บทความ

Article

7 สัญญาณเตือน! ถึงเวลาฉีดโบลดริ้วรอย คืนหน้าเด็ก
Facebook
X
Email

7 สัญญาณเตือน! ถึงเวลาฉีดโบลดริ้วรอย คืนหน้าเด็ก

หัวข้อที่น่าสนใจ

หากว่าคุณกำลังประสบปัญหาริ้วรอยอยู่ หรือกำลังมองหาวิธีลดเลือนริ้วรอยอยู่นั้น การฉีดโบลดริ้วรอยถือว่าเป็นวิธีที่แก้ไขปัญหาริ้วรอยได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุดและเป็นแนวทางที่คุณไม่ควรพลาด! เพราะการฉีดโบท็อกซ์ไม่เพียงแต่ช่วยให้ใบหน้าของคุณเรียบเนียนไร้ริ้วรอย แต่ยังมีประโยชน์มากมายที่คุณอาจยังไม่รู้ รวมไปถึงยังเป็นวิธีที่เห็นผลลัพธ์ได้อย่างชัดเจนและรวดเร็ว ที่สามารถคืนความอ่อนเยาว์ให้กับใบหน้าได้ภายในไม่กี่อาทิตย์

ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปสำรวจทุกอย่างเกี่ยวกับริ้วรอย ตั้งแต่สาเหตุของการเกิดริ้วร้อย ลักษณะที่บ่งบอกถึงริ้วรอย รวมไปถึงวิธีลดเลือนริ้วรอยฉบับลีเอนจาง ที่จะช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับคุณและมอบใบหน้าที่เนียนใส ไร้ริ้วรอย ดังนั้นอย่ารอช้า! มาอ่านบทความนี้และเตรียมพบกับเคล็ดลับในการดูแลความงามที่คุณจะไม่อยากพลาด!

ฉีดโบลดริ้วรอย คืออะไร ?

การฉีดโบลดริ้วรอย (Botox for wrinkle reduction) คือการใช้สารโบทูลินัมท็อกซินชนิดเอ (Botulinum Toxin Type A) ซึ่งเป็นสารที่ช่วยลดการหดตัวของกล้ามเนื้อที่ทำให้เกิดริ้วรอยบนใบหน้า เมื่อฉีดโบท็อกซ์เข้าไปในกล้ามเนื้อบริเวณที่มีริ้วรอย และการฉีดโบลดริ้วรอยมักใช้เพื่อจัดการริ้วรอยแบบ Dynamic wrinkles คือริ้วรอยที่เกิดจากการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อ จะทำให้กล้ามเนื้อบริเวณนั้นคลายตัว ส่งผลให้ริ้วรอยดูเรียบเนียนขึ้นและทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์

อ่านบทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับ : โบท็อกซ์ริ้วรอย

โบท็อกซ์ช่วยลดริ้วรอยได้อย่างไร ?

โบท็อกซ์ช่วยลดริ้วรอยได้อย่างไร ?

หลักการทำงานของโบท็อกซ์ในการลดริ้วรอยเกิดจากการยับยั้งการทำงานของการหลั่งสารอะเซทิลโคลีน (Acetylcholine) ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทที่กระตุ้นการหดตัวของกล้ามเนื้อ ที่ส่งสัญญาณจากเส้นประสาทไปยังกล้ามเนื้อ เมื่อกล้ามเนื้อไม่ได้รับสัญญาณให้หดตัว กล้ามเนื้อจะอยู่ในสภาวะผ่อนคลายและจะหยุดการหดตัว ส่งผลให้ริ้วรอยที่เกิดจากการเคลื่อนไหวซ้ำ ๆ ของกล้ามเนื้อดูจางลงและผิวเรียบเนียนขึ้น โบท็อกซ์จะใช้กับริ้วรอยที่เรียกว่า ริ้วรอยจากการเคลื่อนไหว (Dynamic wrinkles) ซึ่งมักเกิดในบริเวณที่มีการเคลื่อนไหวกล้ามเนื้อบ่อย ๆ เช่น หน้าผาก รอบดวงตา และระหว่างคิ้ว

ริ้วรอยบนใบหน้า เกิดจากอะไร ?

