คุณเคยสงสัยไหมว่าทำไมบางคนทำหัตถการแล้วเห็นผลชัด แต่บางคนกลับไม่เปลี่ยนแปลงอย่างที่หวัง ? คำตอบอาจอยู่ที่ “การไม่รู้จักสภาพผิวของตัวเอง” บทความนี้จะพาคุณไปเช็คสภาพผิวหน้าแบบละเอียด เพื่อให้คุณเข้าใจว่าผิวของคุณต้องการการดูแลแบบไหน และเลือกทำหัตถการที่ตรงจุด ตอบโจทย์ได้จริง เห็นผลไวขึ้น!
หากคุณกำลังคิดจะเริ่มดูแลผิวอย่างจริงจัง หรือกำลังลังเลว่าจะทำทรีตเมนต์อะไรดี บทความนี้คือคำแนะนำที่ไม่ควรพลาด เพราะการรู้จักผิวของตัวเอง คือกุญแจสำคัญของการมีผิวสวยในระยะยาว อย่าปล่อยให้การดูแลผิวเป็นเพียงการเดา มาเช็คผิวอย่างมืออาชีพไปพร้อมกัน แล้วคุณจะเลือกหัตถการได้มั่นใจและเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนกว่าเดิม!
เช็คสภาพผิวหน้าตนเอง ดีอย่างไร ? ขั้นตอนแรกสู่การมีผิวสวย
การเช็คสภาพผิวหน้าตนเองเป็นขั้นตอนสำคัญที่จะช่วยให้เราเข้าใจถึงความต้องการเฉพาะของผิวแต่ละประเภท ไม่ว่าจะเป็นผิวมัน ผิวแห้ง ผิวผสม หรือผิวแพ้ง่าย การรู้จักประเภทผิวอย่างถูกต้องจะช่วยให้เราสามารถเลือกผลิตภัณฑ์บำรุงผิว และวิธีการดูแลที่เหมาะสมได้มากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ การเช็คสภาพผิวยังสามารถช่วยให้เราติดตามการเปลี่ยนแปลงของสภาพผิวได้ในแต่ละช่วงวัยหรือฤดูกาล เช่น ผิวอาจจะแห้งลงในหน้าหนาว หรือมันมากขึ้นเมื่อเข้าสู่ช่วงที่อากาศร้อน การรู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ทำให้เราสามารถปรับการดูแลผิวได้อย่างเหมาะสม ช่วยชะลอริ้วรอย ป้องกันปัญหาผิวลุกลาม และส่งเสริมให้ผิวดูสุขภาพดีในระยะยาวอย่างแท้จริง
มาทำความรู้จักกับผิวหน้า 5 ประเภทกันก่อน
มาทำความรู้จักกับสภาพผิวหน้า 5 ประเภทหลัก ที่แต่ละคนอาจมีแตกต่างกัน ซึ่งการรู้ประเภทผิวของตัวเอง จะช่วยให้สามารถเลือกวิธีดูแลผิวและวิธีเลือกทำหัตถการได้อย่างตรงจุด ดังนี้
ผิวมัน (Oily skin)
Body – ผิวมันคือสภาพผิวที่มีการผลิตน้ำมัน (ซีบัม) มากกว่าปกติ โดยเฉพาะบริเวณ T-Zone ได้แก่ หน้าผาก จมูก และคาง ทำให้ผิวหน้าดูเงามันตลอดวัน รูขุมขนกว้าง และมีแนวโน้มเกิดสิว สิวอุดตัน หรือสิวอักเสบได้ง่ายกว่าสภาพผิวอื่น เนื่องจากน้ำมันส่วนเกินสามารถอุดตันรูขุมขนและดึงดูดสิ่งสกปรกหรือแบคทีเรียได้ง่าย แม้ผิวมันจะดูเป็นปัญหาในแง่ของความสะอาดและสิว แต่ก็มีข้อดี คือ ผิวมักดูอิ่มฟู ชุ่มชื้น และมีแนวโน้มเกิดริ้วรอยช้ากว่าคนผิวแห้ง
