลดริ้วรอยตามวัย นอกจากนี้ คอลลาเจนยังมีบทบาทในการเก็บกักความชุ่มชื้น ส่งผลให้ผิวมีความชุ่มชื้นและไม่แห้งกร้าน การรักษาระดับคอลลาเจนที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญในการดูแลและรักษาความอ่อนเยาว์ของผิวหนัง

หากท่านใดสนใจโปรแกรมเติมคอลลาเจนผิวกับลีเอนจาง สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Line Official Account : @Lienjangthailand หรือสามารถเข้ามาติดต่อโดยตรงที่ Lienjang Clinic Thailand ทุกสาขาใกล้บ้านท่าน เจ้าหน้าที่พร้อมให้คำแนะนำและคุณหมอพร้อมให้การดูแลอย่างใกล้ชิด เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

สอบถามปรึกษาแพทย์ฟรี

สอบถามปรึกษาแพทย์ฟรี