บทความ

Article

อายุยังไม่เยอะ แต่แก้มห้อย หน้าย้อย ต้องทำอย่างไร ?
Facebook
X
Email

อายุยังไม่เยอะ แต่แก้มห้อย หน้าย้อย ต้องทำอย่างไร ?

หัวข้อที่น่าสนใจ

แม้อายุยังไม่มาก แต่หลายคนอาจพบกับปัญหาหน้าย้อยและแก้มห้อยที่ทำให้ความมั่นใจลดลงได้เช่นกัน! หากใครกำลังสงสัยว่าเหตุใดปัญหานี้ถึงเกิดขึ้นและวิธีป้องกันหรือรักษาอย่างไรให้ผลลัพธ์ยาวนาน ในบทความนี้จะพาทุกคนไปสำรวจสาเหตุของปัญหานี้ พร้อมแนะนำวิธีการรักษาและการดูแลผิวหน้าให้กระชับและอ่อนเยาว์ ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีทันสมัยหรือเคล็ดลับการบำรุงผิวที่สามารถทำได้เองที่บ้าน เพื่อฟื้นฟูผิวให้กระชับและอ่อนเยาว์ได้อย่างง่ายดาย อย่ารอช้ามาดูกันเลยดีกว่าว่าปัญหาแก้มห้อย แก้ยังไง มีวิธีไหนบ้าง ?

ปัญหาแก้มห้อย หน้าย้อย คืออะไร ?

ปัญหาแก้มห้อย หน้าย้อย คืออะไร ?

ปัญหาแก้มห้อยและหน้าย้อยเป็นภาวะที่เกิดจากการสูญเสียความกระชับและความยืดหยุ่นของผิวหน้า ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้ตามวัยหรือปัจจัยอื่น ๆ เช่น น้ำหนักตัว การดูแลผิวที่ไม่ถูกวิธี หรือการสัมผัสกับแสงแดดเป็นเวลานาน ทำให้เกิดริ้วรอย ผิวหย่อนคล้อย และเห็นโครงหน้าที่ไม่กระชับ

โดยทั่วไปแล้ว การสูญเสียคอลลาเจนและอิลาสตินในชั้นผิวทำให้ผิวดูหย่อนคล้อยลง จนทำให้เกิดปัญหาแก้มห้อยและหน้าย้อย การยุบตัวของกระดูกและไขมันบริเวณแก้มยิ่งส่งผลให้โครงหน้าเปลี่ยนไปและขาดความชัดเจนที่เรียกว่า “กรอบหน้า” หรือ “V-Shape”

สาเหตุของปัญหาหน้าย้อย แก้มห้อย เกิดจากอะไร ?

สาเหตุของปัญหาหน้าย้อยและแก้มห้อยมีหลายปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อการเสื่อมสภาพและความหย่อนคล้อยของผิวหน้า ได้แก่