ผิวแห้ง (Dry skin)
Body – ผิวแห้งคือสภาพผิวที่มีความชุ่มชื้นต่ำ และต่อมไขมันผลิตน้ำมันได้น้อยกว่าปกติ ทำให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้นได้ง่าย ลักษณะเด่นของผิวแห้งคือ ผิวลอกเป็นขุย รู้สึกตึง ผิวไม่เรียบเนียน และอาจระคายเคืองง่าย โดยเฉพาะในสภาพอากาศหนาวเย็น หรืออยู่ในห้องแอร์เป็นเวลานาน ซึ่งจะยิ่งทำให้ผิวแห้งมากขึ้น การดูแลผิวแห้งควรเน้นไปที่ การเติมและกักเก็บความชุ่มชื้น
ผิวผสม (Combination skin)
ผิวผสมคือสภาพผิวที่มีทั้งความมันและความแห้งอยู่บนใบหน้าพร้อมกัน โดยทั่วไปแล้วจะพบว่าบริเวณ T-Zone (หน้าผาก จมูก และคาง) มีความมันง่าย รูขุมขนกว้าง และอาจเกิดสิวได้ ส่วนบริเวณ แก้มและรอบดวงตา มักแห้ง ลอก หรือตึงได้ง่าย ทำให้การดูแลผิวผสมต้องใส่ใจเป็นพิเศษและเลือกผลิตภัณฑ์อย่างระมัดระวัง การดูแลผิวผสมควรเน้นความสมดุลเป็นหลัก โดยเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีเนื้อบางเบา
ผิวแพ้ง่าย (Sensitive skin)
ผิวแพ้ง่ายคือสภาพผิวที่มีแนวโน้มเกิดการระคายเคืองหรืออักเสบได้ง่ายกว่าผิวประเภทอื่น มักมีอาการ แสบ แดง คัน ลอก หรือเป็นผื่น เมื่อสัมผัสกับสารกระตุ้น เช่น น้ำหอม แอลกอฮอล์ สารกันเสีย มลภาวะ หรือแม้กระทั่งการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิและสภาพอากาศ ผิวแพ้ง่ายมักมีเกราะป้องกันผิวที่อ่อนแอ ทำให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้นได้เร็วและไวต่อการระคายเคือง การดูแลผิวแพ้ง่ายควรเน้นไปที่ความ อ่อนโยนและเสริมเกราะป้องกันผิวให้แข็งแรงขึ้น
ผิวปกติ (Normal skin)
ผิวธรรมดาเป็นสภาพผิวที่หลายคนใฝ่ฝัน เพราะมีความสมดุลทั้งในด้านความชุ่มชื้นและการผลิตน้ำมันใต้ผิว ไม่มันเกินไปและไม่แห้งเกินไป รูขุมขนกระชับ ผิวดูเรียบเนียน เปล่งปลั่ง ไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องสิว ผดผื่น หรืออาการระคายเคือง จึงเป็นผิวที่ดูแลง่ายและตอบสนองต่อผลิตภัณฑ์บำรุงผิวได้ดี แม้จะเป็นผิวที่ดูแข็งแรงและมีปัญหาน้อย แต่ก็ไม่ควรละเลยการดูแล ผิวธรรมดายังต้องการการบำรุงให้คงความสมดุลไว้เสมอ
เช็คสภาพผิวหน้ายังไง ? ต้องดูยังไง ?
