บทความ

Article

เช็คสภาพผิวหน้าเป็นแบบไหน เพื่อง่ายต่อการเลือกทำหัตถการ
Facebook
X
Email

เช็คสภาพผิวหน้าเป็นแบบไหน เพื่อง่ายต่อการเลือกทำหัตถการ

หัวข้อที่น่าสนใจ

คุณเคยสงสัยไหมว่าทำไมบางคนทำหัตถการแล้วเห็นผลชัด แต่บางคนกลับไม่เปลี่ยนแปลงอย่างที่หวัง ? คำตอบอาจอยู่ที่ “การไม่รู้จักสภาพผิวของตัวเอง” บทความนี้จะพาคุณไปเช็คสภาพผิวหน้าแบบละเอียด เพื่อให้คุณเข้าใจว่าผิวของคุณต้องการการดูแลแบบไหน และเลือกทำหัตถการที่ตรงจุด ตอบโจทย์ได้จริง เห็นผลไวขึ้น!

หากคุณกำลังคิดจะเริ่มดูแลผิวอย่างจริงจัง หรือกำลังลังเลว่าจะทำทรีตเมนต์อะไรดี บทความนี้คือคำแนะนำที่ไม่ควรพลาด เพราะการรู้จักผิวของตัวเอง คือกุญแจสำคัญของการมีผิวสวยในระยะยาว อย่าปล่อยให้การดูแลผิวเป็นเพียงการเดา มาเช็คผิวอย่างมืออาชีพไปพร้อมกัน แล้วคุณจะเลือกหัตถการได้มั่นใจและเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนกว่าเดิม!

เช็คสภาพผิวหน้าตนเอง ดีอย่างไร ? ขั้นตอนแรกสู่การมีผิวสวย

เช็คสภาพผิวหน้าตนเอง ดีอย่างไร ? ขั้นตอนแรกสู่การมีผิวสวย

การเช็คสภาพผิวหน้าตนเองเป็นขั้นตอนสำคัญที่จะช่วยให้เราเข้าใจถึงความต้องการเฉพาะของผิวแต่ละประเภท ไม่ว่าจะเป็นผิวมัน ผิวแห้ง ผิวผสม หรือผิวแพ้ง่าย การรู้จักประเภทผิวอย่างถูกต้องจะช่วยให้เราสามารถเลือกผลิตภัณฑ์บำรุงผิว และวิธีการดูแลที่เหมาะสมได้มากยิ่งขึ้น 

นอกจากนี้ การเช็คสภาพผิวยังสามารถช่วยให้เราติดตามการเปลี่ยนแปลงของสภาพผิวได้ในแต่ละช่วงวัยหรือฤดูกาล เช่น ผิวอาจจะแห้งลงในหน้าหนาว หรือมันมากขึ้นเมื่อเข้าสู่ช่วงที่อากาศร้อน การรู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ทำให้เราสามารถปรับการดูแลผิวได้อย่างเหมาะสม ช่วยชะลอริ้วรอย ป้องกันปัญหาผิวลุกลาม และส่งเสริมให้ผิวดูสุขภาพดีในระยะยาวอย่างแท้จริง

มาทำความรู้จักกับผิวหน้า 5 ประเภทกันก่อน

มาทำความรู้จักกับสภาพผิวหน้า 5 ประเภทหลัก ที่แต่ละคนอาจมีแตกต่างกัน ซึ่งการรู้ประเภทผิวของตัวเอง จะช่วยให้สามารถเลือกวิธีดูแลผิวและวิธีเลือกทำหัตถการได้อย่างตรงจุด ดังนี้

ผิวมัน (Oily skin)

Body – ผิวมันคือสภาพผิวที่มีการผลิตน้ำมัน (ซีบัม) มากกว่าปกติ โดยเฉพาะบริเวณ T-Zone ได้แก่ หน้าผาก จมูก และคาง ทำให้ผิวหน้าดูเงามันตลอดวัน รูขุมขนกว้าง และมีแนวโน้มเกิดสิว สิวอุดตัน หรือสิวอักเสบได้ง่ายกว่าสภาพผิวอื่น เนื่องจากน้ำมันส่วนเกินสามารถอุดตันรูขุมขนและดึงดูดสิ่งสกปรกหรือแบคทีเรียได้ง่าย แม้ผิวมันจะดูเป็นปัญหาในแง่ของความสะอาดและสิว แต่ก็มีข้อดี คือ ผิวมักดูอิ่มฟู ชุ่มชื้น และมีแนวโน้มเกิดริ้วรอยช้ากว่าคนผิวแห้ง 