  1. อายุที่เพิ่มขึ้น เมื่ออายุมากขึ้น ร่างกายจะผลิตคอลลาเจนและอิลาสตินน้อยลง ทำให้ผิวสูญเสียความกระชับและยืดหยุ่น เกิดความหย่อนคล้อยตามธรรมชาติ
  2. แรงโน้มถ่วง แรงโน้มถ่วงส่งผลให้ผิวหน้าและไขมันบนใบหน้าค่อย ๆ หย่อนคล้อยลงไปตามเวลา โดยเฉพาะในบริเวณแก้มและคาง
  3. การสูญเสียไขมันในใบหน้า ไขมันที่อยู่ใต้ผิวหนังทำให้ผิวดูเต่งตึงและกระชับ แต่เมื่อไขมันเหล่านี้ลดลงไปตามวัย หรือจากการลดน้ำหนักอย่างรวดเร็ว ทำให้ผิวหย่อนคล้อยลงและขาดโครงหน้าที่ชัดเจน
  4. การเสื่อมของกระดูก กระดูกใบหน้าจะยุบตัวลงเรื่อย ๆ ตามวัย ทำให้โครงหน้าดูแบนลง ส่งผลให้ผิวและกล้ามเนื้อที่เคยมีการรองรับหย่อนคล้อยลง
  5. การแสดงอารมณ์และการเคลื่อนไหวของใบหน้า การขยับใบหน้า เช่น การยิ้ม หัวเราะ หรือขมวดคิ้วอย่างต่อเนื่องทำให้เกิดริ้วรอยร่องลึกบนผิวหนัง เมื่อผิวสูญเสียความยืดหยุ่นก็จะทำให้เกิดริ้วรอยสะสมที่ชัดเจนขึ้น
  6. แสงแดดและรังสียูวี แสงแดดมีผลทำลายคอลลาเจนและอิลาสตินในผิวหนัง ทำให้ผิวหน้าเสื่อมสภาพเร็วขึ้น แสงยูวียังเป็นตัวการที่ทำให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้นและดูหมองคล้ำอีกด้วย
  7. การสูบบุหรี่และมลภาวะ บุหรี่มีสารพิษที่ลดการไหลเวียนของเลือดและทำลายคอลลาเจน ทำให้ผิวดูหมองคล้ำและอ่อนแอ รวมถึงมลภาวะที่สามารถทำให้ผิวเกิดอนุมูลอิสระ สร้างความเสียหายแก่ผิวชั้นใน
  8. การดูแลผิวที่ไม่เพียงพอ การไม่บำรุงผิวหรือใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะสมจะทำให้ผิวขาดความชุ่มชื้นและกระชับ ส่งผลให้เกิดความหย่อนคล้อยได้ง่ายขึ้น

อายุยังไม่เยอะ สามารถเกิดปัญหาแก้มห้อยได้ไหม ?

อายุยังไม่เยอะ สามารถเกิดปัญหาหน้าย้อย แก้มห้อยได้ไหม ?

แม้ว่าอายุยังไม่มาก แต่ก็สามารถเกิดปัญหาหน้าย้อยและแก้มห้อยได้เช่นกัน เนื่องจากมีหลายปัจจัยที่ส่งผลต่อความหย่อนคล้อยของผิวโดยไม่ได้ขึ้นอยู่กับอายุเพียงอย่างเดียว เช่น ลักษณะโครงหน้าและสภาพผิวที่ได้รับจากพันธุกรรมสามารถทำให้บางคนมีแนวโน้มที่จะเกิดปัญหาผิวหย่อนคล้อยได้ง่ายขึ้น แม้จะอายุยังน้อย และการแสดงสีหน้า เช่น การยิ้ม ขมวดคิ้ว หรือขยับใบหน้าบ่อย ๆ อาจทำให้กล้ามเนื้อบางส่วนของใบหน้าสึกหรอและเกิดรอยย่นสะสมจนเกิดปัญหาหน้าย้อยได้

แม้อายุยังน้อยแต่หากไม่ได้ใช้ครีมกันแดด หรือสัมผัสกับแสงแดดบ่อย ๆ จะทำให้คอลลาเจนและอิลาสตินในผิวเสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติ ทำให้เกิดความหย่อนคล้อยได้เร็วขึ้น รวมถึงการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น การสูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ ขาดการนอนหลับที่เพียงพอ และการบริโภคอาหารที่มีไขมันหรือน้ำตาลสูง มีส่วนในการเร่งให้ผิวเสื่อมสภาพและเกิดริ้วรอยได้เร็วขึ้น

แก้มห้อย แก้มย้อย ส่งผลกระทบอย่างไร ?