การเลือกหัตถการหรือวิธีดูแลผิวที่เหมาะสมกับผิวหน้าของตัวเอง ต้องเริ่มจากการวิเคราะห์ปัญหาผิวอย่างละเอียด เพื่อให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและปลอดภัย ดังนี้คือวิธีเช็คผิวหน้าตัวเองและปัญหาผิวเบื้องต้น
สังเกตผิวหย่อนคล้อย ริ้วรอย และขาดความกระชับ
มักเกิดขึ้นจากการเสื่อมของคอลลาเจนและอีลาสตินใต้ผิวหนัง ซึ่งสามารถสังเกตได้จากลักษณะภายนอกของผิว เช่น กรอบหน้าไม่ชัด แก้มตก มีเหนียงใต้คาง หรือผิวบริเวณขมับและหน้าผากดูแบนลง อีกสัญญาณที่ชัดเจนคือการปรากฏของริ้วรอยชัดเจนขึ้น โดยเฉพาะเมื่อยิ้มหรือแสดงสีหน้า เช่น รอยตีนกา ร่องแก้ม หรือรอยย่นหน้าผาก และเมื่อเวลาผ่านไป ริ้วรอยเหล่านี้อาจคงอยู่แม้ไม่ได้ขยับหน้า ซึ่งเป็นสัญญาณของผิวที่เริ่มขาดความยืดหยุ่นและความกระชับ
นอกจากนี้ ผิวที่ขาดความกระชับมักจะมีความยืดหยุ่นลดลง สังเกตได้จากการหยิบผิวเบา ๆ แล้วปล่อย หากผิวไม่คืนตัวทันที หรือรู้สึกว่าผิวบางลง ดูแห้งกร้าน และขาดความยืดหยุ่น นั่นอาจหมายถึงผิวเริ่มเสื่อมสภาพ การดูแลผิวประเภทนี้ควรเน้นการฟื้นฟูจากภายใน การกระตุ้นคอลลาเจน เพื่อช่วยคืนความกระชับ ความเต่งตึง และลดเลือนริ้วรอยให้ดูอ่อนเยาว์ขึ้นอีกครั้ง
อ่านบทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับ : รวม 15 วิธีแก้ปัญหาหน้าหย่อนคล้อย แบบธรรมชาติและแบบเร่งด่วน
สังเกตผิวหมองคล้ำ ไม่สดใส รอยดำ รอยแดงจากสิว
การเช็คสภาพผิวหน้าของคุณกำลังมีปัญหาหมองคล้ำ ไม่สดใส สามารถเริ่มได้จากการดูความเปล่งปลั่งของผิวเมื่อต้องแสงธรรมชาติ หากผิวดูหม่น ดูเทา หรือคล้ำลงกว่าปกติ โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับผิวบริเวณลำคอ หรือดูโทรมแม้พักผ่อนเพียงพอ นั่นอาจเป็นสัญญาณว่าผิวกำลังขาดความชุ่มชื้น ขาดการผลัดเซลล์ผิว หรือได้รับผลกระทบจากแสงแดดและมลภาวะ
นอกจากนี้ ผิวที่แต่งหน้าไม่ติด ผิวแห้งหรือมันไม่สมดุล ก็ล้วนเป็นตัวบ่งบอกว่าผิวเริ่มอ่อนล้าและต้องการการฟื้นฟู สำหรับรอยดำและรอยแดงจากสิว มักปรากฏให้เห็นหลังจากที่สิวหาย โดย รอยแดง เกิดจากการอักเสบที่ยังไม่สมานดี ส่วนรอยดำ เกิดจากเม็ดสีเมลานินที่ถูกกระตุ้นหลังการอักเสบ โดยรอยเหล่านี้มักจะอยู่ได้นานหลายสัปดาห์หรือเป็นเดือน หากไม่ได้รับการดูแลที่เหมาะสม การสังเกตว่าผิวเริ่มมีรอยเหล่านี้มากขึ้น หรือจางลงช้ากว่าปกติ อาจหมายถึงระบบฟื้นฟูผิวไม่ทำงานได้เต็มที่
อ่านบทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับ : บอกลาผิวหมองคล้ำ! มารับผิวใสฉ่ำกับ The Exo Repair Skin