ผิวแห้ง (Dry skin)

Body – ผิวแห้งคือสภาพผิวที่มีความชุ่มชื้นต่ำ และต่อมไขมันผลิตน้ำมันได้น้อยกว่าปกติ ทำให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้นได้ง่าย ลักษณะเด่นของผิวแห้งคือ ผิวลอกเป็นขุย รู้สึกตึง ผิวไม่เรียบเนียน และอาจระคายเคืองง่าย โดยเฉพาะในสภาพอากาศหนาวเย็น หรืออยู่ในห้องแอร์เป็นเวลานาน ซึ่งจะยิ่งทำให้ผิวแห้งมากขึ้น การดูแลผิวแห้งควรเน้นไปที่ การเติมและกักเก็บความชุ่มชื้น 

ผิวผสม (Combination skin)

ผิวผสมคือสภาพผิวที่มีทั้งความมันและความแห้งอยู่บนใบหน้าพร้อมกัน โดยทั่วไปแล้วจะพบว่าบริเวณ T-Zone (หน้าผาก จมูก และคาง) มีความมันง่าย รูขุมขนกว้าง และอาจเกิดสิวได้ ส่วนบริเวณ แก้มและรอบดวงตา มักแห้ง ลอก หรือตึงได้ง่าย ทำให้การดูแลผิวผสมต้องใส่ใจเป็นพิเศษและเลือกผลิตภัณฑ์อย่างระมัดระวัง การดูแลผิวผสมควรเน้นความสมดุลเป็นหลัก โดยเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีเนื้อบางเบา 

ผิวแพ้ง่าย (Sensitive skin)

ผิวแพ้ง่ายคือสภาพผิวที่มีแนวโน้มเกิดการระคายเคืองหรืออักเสบได้ง่ายกว่าผิวประเภทอื่น มักมีอาการ แสบ แดง คัน ลอก หรือเป็นผื่น เมื่อสัมผัสกับสารกระตุ้น เช่น น้ำหอม แอลกอฮอล์ สารกันเสีย มลภาวะ หรือแม้กระทั่งการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิและสภาพอากาศ ผิวแพ้ง่ายมักมีเกราะป้องกันผิวที่อ่อนแอ ทำให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้นได้เร็วและไวต่อการระคายเคือง การดูแลผิวแพ้ง่ายควรเน้นไปที่ความ อ่อนโยนและเสริมเกราะป้องกันผิวให้แข็งแรงขึ้น

ผิวปกติ (Normal skin) 

ผิวธรรมดาเป็นสภาพผิวที่หลายคนใฝ่ฝัน เพราะมีความสมดุลทั้งในด้านความชุ่มชื้นและการผลิตน้ำมันใต้ผิว ไม่มันเกินไปและไม่แห้งเกินไป รูขุมขนกระชับ ผิวดูเรียบเนียน เปล่งปลั่ง ไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องสิว ผดผื่น หรืออาการระคายเคือง จึงเป็นผิวที่ดูแลง่ายและตอบสนองต่อผลิตภัณฑ์บำรุงผิวได้ดี แม้จะเป็นผิวที่ดูแข็งแรงและมีปัญหาน้อย แต่ก็ไม่ควรละเลยการดูแล ผิวธรรมดายังต้องการการบำรุงให้คงความสมดุลไว้เสมอ

เช็คสภาพผิวหน้ายังไง ? ต้องดูยังไง ?

การเลือกหัตถการหรือวิธีดูแลผิวที่เหมาะสมกับผิวหน้าของตัวเอง ต้องเริ่มจากการวิเคราะห์ปัญหาผิวอย่างละเอียด เพื่อให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและปลอดภัย ดังนี้คือวิธีเช็คผิวหน้าตัวเองและปัญหาผิวเบื้องต้น 

เช็คสภาพผิวหน้ายังไง ? ต้องดูยังไง ?