ริ้วรอยบนใบหน้าเกิดจากหลายปัจจัย ทั้งภายในและภายนอก โดยหลัก ๆ มีปัจจัยดังนี้

  1. อายุ (Aging) เมื่ออายุมากขึ้น กระบวนการผลิตคอลลาเจนและอีลาสตินในผิวจะลดลง ทำให้ผิวสูญเสียความยืดหยุ่นและความกระชับ ส่งผลให้เกิดริ้วรอยและร่องลึก
  2. การเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อ (Facial Expressions) การขยับกล้ามเนื้อบนใบหน้า เช่น การยิ้ม ขมวดคิ้ว หรือเลิกคิ้วซ้ำ ๆ ทำให้เกิดริ้วรอยแบบ Dynamic wrinkles
  3. การสัมผัสกับแสงแดด (Sun Exposure) รังสีอัลตราไวโอเลต (UV) จากแสงแดดทำให้ผิวหนังสูญเสียคอลลาเจนและเกิดความเสียหายลึกลงไปในชั้นผิว ทำให้เกิดริ้วรอยก่อนวัย รวมถึงจุดด่างดำและผิวหมองคล้ำ
  4. การสูบบุหรี่ (Smoking) สารเคมีในบุหรี่ทำลายคอลลาเจนและอีลาสตินในผิว ส่งผลให้ผิวแห้งและเกิดริ้วรอย นอกจากนี้ การสูบบุหรี่ยังลดการไหลเวียนของเลือด ทำให้ผิวขาดออกซิเจนและสารอาหารที่จำเป็น
  5. การนอนหลับไม่เพียงพอ (Lack of Sleep) การนอนหลับไม่เพียงพอทำให้กระบวนการฟื้นฟูผิวไม่สมบูรณ์ ส่งผลให้ผิวแห้ง หมองคล้ำ และเกิดริ้วรอยง่ายขึ้น
  6. ความเครียด (Stress) ความเครียดทำให้ร่างกายผลิตฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) ซึ่งสามารถทำลายคอลลาเจนในผิว และยังทำให้ผิวดูเหนื่อยล้าและเกิดริ้วรอย
  7. การขาดน้ำ (Dehydration) ผิวที่ขาดน้ำจะสูญเสียความยืดหยุ่นและแห้ง ทำให้เกิดริ้วรอยและร่องลึกได้ง่าย นอกจากนี้การดูแลผิวที่ไม่เหมาะสม เช่น การไม่ทาครีมกันแดดหรือใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะกับสภาพผิว ก็ทำให้ผิวเสียหายและเกิดริ้วรอยได้เร็วขึ้น
  8. พันธุกรรม (Genetics) ปัจจัยทางพันธุกรรมมีบทบาทสำคัญต่อการเกิดริ้วรอย ซึ่งบางคนอาจมีแนวโน้มที่จะเกิดริ้วรอยเร็วกว่าเพราะปัจจัยทางกรรมพันธุ์

การมีริ้วรอยบนใบหน้าส่งผลเสียอย่างไร ?

การมีริ้วรอยบนใบหน้าอาจส่งผลเสียทั้งในด้านความงามและความมั่นใจ รวมถึงเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงสุขภาพของผิวที่อาจเสื่อมสภาพได้ และผลเสียที่เกิดจากการมีริ้วรอยบนใบหน้ามีดังนี้