สังเกตรูขุมขนกว้าง มีสิวอุดตันหรือสิวอักเสบ
การสังเกตรูขุมขนกว้างสามารถเริ่มจากการส่องกระจกในแสงธรรมชาติหรือแสงขาวจ้า โดยเฉพาะบริเวณทีโซน (หน้าผาก จมูก คาง) หรือบริเวณแก้มข้างจมูก หากเห็นรูเล็ก ๆ บนผิวที่มีลักษณะเป็นจุด ๆ ชัดเจน หรือรู้สึกว่าผิวสัมผัสไม่เรียบเนียนเมื่อใช้มือสัมผัส นั่นคือสัญญาณของรูขุมขนที่กว้างขึ้น ซึ่งมักเกิดจากความมันส่วนเกิน การสะสมของสิ่งสกปรก หรือคอลลาเจนใต้ผิวเริ่มเสื่อมสภาพ ทำให้ผิวขาดความยืดหยุ่นและรูขุมขนเปิดกว้างถาวรได้ง่ายขึ้น
สำหรับการสังเกตสิวอุดตันหรือสิวอักเสบ ให้ดูว่ามีตุ่มนูนเล็ก ๆ ใต้ผิวหนังหรือไม่ โดยสิวอุดตันมักเป็นหัวขาว หรือหัวดำ ซึ่งเกิดจากการอุดตันของไขมันและเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ขณะที่สิวอักเสบจะมีลักษณะเป็นตุ่มแดง บวม และเจ็บ เมื่อสัมผัสอาจรู้สึกปวดร่วมด้วย ถ้าปล่อยไว้นานโดยไม่ได้รับการดูแลที่ถูกต้อง อาจทำให้สิวลุกลามหรือทิ้งรอยแดงและรอยดำไว้ได้ การสังเกตและรักษาตั้งแต่ระยะเริ่มต้นจึงช่วยลดความเสียหายต่อผิวหน้าและป้องกันการเกิดซ้ำได้ในระยะยาว
อ่านบทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับ : 5 วิธีกระชับรูขุมขนกว้าง ให้กลับมาหน้าเนียนใสได้จริง
สังเกตผิวแห้ง ขาดน้ำ และมีริ้วรอยเล็ก ๆ
การสังเกตว่าผิวหน้าแห้ง ขาดน้ำ และเริ่มมีริ้วรอยเล็ก ๆ สามารถดูได้จาก “ลักษณะพื้นผิว” และ “ความรู้สึกหลังล้างหน้า” หากรู้สึกว่าผิวตึง แห้งกร้าน ลอกเป็นขุย หรือแต่งหน้าไม่ติดในบางจุด นั่นคือสัญญาณของผิวที่ขาดความชุ่มชื้น นอกจากนี้ผิวที่ดูหมอง ไม่มีความฉ่ำน้ำ หรือสัมผัสแล้วรู้สึกหยาบไม่เรียบเนียน ก็เป็นสิ่งบอกว่าผิวกำลังขาดน้ำอย่างชัดเจน ซึ่งอาจเกิดได้จากการใช้ผลิตภัณฑ์ที่แรงเกินไป การอยู่ในห้องแอร์เป็นเวลานาน หรือการดื่มน้ำน้อย
อีกจุดที่สังเกตได้ง่ายคือการเริ่มมีริ้วรอยเล็ก ๆ โดยเฉพาะบริเวณหางตา ร่องแก้ม หรือหน้าผาก ซึ่งมักเกิดขึ้นในช่วงที่ผิวแห้งสะสมเป็นเวลานาน ทำให้ผิวสูญเสียความยืดหยุ่นและความตึงตัว เมื่อแสดงสีหน้าก็จะเกิดเส้นริ้วชัดขึ้น และอาจไม่หายไปแม้พักผ่อนดีแล้ว ผิวประเภทนี้ควรได้รับการเติมความชุ่มชื้นจากทั้งภายในและภายนอก เพื่อคืนความเนียนนุ่มและลดโอกาสการเกิดริ้วรอยในอนาคต
อ่านบทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับ : เช็คด่วน! 5 สัญญาณเตือน ผิวขาดน้ำ ขาดความชุ่มชื้น
สังเกตผิวแพ้ง่าย แดงง่าย ระคายเคืองง่าย