ปัญหาแก้มห้อยหรือแก้มย้อย เป็นปัญหาอย่างหนึ่งที่ทำให้หลาย ๆ คนต้องการแก้ไข ที่ส่งผลกระทบดังต่อไปนี้

  1. ใบหน้าดูเหนื่อยและแก่กว่าอายุจริง เมื่อแก้มย้อยลง โครงหน้าจะดูหย่อนคล้อย ทำให้ดูเหนื่อยล้าและดูอายุมากกว่าที่เป็นจริง ส่งผลให้ภาพลักษณ์โดยรวมไม่สดใส
  2. สูญเสียความคมชัดของโครงหน้า แก้มห้อยทำให้เส้นกรอบหน้าและกรามไม่ชัดเจน ส่งผลให้โครงหน้าดูไม่สมส่วน ขาดความคมชัด และไม่เป็น V-Shape ที่หลายคนต้องการ
  3. ส่งผลกระทบต่อความมั่นใจในตนเอง ปัญหาผิวหย่อนคล้อยอาจทำให้บางคนรู้สึกไม่มั่นใจเมื่อต้องพบปะหรือเข้าสังคม รู้สึกว่าตนเองดูไม่สดใสและมีอายุมากขึ้น
  4. แต่งหน้าลำบากขึ้น การที่แก้มย้อยทำให้การแต่งหน้าไม่ติดผิวดีเท่าที่ควร และบางครั้งอาจทำให้การแต่งหน้าเน้นให้ผิวดูหย่อนคล้อยมากยิ่งขึ้น
  5. เกิดริ้วรอยบริเวณปากและมุมปาก เมื่อแก้มย้อย มักจะเกิดรอยพับและริ้วรอยร่องลึกที่มุมปากหรือบริเวณแนวขากรรไกร ซึ่งเป็นส่วนที่ทำให้ใบหน้าดูหมองและแก่กว่าอายุ

ใครบ้างที่เหมาะกับการแก้ปัญหาแก้มย้อย

ใครบ้างที่เหมาะกับการแก้ปัญหาแก้มย้อย

การแก้ปัญหาแก้มเยอะ แก้มห้อยเหมาะกับหลายกลุ่มที่ต้องการปรับปรุงความกระชับของใบหน้าและเพิ่มความมั่นใจในรูปลักษณ์ของตนเอง ดังนี้

  1. ผู้ที่เริ่มมีปัญหาผิวหย่อนคล้อยตั้งแต่อายุยังน้อย แม้จะอายุน้อย แต่ถ้ามีปัญหาผิวหย่อนคล้อยเนื่องจากพันธุกรรม การลดน้ำหนักอย่างรวดเร็ว หรือการใช้ชีวิตที่มีความเครียด การแก้ปัญหาด้วยทรีตเมนต์ยกกระชับจะช่วยคงความสดใสของใบหน้าได้
  2. ผู้ที่อายุ 30 ปีขึ้นไป อายุประมาณนี้เป็นช่วงที่ผิวเริ่มสูญเสียคอลลาเจนและอิลาสติน ทำให้เริ่มเห็นปัญหาผิวหย่อนคล้อยได้บ้าง การดูแลด้วยทรีตเมนต์ยกกระชับจะช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยและความหย่อนคล้อยได้ดี
  3. ผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยอย่างชัดเจน สำหรับผู้ที่มีปัญหาแก้มห้อย โครงหน้าขาดความคมชัด หรือเกิดรอยพับที่มุมปากและขากรรไกรอย่างชัดเจน การยกกระชับจะช่วยให้ใบหน้าดูสดใสและอ่อนเยาว์ขึ้นอย่างชัดเจน
  4. ผู้ที่สูญเสียไขมันบริเวณใบหน้า เมื่อไขมันบนใบหน้าลดลงจากการลดน้ำหนักหรือวัยที่เพิ่มขึ้น ผิวจะเริ่มหย่อนคล้อย การใช้วิธีฟิลเลอร์หรือการฉีดสารเติมเต็มจะช่วยเพิ่มความกระชับและดูเต็มอิ่มขึ้น
  5. ผู้ที่ต้องการปรับกรอบหน้าให้คมชัดและสมส่วน หากคุณต้องการให้ใบหน้ามี V-Shape ที่คมชัดและดูมีโครงหน้าที่สมดุล การยกกระชับช่วยปรับรูปร่างหน้าให้เรียวและสวยขึ้น
  6. ผู้ที่รู้สึกขาดความมั่นใจจากปัญหาผิวหย่อนคล้อย สำหรับผู้ที่รู้สึกไม่มั่นใจในลักษณะของใบหน้าและผิว การทำทรีตเมนต์ยกกระชับจะช่วยเสริมความมั่นใจและให้ภาพลักษณ์ที่ดีขึ้น

หน้าหย่อนคล้อย แก้มห้อย แก้ยังไง ?