สังเกตผิวหย่อนคล้อย ริ้วรอย และขาดความกระชับ

มักเกิดขึ้นจากการเสื่อมของคอลลาเจนและอีลาสตินใต้ผิวหนัง ซึ่งสามารถสังเกตได้จากลักษณะภายนอกของผิว เช่น กรอบหน้าไม่ชัด แก้มตก มีเหนียงใต้คาง หรือผิวบริเวณขมับและหน้าผากดูแบนลง อีกสัญญาณที่ชัดเจนคือการปรากฏของริ้วรอยชัดเจนขึ้น โดยเฉพาะเมื่อยิ้มหรือแสดงสีหน้า เช่น รอยตีนกา ร่องแก้ม หรือรอยย่นหน้าผาก และเมื่อเวลาผ่านไป ริ้วรอยเหล่านี้อาจคงอยู่แม้ไม่ได้ขยับหน้า ซึ่งเป็นสัญญาณของผิวที่เริ่มขาดความยืดหยุ่นและความกระชับ

นอกจากนี้ ผิวที่ขาดความกระชับมักจะมีความยืดหยุ่นลดลง สังเกตได้จากการหยิบผิวเบา ๆ แล้วปล่อย หากผิวไม่คืนตัวทันที หรือรู้สึกว่าผิวบางลง ดูแห้งกร้าน และขาดความยืดหยุ่น นั่นอาจหมายถึงผิวเริ่มเสื่อมสภาพ การดูแลผิวประเภทนี้ควรเน้นการฟื้นฟูจากภายใน  การกระตุ้นคอลลาเจน เพื่อช่วยคืนความกระชับ ความเต่งตึง และลดเลือนริ้วรอยให้ดูอ่อนเยาว์ขึ้นอีกครั้ง

อ่านบทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับ : รวม 15 วิธีแก้ปัญหาหน้าหย่อนคล้อย แบบธรรมชาติและแบบเร่งด่วน

สังเกตผิวหมองคล้ำ ไม่สดใส รอยดำ รอยแดงจากสิว

การเช็คสภาพผิวหน้าของคุณกำลังมีปัญหาหมองคล้ำ ไม่สดใส สามารถเริ่มได้จากการดูความเปล่งปลั่งของผิวเมื่อต้องแสงธรรมชาติ หากผิวดูหม่น ดูเทา หรือคล้ำลงกว่าปกติ โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับผิวบริเวณลำคอ หรือดูโทรมแม้พักผ่อนเพียงพอ นั่นอาจเป็นสัญญาณว่าผิวกำลังขาดความชุ่มชื้น ขาดการผลัดเซลล์ผิว หรือได้รับผลกระทบจากแสงแดดและมลภาวะ 

นอกจากนี้ ผิวที่แต่งหน้าไม่ติด ผิวแห้งหรือมันไม่สมดุล ก็ล้วนเป็นตัวบ่งบอกว่าผิวเริ่มอ่อนล้าและต้องการการฟื้นฟู สำหรับรอยดำและรอยแดงจากสิว มักปรากฏให้เห็นหลังจากที่สิวหาย โดย รอยแดง เกิดจากการอักเสบที่ยังไม่สมานดี ส่วนรอยดำ เกิดจากเม็ดสีเมลานินที่ถูกกระตุ้นหลังการอักเสบ โดยรอยเหล่านี้มักจะอยู่ได้นานหลายสัปดาห์หรือเป็นเดือน หากไม่ได้รับการดูแลที่เหมาะสม การสังเกตว่าผิวเริ่มมีรอยเหล่านี้มากขึ้น หรือจางลงช้ากว่าปกติ อาจหมายถึงระบบฟื้นฟูผิวไม่ทำงานได้เต็มที่ 

อ่านบทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับ : บอกลาผิวหมองคล้ำ! มารับผิวใสฉ่ำกับ The Exo Repair Skin