การสังเกตว่าตนเองมีผิวแพ้ง่ายสามารถเริ่มจากการดู “อาการที่เกิดซ้ำ ๆ” หลังใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหรืออยู่ในสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไป เช่น ผิวมักมีอาการแสบ แดง ร้อนผ่าว หรือคันทันทีหลังใช้ครีมบางชนิด โฟมล้างหน้า หรือเมื่อสัมผัสแดด ลม ฝุ่น หรืออากาศแห้ง แม้ผลิตภัณฑ์เหล่านั้นจะอ่อนโยนต่อผิวทั่วไปก็ตาม ผิวแพ้ง่ายมักมีเกราะป้องกันผิวที่อ่อนแอกว่าปกติ ทำให้ไวต่อสารกระตุ้นและเกิดการระคายเคืองได้ง่ายกว่าผิวประเภทอื่น
อีกหนึ่งลักษณะคือ ผิวมักจะดูบาง แห้ง หรือลอกเป็นขุย และมีรอยแดงขึ้นบ่อยตามบริเวณแก้ม ข้างจมูก หรือรอบปาก โดยอาจไม่มีสิวขึ้น แต่ผิวดูไม่เรียบเนียน มีจุดหรือผื่นเล็ก ๆ ปรากฏขึ้นเมื่อถูกกระตุ้น เช่น หลังอาบน้ำอุ่น หรือเปลี่ยนผลิตภัณฑ์ใหม่ หากมีลักษณะดังกล่าวเกิดขึ้นซ้ำ ๆ ควรหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีแอลกอฮอล์ น้ำหอม หรือกรดผลไม้ และควรหันมาใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสูตรอ่อนโยน พร้อมเสริมเกราะปกป้องผิว
อ่านบทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับ : หมดปัญหาผิวแพ้ง่าย กู้ผิวให้แข็งแรงแบบฉบับลีเอนจาง
เช็คสภาพผิวหน้าแล้ว เลือกทำหัตถการไหนดี ?
การเลือกหัตถการที่เหมาะสมกับปัญหาผิวของแต่ละคน ควรอิงตามสภาพผิวและปัญหาหลักที่ต้องการแก้ไข เพื่อให้เห็นผลลัพธ์ชัดเจนและปลอดภัยที่สุด ตัวอย่างการเลือกหัตถการที่เหมาะกับปัญหาผิวต่าง ๆ มีดังนี้
- ผิวแห้ง ขาดน้ำ ดูโทรม ไม่สดใส หัตถการที่แนะนำ โปรแกรม CHANALS Advance Serum เพิ่มความชุ่มชื้นจากภายใน ผิวฉ่ำน้ำ ดูเปล่งปลั่งทันทีหลังทำ และโปรแกรม IV Drip วิตามินผิว บูสต์พลังผิว ฟื้นฟูจากภายใน ให้ผิวกลับมาสดใสเร็วขึ้น
- รูขุมขนกว้าง ผิวไม่เรียบเนียน หัตถการที่แนะนำโปรแกรม Morpheus8 / โปรแกรม Inmode กระชับรูขุมขน ยกผิวแน่นขึ้น ฟื้นฟูผิวลึกระดับชั้นไขมัน และโปรแกรม Juvelook กระตุ้นการซ่อมแซมเซลล์ ฟื้นฟูให้ผิวเนียนละเอียดขึ้น
- มีริ้วรอยเล็ก ๆ ร่องลึก ผิวเริ่มหย่อน หัตถการที่แนะนำ โปรแกรม Botox ลดริ้วรอย / Ultraformer III ยกผิวให้เต่งตึง ลดร่องลึกโดยไม่ต้องผ่าตัด และโปรแกรม Filler เติมร่องแก้ม ใต้ตา หน้าผาก ช่วยให้ใบหน้าเด็กลงทันที
- ผิวแพ้ง่าย ระคายเคืองง่าย แดงง่าย หัตถการที่แนะนำ โปรแกรม Exo Phyto Serum Series 2 เสริมเกราะปกป้องผิว ลดการอักเสบและระคายเคือง และโปรแกรม Rejuran ฟื้นฟูโครงสร้างผิวให้แข็งแรงจากภายใน