  1. ส่งผลต่อความงามและบุคลิกภาพ : ริ้วรอยทำให้ใบหน้าดูมีอายุมากขึ้น ส่งผลให้บุคลิกภาพและภาพลักษณ์โดยรวมดูเหนื่อยล้าและเสื่อมโทรม แม้ในคนที่มีสุขภาพดี รวมถึงผิวที่มีริ้วรอยจะไม่เรียบเนียน ส่งผลให้เครื่องสำอางอาจไม่ติดทนและไม่เรียบเนียน ทำให้แต่งหน้าได้ยากขึ้น
  2. ลดความมั่นใจในตนเอง : ริ้วรอยสามารถทำให้คนรู้สึกไม่มั่นใจในรูปลักษณ์ของตนเอง บางคนอาจรู้สึกว่าตนเองดูไม่สดใสหรือมีความน่าดึงดูดน้อยลง ส่งผลกระทบต่อความมั่นใจในการพบปะผู้คนหรือทำกิจกรรมทางสังคม
  3. อาจสะท้อนถึงปัญหาด้านสุขภาพอื่น ๆ : ในบางกรณี ริ้วรอยอาจเกี่ยวข้องกับสุขภาพภายใน เช่น ความเครียดเรื้อรัง การขาดสารอาหารที่สำคัญ การสูบบุหรี่ หรือการที่ร่างกายขาดการฟื้นฟูอย่างเพียงพอ ทั้งหมดนี้เป็นปัจจัยที่ทำให้ผิวเสื่อมสภาพและเกิดริ้วรอยได้
  4. เสียค่าใช้จ่ายในการดูแลผิวเพิ่มขึ้น : การที่มีริ้วรอยมากขึ้นทำให้ต้องใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่เฉพาะทาง เช่น ครีมลดริ้วรอย หรือการรักษาทางการแพทย์ ซึ่งอาจมีค่าใช้จ่ายสูง และต้องใช้เวลาในการดูแลผิวมากขึ้น
  5. ปัญหาผิวอื่น ๆ ที่อาจตามมา : ผิวที่มีริ้วรอยมักจะแห้งและสูญเสียความยืดหยุ่น ซึ่งอาจทำให้เกิดปัญหาอื่น ๆ เช่น ผิวหย่อนคล้อย ร่องลึก และผิวที่ไม่สม่ำเสมอได้ง่ายขึ้น

7 สัญญาณเตือน! ที่บ่งบอกถึงริ้วรอย

สัญญาณเตือนของการเกิดริ้วรอยมักจะเริ่มแสดงให้เห็นบนผิวหน้าก่อนที่จะลุกลามไปยังบริเวณอื่น ๆ ของร่างกาย ต่อไปนี้คือ 7 สัญญาณเตือนที่บ่งบอกว่าคุณอาจเริ่มมีปัญหาริ้วรอย ถ้าอยากรู้ว่าใบหน้าของคุณเริ่มมีริ้วรอยหรือยัง มาเช็คไปพร้อมๆกันจากบทความด้านล่างนี้กันเลยค่ะ!

7 สัญญาณเตือน! ที่บ่งบอกถึงริ้วรอย

ริ้วรอยบริเวณหน้าผาก

ริ้วรอยบริเวณหน้าผาก เป็นหนึ่งในปัญหาริ้วรอยที่พบได้บ่อยและมักเกิดจากการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อบนใบหน้าซ้ำ ๆ เช่น การเลิกคิ้ว การขมวดคิ้ว หรือการแสดงออกทางอารมณ์ นอกจากนี้ยังเกิดจากปัจจัยภายนอก เช่น แสงแดดและการเสื่อมสภาพของผิวตามวัย ลักษณะริ้วรอยหน้าผากมักจะปรากฏเป็นเส้นยาวขนานกับแนวนอนของหน้าผาก มีความลึกหรือชัดเจนมองเห็นได้ชัด ในบางกรณี ผิวอาจมีรอยย่นเล็ก ๆ ที่ไม่สม่ำเสมอกัน ซึ่งมักเกิดจากการสูญเสียความชุ่มชื้นและความยืดหยุ่นของผิว

ริ้วรอยบริเวณหางตา

ริ้วรอยบริเวณหางตา หรือที่เรียกว่า ตีนกา (Crow’s Feet) มีลักษณะเป็นเส้นเล็กๆ ที่เกิดขึ้นบริเวณหางตาขนานไปกับมุมตา มีความลึกและความชัดเจนที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับการใช้กล้ามเนื้อและอายุของบุคคล โดยมักจะเห็นได้ชัดเจนในคนที่มีอายุเกิน 30 ปี ซึ่งมักเกิดจากการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อรอบดวงตาซ้ำ ๆ เช่น การยิ้ม การหรี่ตา หรือแสดงอารมณ์ต่าง ๆ ผิวบริเวณนี้บอบบางกว่าผิวบริเวณอื่น ทำให้เกิดริ้วรอยได้ง่าย