สังเกตรูขุมขนกว้าง มีสิวอุดตันหรือสิวอักเสบ

การสังเกตรูขุมขนกว้างสามารถเริ่มจากการส่องกระจกในแสงธรรมชาติหรือแสงขาวจ้า โดยเฉพาะบริเวณทีโซน (หน้าผาก จมูก คาง) หรือบริเวณแก้มข้างจมูก หากเห็นรูเล็ก ๆ บนผิวที่มีลักษณะเป็นจุด ๆ ชัดเจน หรือรู้สึกว่าผิวสัมผัสไม่เรียบเนียนเมื่อใช้มือสัมผัส นั่นคือสัญญาณของรูขุมขนที่กว้างขึ้น ซึ่งมักเกิดจากความมันส่วนเกิน การสะสมของสิ่งสกปรก หรือคอลลาเจนใต้ผิวเริ่มเสื่อมสภาพ ทำให้ผิวขาดความยืดหยุ่นและรูขุมขนเปิดกว้างถาวรได้ง่ายขึ้น

สำหรับการสังเกตสิวอุดตันหรือสิวอักเสบ ให้ดูว่ามีตุ่มนูนเล็ก ๆ ใต้ผิวหนังหรือไม่ โดยสิวอุดตันมักเป็นหัวขาว หรือหัวดำ ซึ่งเกิดจากการอุดตันของไขมันและเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ขณะที่สิวอักเสบจะมีลักษณะเป็นตุ่มแดง บวม และเจ็บ เมื่อสัมผัสอาจรู้สึกปวดร่วมด้วย ถ้าปล่อยไว้นานโดยไม่ได้รับการดูแลที่ถูกต้อง อาจทำให้สิวลุกลามหรือทิ้งรอยแดงและรอยดำไว้ได้ การสังเกตและรักษาตั้งแต่ระยะเริ่มต้นจึงช่วยลดความเสียหายต่อผิวหน้าและป้องกันการเกิดซ้ำได้ในระยะยาว

อ่านบทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับ : 5 วิธีกระชับรูขุมขนกว้าง ให้กลับมาหน้าเนียนใสได้จริง

สังเกตผิวแห้ง ขาดน้ำ และมีริ้วรอยเล็ก ๆ

การสังเกตว่าผิวหน้าแห้ง ขาดน้ำ และเริ่มมีริ้วรอยเล็ก ๆ สามารถดูได้จาก “ลักษณะพื้นผิว” และ “ความรู้สึกหลังล้างหน้า” หากรู้สึกว่าผิวตึง แห้งกร้าน ลอกเป็นขุย หรือแต่งหน้าไม่ติดในบางจุด นั่นคือสัญญาณของผิวที่ขาดความชุ่มชื้น นอกจากนี้ผิวที่ดูหมอง ไม่มีความฉ่ำน้ำ หรือสัมผัสแล้วรู้สึกหยาบไม่เรียบเนียน ก็เป็นสิ่งบอกว่าผิวกำลังขาดน้ำอย่างชัดเจน ซึ่งอาจเกิดได้จากการใช้ผลิตภัณฑ์ที่แรงเกินไป การอยู่ในห้องแอร์เป็นเวลานาน หรือการดื่มน้ำน้อย

อีกจุดที่สังเกตได้ง่ายคือการเริ่มมีริ้วรอยเล็ก ๆ โดยเฉพาะบริเวณหางตา ร่องแก้ม หรือหน้าผาก ซึ่งมักเกิดขึ้นในช่วงที่ผิวแห้งสะสมเป็นเวลานาน ทำให้ผิวสูญเสียความยืดหยุ่นและความตึงตัว เมื่อแสดงสีหน้าก็จะเกิดเส้นริ้วชัดขึ้น และอาจไม่หายไปแม้พักผ่อนดีแล้ว ผิวประเภทนี้ควรได้รับการเติมความชุ่มชื้นจากทั้งภายในและภายนอก เพื่อคืนความเนียนนุ่มและลดโอกาสการเกิดริ้วรอยในอนาคต

อ่านบทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับ : เช็คด่วน! 5 สัญญาณเตือน ผิวขาดน้ำ ขาดความชุ่มชื้น