- มีปัญหาสิว รอยสิว ผิวมัน หัตถการที่แนะนำ โปรแกรม K-Star Dewy มีคุณประโยชน์ช่วยให้ผิวของคุณดูใสและกระจ่างขึ้น พร้อมเพิ่มความแข็บงแรงให้กับผิว ลดสาเหตุการเกิดสิว และรอยจากสิว
เช็คอายุผิวหน้า และปัญหาผิวหน้าแต่ละช่วงวัย
ปัญหาผิวหน้าที่เจอในแต่ละช่วงวัยจะมีลักษณะและสาเหตุแตกต่างกันไปตามกระบวนการเสื่อมสภาพของผิวและพฤติกรรมการดูแลตัวเอง ลองดูภาพรวมปัญหาผิวที่มักพบในแต่ละวัยได้ดังนี้
- ช่วงวัย 20-30 ปี มีปัญหาผิวในเรื่องของสิวฮอร์โมน รูขุมขนกว้าง ผิวมัน สาเหตุเกิดจากฮอร์โมนยังไม่สมดุล และการดูแลผิวไม่ดี
- ช่วงวัย 30-40 ปี ปัญหาหลักคือ ริ้วรอยเล็ก ๆ จุดด่างดำ ความหมองคล้ำ รูขุมขนกว้างมากขึ้น สาเหตุเกิดจาก การสร้างคอลลาเจนลดลง แสงแดดสะสม ความเครียด
- ช่วงวัย 40-50 ปี ปัญหาหลักตือ ริ้วรอยลึก ผิวหย่อนคล้อย จุดด่างดำชัดเจน ผิวแห้ง สาเหตุเกิดจาก ฮอร์โมนเปลี่ยนแปลง การผลิตน้ำมันลดลง คอลลาเจนและอีลาสตินลดลง
- ช่วงวัย 50 ปีขึ้นไป มักมีปัญหาผิวแห้งมาก ริ้วรอยลึก ผิวหย่อนคล้อยมาก ผิวบางและแพ้ง่าย สาเหตุมาจากฮอร์โมนต่ำ ระบบฟื้นฟูผิวช้าลง การสูญเสียไขมันใต้ผิว
สภาพผิวสามารถเปลี่ยนไปตามฤดูกาลจริงไหม ?
สภาพผิวสามารถเปลี่ยนไปตามฤดูกาลได้จริง เพราะแต่ละฤดูมีสภาพอากาศและความชื้นที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน ส่งผลโดยตรงต่อความสมดุลและสุขภาพของผิวหน้าในแต่ละช่วงเวลา เช่น ในฤดูร้อนที่อากาศร้อนและความชื้นสูง ผิวจะผลิตน้ำมันมากขึ้น ทำให้ผิวมันง่ายและรูขุมขนอาจกว้างขึ้น อีกทั้งยังเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดสิวและการระคายเคืองจากแสงแดด ในขณะที่ฤดูหนาวที่อากาศแห้งและเย็น ผิวมักจะแห้งตึง ขาดความชุ่มชื้นจนทำให้เกิดอาการลอกและระคายเคืองได้ง่าย
นอกจากนี้ฤดูฝนที่มีความชื้นสูงมากเกินไป ก็สามารถทำให้ผิวเกิดความมันผสมแห้งและเพิ่มโอกาสการเกิดสิวจากแบคทีเรียที่เติบโตในสภาพแวดล้อมที่ชื้น การดูแลผิวให้เหมาะสมกับฤดูกาลจึงเป็นสิ่งสำคัญ เช่น การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงที่ให้ความชุ่มชื้นในฤดูหนาว หรือผลิตภัณฑ์ควบคุมความมันในฤดูร้อน เพื่อช่วยรักษาสมดุลผิวหน้าและป้องกันปัญหาผิวที่อาจเกิดขึ้นตามฤดูกาลต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
วิธีดูแลผิวและควรหลีกเลี่ยงอะไรบ้าง ? ไม่ให้เกิดปัญหาผิว
วิธีดูแลผิวและสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาผิวต่าง ๆ เช่น ผิวแห้ง แพ้ง่าย หรือเป็นสิว ได้อย่างง่าย ๆ ได้ดังนี้