หลาย ๆ คนอาจกำจังกัลว่าจะแก้ไขปัญหาแก้มห้อย ทําไงดี ? การแก้ปัญหาผิวหน้าหย่อนคล้อยและแก้มห้อยมีหลายวิธี ทั้งการใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์และการดูแลผิวทั่วไป โดยวิธีที่ได้รับความนิยมในการยกกระชับมีดังนี้

เทคโนโลยียกกระชับผิว (ไม่ต้องผ่าตัด)

  • HIFU (High-Intensity Focused Ultrasound) ใช้คลื่นอัลตราซาวด์พลังงานสูงส่งเข้าไปกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิว ช่วยยกกระชับผิวหน้าและทำให้ใบหน้าดูเรียวและกระชับมากขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยเบา ๆ ถึงปานกลาง
  • Ulthera เทคโนโลยีที่คล้ายกับ HIFU แต่มีความลึกและพลังงานสูงกว่า ช่วยยกกระชับผิวและเพิ่มการสร้างคอลลาเจนอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะบริเวณแนวกรามและคาง ช่วยให้กรอบหน้าชัดขึ้น
  • Thermage ใช้คลื่นวิทยุ (Radiofrequency) ในการกระตุ้นคอลลาเจนใต้ผิว ช่วยกระชับและฟื้นฟูผิวให้ดูเต่งตึง วิธีนี้เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยและต้องการยกกระชับอย่างอ่อนโยน
  • Potenza เป็นเทคโนโลยี RF Microneedling ที่ช่วยแก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อยและแก้มห้อยได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยการใช้เข็มขนาดเล็กที่มีพลังงานคลื่นวิทยุ RF เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินในชั้นผิวลึก ซึ่งช่วยกระชับผิวให้เต่งตึง ลดริ้วรอยและร่องลึก รวมถึงปรับสภาพผิวให้ดูเรียบเนียนมากยิ่งขึ้น
  • morpheus8 เป็นเทคโนโลยี RF Microneedling แบบขั้นสูงที่ช่วยในการกระชับผิวและปรับรูปหน้า โดยใช้คลื่นวิทยุ (RF) ร่วมกับเข็มขนาดเล็กที่ลงลึกถึงชั้นไขมันใต้ผิว ซึ่งเหมาะสำหรับการแก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อย แก้มห้อย ริ้วรอย และร่องลึก โดยกระบวนการนี้จะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินที่ลึกขึ้นไปอีกระดับเมื่อเทียบกับเทคโนโลยีอื่น ๆ

การฉีดโบท็อกซ์ลิฟกรอบหน้า

การฉีดโบท็อกซ์เพื่อ ลิฟกรอบหน้า เป็นการใช้โบท็อกซ์ในปริมาณน้อย ๆ ฉีดเข้าไปในกล้ามเนื้อที่อยู่บริเวณกรอบหน้า เช่น กล้ามเนื้อ masseter (กล้ามเนื้อเคี้ยว) หรือกล้ามเนื้อในส่วนอื่น ๆ ของกรอบหน้าเพื่อช่วยให้กรอบหน้าดูชัดขึ้นและกระชับมากขึ้น วิธีนี้มักใช้ในการ ลดการหย่อนคล้อยของผิว และทำให้ใบหน้าดูเรียวขึ้นได้อย่างธรรมชาติ โดยไม่ต้องทำการผ่าตัดหรือใช้เวลาในการฟื้นตัวนาน