สังเกตผิวแพ้ง่าย แดงง่าย ระคายเคืองง่าย

การสังเกตว่าตนเองมีผิวแพ้ง่ายสามารถเริ่มจากการดู “อาการที่เกิดซ้ำ ๆ” หลังใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหรืออยู่ในสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไป เช่น ผิวมักมีอาการแสบ แดง ร้อนผ่าว หรือคันทันทีหลังใช้ครีมบางชนิด โฟมล้างหน้า หรือเมื่อสัมผัสแดด ลม ฝุ่น หรืออากาศแห้ง แม้ผลิตภัณฑ์เหล่านั้นจะอ่อนโยนต่อผิวทั่วไปก็ตาม ผิวแพ้ง่ายมักมีเกราะป้องกันผิวที่อ่อนแอกว่าปกติ ทำให้ไวต่อสารกระตุ้นและเกิดการระคายเคืองได้ง่ายกว่าผิวประเภทอื่น

อีกหนึ่งลักษณะคือ ผิวมักจะดูบาง แห้ง หรือลอกเป็นขุย และมีรอยแดงขึ้นบ่อยตามบริเวณแก้ม ข้างจมูก หรือรอบปาก โดยอาจไม่มีสิวขึ้น แต่ผิวดูไม่เรียบเนียน มีจุดหรือผื่นเล็ก ๆ ปรากฏขึ้นเมื่อถูกกระตุ้น เช่น หลังอาบน้ำอุ่น หรือเปลี่ยนผลิตภัณฑ์ใหม่ หากมีลักษณะดังกล่าวเกิดขึ้นซ้ำ ๆ ควรหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีแอลกอฮอล์ น้ำหอม หรือกรดผลไม้ และควรหันมาใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสูตรอ่อนโยน พร้อมเสริมเกราะปกป้องผิว 

อ่านบทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับ : หมดปัญหาผิวแพ้ง่าย กู้ผิวให้แข็งแรงแบบฉบับลีเอนจาง

เช็คสภาพผิวหน้าแล้ว เลือกทำหัตถการไหนดี ?

เช็คสภาพผิวหน้าแล้ว เลือกทำหัตถการไหนดี ?

การเลือกหัตถการที่เหมาะสมกับปัญหาผิวของแต่ละคน ควรอิงตามสภาพผิวและปัญหาหลักที่ต้องการแก้ไข เพื่อให้เห็นผลลัพธ์ชัดเจนและปลอดภัยที่สุด ตัวอย่างการเลือกหัตถการที่เหมาะกับปัญหาผิวต่าง ๆ มีดังนี้

  • ผิวแห้ง ขาดน้ำ ดูโทรม ไม่สดใส หัตถการที่แนะนำ โปรแกรม CHANALS Advance Serum เพิ่มความชุ่มชื้นจากภายใน ผิวฉ่ำน้ำ ดูเปล่งปลั่งทันทีหลังทำ และโปรแกรม IV Drip วิตามินผิว บูสต์พลังผิว ฟื้นฟูจากภายใน ให้ผิวกลับมาสดใสเร็วขึ้น
  • รูขุมขนกว้าง ผิวไม่เรียบเนียน หัตถการที่แนะนำโปรแกรม Morpheus8 / โปรแกรม Inmode กระชับรูขุมขน ยกผิวแน่นขึ้น ฟื้นฟูผิวลึกระดับชั้นไขมัน และโปรแกรม Juvelook กระตุ้นการซ่อมแซมเซลล์ ฟื้นฟูให้ผิวเนียนละเอียดขึ้น
  • มีริ้วรอยเล็ก ๆ ร่องลึก ผิวเริ่มหย่อน หัตถการที่แนะนำ โปรแกรม Botox ลดริ้วรอย / Ultraformer III ยกผิวให้เต่งตึง ลดร่องลึกโดยไม่ต้องผ่าตัด และโปรแกรม Filler เติมร่องแก้ม ใต้ตา หน้าผาก ช่วยให้ใบหน้าเด็กลงทันที
  • ผิวแพ้ง่าย ระคายเคืองง่าย แดงง่าย หัตถการที่แนะนำ โปรแกรม Exo Phyto Serum Series 2 เสริมเกราะปกป้องผิว ลดการอักเสบและระคายเคือง และโปรแกรม Rejuran ฟื้นฟูโครงสร้างผิวให้แข็งแรงจากภายใน
  • มีปัญหาสิว รอยสิว ผิวมัน หัตถการที่แนะนำ โปรแกรม K-Star Dewy มีคุณประโยชน์ช่วยให้ผิวของคุณดูใสและกระจ่างขึ้น พร้อมเพิ่มความแข็บงแรงให้กับผิว ลดสาเหตุการเกิดสิว และรอยจากสิว