วิธีดูแลผิวหน้าให้ดี
- ทำความสะอาดผิวอย่างเหมาะสม ล้างหน้าวันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น ด้วยผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยน เหมาะกับสภาพผิว เพื่อขจัดความมัน สิ่งสกปรก และเครื่องสำอางที่ตกค้าง
- บำรุงผิวด้วยมอยส์เจอไรเซอร์ เลือกครีมหรือเซรั่มที่เติมความชุ่มชื้น ช่วยเสริมเกราะป้องกันผิวไม่ให้แห้งกร้าน และลดการระคายเคือง
- ใช้กันแดดทุกวัน ปกป้องผิวจากรังสียูวีซึ่งเป็นสาเหตุหลักของริ้วรอย จุดด่างดำ และความหมองคล้ำ เลือกกันแดดที่เหมาะกับกิจกรรมและสภาพผิว
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เน้นผัก ผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น วิตามินซี และอี ดื่มน้ำให้เพียงพอ เพื่อช่วยบำรุงผิวจากภายใน
- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ช่วงเวลานอนหลับเป็นเวลาที่ผิวซ่อมแซมตัวเอง การนอนน้อยทำให้ผิวหมองคล้ำและเกิดริ้วรอยเร็วขึ้น
สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง
- หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารเคมีรุนแรง หรือไม่เหมาะกับสภาพผิว เพราะอาจทำให้ผิวระคายเคืองหรือแพ้ได้ง่าย
- งดสัมผัสผิวหน้าบ่อย ๆ หรือแกะเกา เพราะจะทำให้แบคทีเรียเข้าสู่ผิวและเกิดสิวอักเสบ
- หลีกเลี่ยงการโดนแดดโดยไม่ป้องกัน เพราะแสงยูวีทำลายคอลลาเจนและเร่งการเกิดริ้วรอย
- งดสูบบุหรี่และลดการดื่มแอลกอฮอล์ เพราะส่งผลเสียต่อสุขภาพผิว ทำให้ผิวหมองคล้ำและแก่เร็ว
- ลดความเครียดและออกกำลังกายสม่ำเสมอ เพราะความเครียดมีผลให้ฮอร์โมนเปลี่ยนแปลงและกระตุ้นให้ผิวเกิดปัญหาได้
วิเคราะห์ผิวหน้าก่อนเลือกทำหัตถารด้วยทีมแพทย์ Lienjang
การเช็คสภาพผิวหน้าก่อนเลือกทำหัตถการเป็นขั้นตอนสำคัญ ที่ช่วยให้การดูแลผิวมีประสิทธิภาพและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น โดยทีมแพทย์จะใช้เทคโนโลยีวิเคราะห์ผิวที่มีแนวคิดในการวัด “ความสมดุล” และ “ความงาม” ของใบหน้าตามหลักสัดส่วนทองคำ (Golden Ratio) เช่น การตรวจสอบระดับความชุ่มชื้น ความมัน รูขุมขน สีผิว ฝ้า กระ จุดด่างดำ และความลึกของริ้วรอย เพื่อระบุปัญหาที่แท้จริงของผิวในแต่ละบุคคล
พร้อมประเมินสภาพผิวอย่างครอบคลุม ไม่ว่าจะเป็นสภาพผิวมัน แห้ง แพ้ง่าย หรือผิวที่เคยผ่านการทำหัตถการมาก่อน การวิเคราะห์อย่างแม่นยำนี้ ช่วยให้แพทย์สามารถออกแบบแผนการรักษาและเลือกโปรแกรมหัตถการที่เหมาะสมกับผิวของแต่ละคนได้อย่างตรงจุด นอกจากนี้ การวิเคราะห์ผิวกับทีมแพทย์ Lienjang ยังช่วยป้องกันผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจากการเลือกทำหัตถการที่ไม่เหมาะสมกับสภาพผิว