ริ้วรอยบริเวณมุมปาก

ริ้วรอยบริเวณมุมปาก หรือที่เรียกว่า Nasolabial Folds หรือ Smile Lines เป็นรอยย่นที่เกิดขึ้นจากการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อรอบปาก โดยเฉพาะเมื่อยิ้ม หรือพูด ริ้วรอยนี้จะอยู่บริเวณมุมปากและอาจลากยาวลงไปจนถึงแนวกราม ทำให้ดูเหมือนมีเส้นรอบๆ ปาก ริ้วรอยนี้มักเริ่มปรากฏเมื่อเราอายุมากขึ้นและอาจมีความเด่นชัดมากขึ้นเมื่อผิวเริ่มสูญเสียความยืดหยุ่นและความชุ่มชื้น การดูแลและป้องกันริ้วรอยบริเวณมุมปากด้วยวิธีที่เหมาะสมจะช่วยให้ผิวดูอ่อนเยาว์และลดการเกิดริ้วรอยในระยะยาว

ริ้วรอยบริเวณระหว่างคิ้ว

ริ้วรอยบริเวณระหว่างคิ้ว หรือที่เรียกว่า รอยขมวดคิ้ว เป็นริ้วรอยที่เกิดขึ้นจากการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อระหว่างคิ้วซ้ำ ๆ เช่น การขมวดคิ้ว หรือการแสดงอารมณ์ต่าง ๆ โดยมักจะมีลักษณะเป็นเส้นตั้งตรงที่ลากจากบริเวณคิ้วลงไปยังหน้าผาก เป็นรอยย่นหรือเส้นที่มีความชัดเจน ริ้วรอยเหล่านี้มักจะปรากฏชัดเจนมากขึ้นเมื่ออายุเพิ่มขึ้น และสามารถทำให้ใบหน้าดูเหนื่อยล้าหรือเครียดได้

ริ้วรอยบริเวณร่องแก้ม

ริ้วรอยบริเวณร่องแก้ม หรือที่เรียกว่า Nasolabial Folds ริ้วรอยเหล่านี้อยู่บริเวณด้านข้างของปาก จากมุมของจมูกลงมาจนถึงมุมของริมฝีปาก มักมีลักษณะเป็นเส้นยาว ซึ่งสามารถมองเห็นได้ชัด เมื่อมีการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อ เช่น การยิ้ม หัวเราะ หรือพูด ริ้วรอยบริเวณร่องแก้มสามารถมีความลึกที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับอายุและการใช้กล้ามเนื้อ โดยมักจะเห็นชัดเจนขึ้นเมื่อมีอายุที่มากขึ้น

ริ้วรอยบริเวณใต้ตา

ริ้วรอยบริเวณใต้ตา หรือที่เรียกว่า Under-Eye Wrinkles เป็นริ้วรอยที่มักปรากฏเมื่อมีการเสื่อมสภาพของผิวหรือการสูญเสียความชุ่มชื้น ซึ่งสามารถทำให้ผิวบริเวณนี้ดูเหี่ยวย่น และเป็นสาเหตุที่ทำให้ใบหน้าดูเหนื่อยล้าหรือแก่กว่าวัย ลักษณะริ้วรอยจะอยู่บริเวณใต้ดวงตา ตั้งแต่มุมด้านในจนถึงมุมด้านข้างของตา มักจะมีลักษณะลากยาวลงไปบริเวณโหนกแก้ม ริ้วรอยเหล่านี้มักจะเห็นได้ชัดเจนเมื่อแสดงอารมณ์หรือมีการขยับตา