เช็คอายุผิวหน้า และปัญหาผิวหน้าแต่ละช่วงวัย

ปัญหาผิวหน้าที่เจอในแต่ละช่วงวัยจะมีลักษณะและสาเหตุแตกต่างกันไปตามกระบวนการเสื่อมสภาพของผิวและพฤติกรรมการดูแลตัวเอง ลองดูภาพรวมปัญหาผิวที่มักพบในแต่ละวัยได้ดังนี้

  • ช่วงวัย 20-30 ปี มีปัญหาผิวในเรื่องของสิวฮอร์โมน รูขุมขนกว้าง ผิวมัน สาเหตุเกิดจากฮอร์โมนยังไม่สมดุล  และการดูแลผิวไม่ดี 
  • ช่วงวัย 30-40 ปี ปัญหาหลักคือ ริ้วรอยเล็ก ๆ จุดด่างดำ ความหมองคล้ำ รูขุมขนกว้างมากขึ้น สาเหตุเกิดจาก การสร้างคอลลาเจนลดลง แสงแดดสะสม ความเครียด
  • ช่วงวัย 40-50 ปี ปัญหาหลักตือ ริ้วรอยลึก ผิวหย่อนคล้อย จุดด่างดำชัดเจน ผิวแห้ง สาเหตุเกิดจาก ฮอร์โมนเปลี่ยนแปลง การผลิตน้ำมันลดลง คอลลาเจนและอีลาสตินลดลง
  • ช่วงวัย 50 ปีขึ้นไป มักมีปัญหาผิวแห้งมาก ริ้วรอยลึก ผิวหย่อนคล้อยมาก ผิวบางและแพ้ง่าย สาเหตุมาจากฮอร์โมนต่ำ ระบบฟื้นฟูผิวช้าลง การสูญเสียไขมันใต้ผิว

สภาพผิวสามารถเปลี่ยนไปตามฤดูกาลจริงไหม ?

สภาพผิวสามารถเปลี่ยนไปตามฤดูกาลจริงไหม ?

สภาพผิวสามารถเปลี่ยนไปตามฤดูกาลได้จริง เพราะแต่ละฤดูมีสภาพอากาศและความชื้นที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน ส่งผลโดยตรงต่อความสมดุลและสุขภาพของผิวหน้าในแต่ละช่วงเวลา เช่น ในฤดูร้อนที่อากาศร้อนและความชื้นสูง ผิวจะผลิตน้ำมันมากขึ้น ทำให้ผิวมันง่ายและรูขุมขนอาจกว้างขึ้น อีกทั้งยังเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดสิวและการระคายเคืองจากแสงแดด ในขณะที่ฤดูหนาวที่อากาศแห้งและเย็น ผิวมักจะแห้งตึง ขาดความชุ่มชื้นจนทำให้เกิดอาการลอกและระคายเคืองได้ง่าย

นอกจากนี้ฤดูฝนที่มีความชื้นสูงมากเกินไป ก็สามารถทำให้ผิวเกิดความมันผสมแห้งและเพิ่มโอกาสการเกิดสิวจากแบคทีเรียที่เติบโตในสภาพแวดล้อมที่ชื้น การดูแลผิวให้เหมาะสมกับฤดูกาลจึงเป็นสิ่งสำคัญ เช่น การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงที่ให้ความชุ่มชื้นในฤดูหนาว หรือผลิตภัณฑ์ควบคุมความมันในฤดูร้อน เพื่อช่วยรักษาสมดุลผิวหน้าและป้องกันปัญหาผิวที่อาจเกิดขึ้นตามฤดูกาลต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