เมื่อรู้จักผิวของตัวเองอย่างแท้จริง ทีมแพทย์จะสามารถแนะนำโปรแกรมฟื้นฟูผิวหรือบำรุงผิวที่ตอบโจทย์ได้อย่างปลอดภัย และเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนยิ่งขึ้นในระยะยาว ถือเป็นจุดเด่นของ Lienjang Clinic ที่เน้นดูแลผิวแบบเฉพาะบุคคลด้วยมาตรฐานทางการแพทย์และความเชี่ยวชาญจากเกาหลีแท้ ๆ
เปลี่ยนหน้าโทรมให้ปัง! ด้วยการทำหัตถการที่ Lienjang
เปลี่ยนหน้าโทรมให้กลับมาปังได้ง่าย ๆ ด้วยการทำหัตถการที่ Lienjang Clinic ซึ่งเป็นคลินิกดูแลผิวแบบครบวงจรที่นำเข้ามาตรฐานจากเกาหลี ทีมแพทย์จะวิเคราะห์สภาพผิวอย่างละเอียดก่อนเลือกโปรแกรมที่เหมาะสมกับปัญหาของแต่ละบุคคล ไม่ว่าจะเป็นผิวหมองคล้ำ ขาดน้ำ รูขุมขนกว้าง หรือริ้วรอยก่อนวัย Lienjang มีโปรแกรมหัตถการที่หลากหลาย ที่ช่วยให้ผิวกลับมากระจ่างใส ชุ่มชื้น และดูสดใสขึ้นในระยะเวลาอันรวดเร็ว
จุดเด่นของการทำหัตถการที่ Lienjang คือการดูแลแบบ “เฉพาะบุคคล” โดยทีมแพทย์ผิวหนังที่มีประสบการณ์ พร้อมเครื่องมือทันสมัยและผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรองจากเกาหลี การเปลี่ยนหน้าโทรมให้ดูสดใสแบบธรรมชาติ จึงไม่ใช่เรื่องยากเมื่อเลือกดูแลกับ Lienjang คลินิกที่เข้าใจผิวคุณอย่างแท้จริง หากสนใจเช็คสภาพผิวหน้าที่ ลีเอนจาง คลินิก สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Line Official Account : @Lienjangthailand
สรุป
คุณเห็นไหมว่า เช็คสภาพผิวหน้าและเข้าใจสภาพผิวหน้าของตัวเองนั้นสำคัญเพียงใด เพราะผิวแต่ละประเภทมีความต้องการและวิธีดูแลที่แตกต่างกัน หากเลือกทำหัตถการหรือใช้ผลิตภัณฑ์ไม่ตรงกับสภาพผิว ก็อาจทำให้ผลลัพธ์ไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง และบางครั้งอาจทำให้ผิวแย่ลงไปอีก ดังนั้น การเช็คสภาพผิวหน้าอย่างละเอียดก่อนเริ่มดูแลจึงเป็นก้าวแรกที่สำคัญสู่ผิวสวยสุขภาพดีในระยะยาว
ไม่ว่าคุณจะมีผิวมัน ผิวแห้ง ผิวผสม ผิวแพ้ง่าย หรือผิวธรรมดา การดูแลให้ถูกต้องและเหมาะสมกับผิวของตัวเอง จะช่วยให้หัตถการที่เลือกทำมีประสิทธิภาพ เห็นผลชัดเจนและรวดเร็วขึ้น พร้อมทั้งลดความเสี่ยงของผลข้างเคียงที่จะเกิดขึ้นได้ มาร่วมเช็คสภาพผิวหน้าไปด้วยกัน เพื่อสร้างพื้นฐานผิวที่แข็งแรงและสวยอย่างมั่นใจไปกับการดูแลผิวที่ตรงจุดที่สุด!