การฉีดฟิลเลอร์

การฉีดฟิลเลอร์เป็นอีกวิธีที่ช่วยแก้ปัญหาหน้าหย่อนคล้อยและแก้มห้อยได้ค่ะ โดยฟิลเลอร์จะช่วยเติมเต็มบริเวณที่มีการสูญเสียมวลเนื้อ เช่น แก้ม และช่วยยกกระชับผิวให้ดูเต่งตึงมากขึ้น ผลลัพธ์จะทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ขึ้นและช่วยลดลักษณะหย่อนคล้อยที่เกิดจากอายุหรือการสูญเสียไขมันใต้ผิวหนัง ประโยชน์ของการฉีดฟิลเลอร์เพื่อลดหน้าหย่อนคล้อย

  • ยกกระชับผิวหน้า ฟิลเลอร์จะช่วยเติมเต็มบริเวณโหนกแก้มและร่องแก้มที่หย่อนคล้อย ทำให้ผิวดูกระชับมากขึ้น
  • ปรับรูปหน้าให้สมดุล ช่วยเสริมให้โครงหน้าดูมีมิติและได้สัดส่วน
  • ฟื้นฟูผิวให้ดูอ่อนเยาว์ ฟิลเลอร์จะช่วยเติมเต็มในจุดที่ผิวมีร่องลึกและริ้วรอย ทำให้ใบหน้าดูสดใสและเต่งตึง

การฉีดเมโสแฟต (Meso Fat)

การฉีด เมโสแฟต (Meso Fat) เป็นการใช้เทคนิคการฉีดสารสกัดที่ช่วยสลายไขมันและกระตุ้นการกระชับผิว ซึ่งสามารถนำมาใช้เพื่อ แก้ไขปัญหาหน้าหย่อนคล้อยและแก้มห้อย ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยการฉีดเมโสแฟตจะช่วยสลายไขมันส่วนเกินและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวดูยกกระชับขึ้น พร้อมทั้งช่วยลดการหย่อนคล้อยในบริเวณกรอบหน้า แก้ม และคาง

การดูแลผิวประจำและการปรับวิถีชีวิต

การดูแลผิวอย่างสม่ำเสมอ เช่น การใช้ครีมบำรุงที่มีส่วนผสมของเรตินอล (Retinol) หรือวิตามิน C ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและลดการหย่อนคล้อย การใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยให้ผิวกระชับและยืดหยุ่นจะช่วยให้ผิวหน้าดูเรียบเนียนและกระชับขึ้น รวมถึงการนอนหลับเพียงพอ การดื่มน้ำเยอะ ๆ การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และการหลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่หรือแสงแดด จะช่วยให้ผิวหน้าดูสุขภาพดีและยืดหยุ่นมากขึ้น ช่วยป้องกันการเกิดการหย่อนคล้อยในอนาคต

ข้อดีของการแก้แก้มห้อย หน้าย้อย ด้วยเทคโนโลยีความงาม

ข้อดีของการแก้แก้มห้อย หน้าย้อย ด้วยเทคโนโลยีความงาม

การแก้ปัญหาแก้มห้อยและหน้าย้อยด้วยเทคโนโลยีความงามมีข้อดีหลายประการ ทั้งในแง่ของประสิทธิภาพ ความสะดวก และความปลอดภัย โดยข้อดีหลัก ๆ มีดังนี้