วิธีดูแลผิวและควรหลีกเลี่ยงอะไรบ้าง ? ไม่ให้เกิดปัญหาผิว

วิธีดูแลผิวและสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาผิวต่าง ๆ เช่น ผิวแห้ง แพ้ง่าย หรือเป็นสิว ได้อย่างง่าย ๆ ได้ดังนี้

วิธีดูแลผิวหน้าให้ดี 

  1. ทำความสะอาดผิวอย่างเหมาะสม ล้างหน้าวันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น ด้วยผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยน เหมาะกับสภาพผิว เพื่อขจัดความมัน สิ่งสกปรก และเครื่องสำอางที่ตกค้าง
  2. บำรุงผิวด้วยมอยส์เจอไรเซอร์ เลือกครีมหรือเซรั่มที่เติมความชุ่มชื้น ช่วยเสริมเกราะป้องกันผิวไม่ให้แห้งกร้าน และลดการระคายเคือง
  3. ใช้กันแดดทุกวัน ปกป้องผิวจากรังสียูวีซึ่งเป็นสาเหตุหลักของริ้วรอย จุดด่างดำ และความหมองคล้ำ เลือกกันแดดที่เหมาะกับกิจกรรมและสภาพผิว
  4. รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เน้นผัก ผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น วิตามินซี และอี ดื่มน้ำให้เพียงพอ เพื่อช่วยบำรุงผิวจากภายใน
  5. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ช่วงเวลานอนหลับเป็นเวลาที่ผิวซ่อมแซมตัวเอง การนอนน้อยทำให้ผิวหมองคล้ำและเกิดริ้วรอยเร็วขึ้น

สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง

  1. หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารเคมีรุนแรง หรือไม่เหมาะกับสภาพผิว เพราะอาจทำให้ผิวระคายเคืองหรือแพ้ได้ง่าย
  2. งดสัมผัสผิวหน้าบ่อย ๆ หรือแกะเกา เพราะจะทำให้แบคทีเรียเข้าสู่ผิวและเกิดสิวอักเสบ
  3. หลีกเลี่ยงการโดนแดดโดยไม่ป้องกัน เพราะแสงยูวีทำลายคอลลาเจนและเร่งการเกิดริ้วรอย
  4. งดสูบบุหรี่และลดการดื่มแอลกอฮอล์ เพราะส่งผลเสียต่อสุขภาพผิว ทำให้ผิวหมองคล้ำและแก่เร็ว
  5. ลดความเครียดและออกกำลังกายสม่ำเสมอ เพราะความเครียดมีผลให้ฮอร์โมนเปลี่ยนแปลงและกระตุ้นให้ผิวเกิดปัญหาได้

วิเคราะห์ผิวหน้าก่อนเลือกทำหัตถารด้วยทีมแพทย์ Lienjang

การเช็คสภาพผิวหน้าก่อนเลือกทำหัตถการเป็นขั้นตอนสำคัญ ที่ช่วยให้การดูแลผิวมีประสิทธิภาพและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น โดยทีมแพทย์จะใช้เทคโนโลยีวิเคราะห์ผิวที่มีแนวคิดในการวัด “ความสมดุล” และ “ความงาม” ของใบหน้าตามหลักสัดส่วนทองคำ (Golden Ratio) เช่น การตรวจสอบระดับความชุ่มชื้น ความมัน รูขุมขน สีผิว ฝ้า กระ จุดด่างดำ และความลึกของริ้วรอย เพื่อระบุปัญหาที่แท้จริงของผิวในแต่ละบุคคล 

พร้อมประเมินสภาพผิวอย่างครอบคลุม ไม่ว่าจะเป็นสภาพผิวมัน แห้ง แพ้ง่าย หรือผิวที่เคยผ่านการทำหัตถการมาก่อน การวิเคราะห์อย่างแม่นยำนี้ ช่วยให้แพทย์สามารถออกแบบแผนการรักษาและเลือกโปรแกรมหัตถการที่เหมาะสมกับผิวของแต่ละคนได้อย่างตรงจุด นอกจากนี้ การวิเคราะห์ผิวกับทีมแพทย์ Lienjang ยังช่วยป้องกันผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจากการเลือกทำหัตถการที่ไม่เหมาะสมกับสภาพผิว 