  1. เห็นผลรวดเร็วและเป็นธรรมชาติ: การยกกระชับผิวด้วยเทคโนโลยีเช่น Ulthera , Thermage หรือการฉีดเมโสแฟต ช่วยให้ใบหน้ากระชับขึ้นทันทีหลังการทำ และยังให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ โดยไม่ต้องพักฟื้นนาน
  2. ไม่ต้องผ่าตัด: เทคโนโลยีความงามเหล่านี้เป็นวิธีที่ไม่ต้องผ่าตัด จึงมีความเสี่ยงน้อยกว่า การใช้เทคโนโลยีจะไม่ทำให้เกิดแผลขนาดใหญ่ และลดโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ
  3. ระยะเวลาพักฟื้นสั้น: การยกกระชับผิวด้วยวิธีที่ไม่ต้องผ่าตัดช่วยให้ไม่ต้องพักฟื้นเป็นเวลานาน สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างรวดเร็ว และการดูแลหลังการรักษาก็ง่าย
  4. กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินในชั้นผิว: เทคโนโลยีเช่น HIFU, Ulthera และ Thermage กระตุ้นให้ผิวสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินขึ้นใหม่ ทำให้ผิวแข็งแรงและดูอ่อนเยาว์มากขึ้นในระยะยาว
  5. ปรับรูปหน้าให้ชัดเจนและกระชับยิ่งขึ้น: วิธีการยกกระชับเหล่านี้ช่วยให้กรอบหน้าและคางดูคมชัดขึ้น ปรับโครงหน้าให้มีความสมดุล และสามารถทำให้ใบหน้าดูเรียวขึ้นตามต้องการ
  6. เพิ่มความมั่นใจในรูปลักษณ์: การแก้ปัญหาแก้มห้อยและหน้าย้อยด้วยเทคโนโลยีความงามช่วยให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์และสดใสมากขึ้น ส่งผลให้รู้สึกมั่นใจในรูปลักษณ์และมีภาพลักษณ์ที่ดีมากขึ้น
  7. ผลลัพธ์ที่อยู่ได้นาน: หลายเทคโนโลยี เช่น Ulthera และ Thermage สามารถคงผลลัพธ์ไว้ได้นานหลายเดือนถึงเป็นปีขึ้นอยู่กับประเภทการรักษา การดูแลผิว และปัจจัยส่วนบุคคล
  8. สามารถเลือกวิธีที่เหมาะสมกับสภาพผิวและปัญหา: เทคโนโลยีความงามมีหลายประเภท สามารถเลือกเทคนิคและระดับความลึกที่ต้องการให้เหมาะสมกับระดับความหย่อนคล้อยของผิว ทำให้การรักษามีประสิทธิภาพและเห็นผลตรงตามปัญหาผิว
  9. เจ็บน้อยและไม่ต้องกังวลเรื่องการติดเชื้อ: เนื่องจากไม่ต้องผ่าตัดหรือฉีดสารแปลกปลอมเข้าไปในชั้นลึกของผิว การใช้เทคโนโลยีจึงเจ็บน้อยกว่า และมีความเสี่ยงการติดเชื้อน้อยกว่าการผ่าตัด

วิธีดูแลตัวเองให้ไม่กลับไปแก้มห้อย หน้าหย่อนคล้อย

เพื่อป้องกันไม่ให้ปัญหาแก้มห้อยและหน้าหย่อนคล้อยกลับมาอีกหลังจากการทำทรีตเมนต์หรือการยกกระชับ ควรดูแลตัวเองอย่างสม่ำเสมอด้วยวิธีดังนี้

  1. บำรุงผิวด้วยผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มความยืดหยุ่น: เลือกใช้เซรั่มและครีมที่มีส่วนผสมของคอลลาเจน เปปไทด์ หรือเรตินอลเพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและคงความยืดหยุ่นของผิว
  2. ทาครีมกันแดดทุกวัน: รังสียูวีเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้คอลลาเจนในผิวเสื่อมสภาพ ควรทาครีมกันแดด SPF 30 ขึ้นไปทุกเช้าเพื่อป้องกันการทำลายผิวจากแสงแดด
  3. นอนหลับให้เพียงพอ: การนอนหลับช่วยให้ผิวมีเวลาในการฟื้นฟูตัวเอง ควรนอนให้เพียงพออย่างน้อยวันละ 7-8 ชั่วโมงเพื่อให้ผิวแข็งแรงและไม่หย่อนคล้อยง่าย
  4. ลดการสัมผัสใบหน้า: การถูหรือดึงผิวหน้าบ่อย ๆ จะทำให้ผิวหย่อนคล้อยเร็ว ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้าโดยไม่จำเป็น
  5. ออกกำลังกายกล้ามเนื้อใบหน้า: การออกกำลังกายใบหน้าช่วยให้กล้ามเนื้อหน้าแข็งแรงขึ้น เช่น การยิ้มยกมุมปาก การออกเสียงหรือการนวดใบหน้าเบา ๆ เพื่อให้การไหลเวียนเลือดดีขึ้น
  6. หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และการดื่มแอลกอฮอล์: การสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ทำให้ผิวขาดน้ำและขาดความยืดหยุ่น ลดคอลลาเจน และเร่งให้เกิดปัญหาผิวหย่อนคล้อยได้เร็วขึ้น
  7. ทานอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ: อาหารที่มีวิตามินซี วิตามินอี และโอเมก้า-3 เช่น ผลไม้ ผักใบเขียว ถั่ว และปลา ช่วยป้องกันการเสื่อมสภาพของผิวได้
  8. รักษาน้ำหนักให้คงที่: การที่น้ำหนักเพิ่มหรือลดลงอย่างรวดเร็วทำให้ผิวสูญเสียความกระชับ ควรรักษาน้ำหนักให้คงที่เพื่อให้ผิวคงความยืดหยุ่น
  9. รับทรีตเมนต์กระตุ้นคอลลาเจนบ้างตามความเหมาะสม: สามารถทำทรีตเมนต์อย่าง HIFU, Ulthera หรือ Thermage เป็นประจำทุก 6-12 เดือนเพื่อกระตุ้นคอลลาเจนและยกกระชับผิวให้คงความเต่งตึง

ทำไมต้องรักษาแก้มห้อย หน้าหย่อนคล้อย ที่ Lienjang Clinic

ทำไมต้องรักษาแก้มห้อย หน้าหย่อนคล้อย ที่ Lienjang Clinic

การเลือกแก้ปัญหาแก้มห้อยและหน้าหย่อนคล้อยที่ Lienjang Clinic มีทีมแพทย์ที่มีประสบการณ์
ที่ผ่านการฝึกอบรมด้านการยกกระชับผิวโดยเฉพาะ ทำให้มั่นใจได้ว่าการรักษาจะปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ และใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยในการยกกระชับผิว และเทคนิคการฉีดหน้า ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงในการกระตุ้นคอลลาเจนและยกกระชับผิว โดยเทคโนโลยีทั้งหมดได้มาตรฐานและผ่านการรับรองความปลอดภัย

และมีการบริการที่สะดวกสบาย มีบรรยากาศการให้บริการที่ผ่อนคลาย พนักงานให้คำแนะนำและบริการอย่างเป็นมิตร เพื่อให้ทุกขั้นตอนการรักษาเป็นไปด้วยความประทับใจ และที่ลีเอนจางยังงมีโปรแกรมและแพ็กเกจการรักษาที่หลากหลายตามความต้องการ ไม่ว่าจะเป็น โปรแกรมราชินีโบ โปรแกรมราชินีติดเทอร์โบ โปรแกรมราชินีงานผิว และอื่น ๆ หากท่านใดสนใจในการในการดูแลผิวที่ลีเอนจาง สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Line Official Account : @Lienjangthailand

สรุป

แม้ว่าอายุยังไม่มาก แต่ปัญหาแก้มห้อย หน้าย้อยสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย เช่น การขาดการดูแลผิวหน้าอย่างเหมาะสม การสูญเสียคอลลาเจนตามอายุ ความเครียด การนอนหลับไม่เพียงพอ หรือแม้แต่การลดน้ำหนักอย่างรวดเร็ว ทั้งนี้สามารถป้องกันและรักษาได้ด้วยการใช้เทคโนโลยีความงาม หรือการดูแลผิวอย่างสม่ำเสมอผ่านการบำรุงและป้องกันแสงแดด เพื่อช่วยให้ผิวกระชับและคงความอ่อนเยาว์ในระยะยาว

สอบถามปรึกษาแพทย์ฟรี

สอบถามปรึกษาแพทย์ฟรี