เมื่อรู้จักผิวของตัวเองอย่างแท้จริง ทีมแพทย์จะสามารถแนะนำโปรแกรมฟื้นฟูผิวหรือบำรุงผิวที่ตอบโจทย์ได้อย่างปลอดภัย และเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนยิ่งขึ้นในระยะยาว ถือเป็นจุดเด่นของ Lienjang Clinic ที่เน้นดูแลผิวแบบเฉพาะบุคคลด้วยมาตรฐานทางการแพทย์และความเชี่ยวชาญจากเกาหลีแท้ ๆ

เปลี่ยนหน้าโทรมให้ปัง! ด้วยการทำหัตถการที่ Lienjang

เปลี่ยนหน้าโทรมให้ปัง! ด้วยการทำหัตถการที่ Lienjang

เปลี่ยนหน้าโทรมให้กลับมาปังได้ง่าย ๆ ด้วยการทำหัตถการที่ Lienjang Clinic ซึ่งเป็นคลินิกดูแลผิวแบบครบวงจรที่นำเข้ามาตรฐานจากเกาหลี ทีมแพทย์จะวิเคราะห์สภาพผิวอย่างละเอียดก่อนเลือกโปรแกรมที่เหมาะสมกับปัญหาของแต่ละบุคคล ไม่ว่าจะเป็นผิวหมองคล้ำ ขาดน้ำ รูขุมขนกว้าง หรือริ้วรอยก่อนวัย Lienjang มีโปรแกรมหัตถการที่หลากหลาย ที่ช่วยให้ผิวกลับมากระจ่างใส ชุ่มชื้น และดูสดใสขึ้นในระยะเวลาอันรวดเร็ว

จุดเด่นของการทำหัตถการที่ Lienjang คือการดูแลแบบ “เฉพาะบุคคล” โดยทีมแพทย์ผิวหนังที่มีประสบการณ์ พร้อมเครื่องมือทันสมัยและผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรองจากเกาหลี การเปลี่ยนหน้าโทรมให้ดูสดใสแบบธรรมชาติ จึงไม่ใช่เรื่องยากเมื่อเลือกดูแลกับ Lienjang คลินิกที่เข้าใจผิวคุณอย่างแท้จริง หากสนใจเช็คสภาพผิวหน้าที่ ลีเอนจาง คลินิก สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Line Official Account : @Lienjangthailand

สรุป

คุณเห็นไหมว่า เช็คสภาพผิวหน้าและเข้าใจสภาพผิวหน้าของตัวเองนั้นสำคัญเพียงใด เพราะผิวแต่ละประเภทมีความต้องการและวิธีดูแลที่แตกต่างกัน หากเลือกทำหัตถการหรือใช้ผลิตภัณฑ์ไม่ตรงกับสภาพผิว ก็อาจทำให้ผลลัพธ์ไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง และบางครั้งอาจทำให้ผิวแย่ลงไปอีก ดังนั้น การเช็คสภาพผิวหน้าอย่างละเอียดก่อนเริ่มดูแลจึงเป็นก้าวแรกที่สำคัญสู่ผิวสวยสุขภาพดีในระยะยาว

ไม่ว่าคุณจะมีผิวมัน ผิวแห้ง ผิวผสม ผิวแพ้ง่าย หรือผิวธรรมดา การดูแลให้ถูกต้องและเหมาะสมกับผิวของตัวเอง จะช่วยให้หัตถการที่เลือกทำมีประสิทธิภาพ เห็นผลชัดเจนและรวดเร็วขึ้น พร้อมทั้งลดความเสี่ยงของผลข้างเคียงที่จะเกิดขึ้นได้ มาร่วมเช็คสภาพผิวหน้าไปด้วยกัน เพื่อสร้างพื้นฐานผิวที่แข็งแรงและสวยอย่างมั่นใจไปกับการดูแลผิวที่ตรงจุดที่สุด!

สอบถามปรึกษาแพทย์ฟรี

สอบถามปรึกษาแพทย์ฟรี