ริ้วรอยบริเวณที่คาง

ริ้วรอยบริเวณที่คาง หรือที่เรียกว่า Marionette Lines เป็นริ้วรอยที่เกิดขึ้นตั้งแต่บริเวณมุมปากไปจนถึงคาง มีลักษณะเป็นรอยย่น รอยบุ๋ม โดยมักปรากฏเมื่อมีการเสื่อมสภาพของผิวหรือการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อบริเวณใบหน้าซ้ำ ๆ ริ้วรอยที่คางสามารถทำให้ใบหน้าดูเหนื่อยล้า ดูมีอายุ และมักจะชัดเจนมากขึ้นเมื่ออายุมากขึ้น

จบปัญหาริ้วรอย ด้วยโปรแกรมราชินีโบ ที่ลีเอนจาง

จบปัญหาริ้วรอย ด้วยโปรแกรมราชินีโบ ที่ลีเอนจาง

โปรแกรมราชินีโบ ที่ลีเอนจาง คลินิก คือการฉีดโบลดริ้วรอย โดยใช้สารโบทูลินัมท็อกซิน (Botulinum toxin) เข้าสู่กล้ามเนื้อบริเวณใบหน้าที่มีปัญหาริ้วร้อย เป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการลดริ้วรอยบนใบหน้า ไม่ว่าจะเป็น ฉีดโบลดริ้วรอย หน้าผาก ริ้วรอยบริเวณหางตา หรือฉีดโบลดริ้วรอยใต้ตา เพราะโปรแกรมราชินีโบได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อดูแลและตอบสนองความต้องการของผู้หญิงในการลดริ้วรอย ซึ่งช่วยทำให้ผลลัพธ์ออกมาสวยงามและเป็นธรรมชาติ

ลีเอนจาง คลินิกใช้โบท็อกซ์ที่มีคุณภาพและได้รับการรับรอง ทำให้มั่นใจในความปลอดภัยและประสิทธิภาพของการรักษา โดยแพทย์จะทำการวิเคราะห์ลักษณะใบหน้าและความต้องการเฉพาะของแต่ละคน เพื่อปรับแต่งการฉีดให้เหมาะสมที่สุด มุ่งเน้นให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติและไม่ทำให้ใบหน้าดูแข็งทื่อ เเละยังทำให้สามารถแสดงอารมณ์ได้อย่างเป็นธรรมชาติ

*หากท่านใดสนใจโปรแกรมราชินีโบลดริ้วรอย สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Line Official Account : @Lienjangthailand*

ฉีดโบลดริ้วรอย กี่วันเห็นผล ?

ผลลัพธ์จากการฉีดโบลดริ้วรอยมักจะเริ่มเห็นได้ภายใน 3-7 วันหลังการฉีด โดยเฉพาะในบริเวณที่มีริ้วรอยชัดเจน เช่น หน้าผาก ระหว่างคิ้ว และหางตา โดยผลลัพธ์จะปรากฏให้เห็นชัดเจนประมาณ 14 วัน โดยการเปลี่ยนแปลงในวันแรกถึงวันที่ 3 อาจรู้สึกว่าริ้วรอยเริ่มมีการเปลี่ยนแปลง แต่ยังไม่ชัดเจนมาก และวันที่ 4 ถึงวันที่ 7 ริ้วรอยจะเริ่มลดลงอย่างเห็นได้ชัด จนถึง 14 วันหลังการฉีด ผลลัพธ์จะอยู่ในระดับสูงสุด และริ้วรอยจะลดลงอย่างมาก

ฉีดโบลดริ้วรอย อยู่ได้กี่เดือน ?

ฉีดโบลดริ้วรอย อยู่ได้กี่เดือน ?

การฉีดโบท็อกซ์เพื่อลดริ้วรอยมักมีผลลัพธ์ที่อยู่ได้นานประมาณ 3 ถึง 6 เดือน ซึ่งระยะเวลาที่เห็นผลอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น ปริมาณโบท็อกซ์ที่ใช้ ความลึกของริ้วรอย ลักษณะผิวของแต่ละบุคคล และเทคนิคการฉีดของแพทย์ บางคนอาจมีการตอบสนองต่อโบท็อกซ์ที่เร็ว หากต้องการให้ผลลัพธ์ดูต่อเนื่อง ควรทำการฉีดซ้ำทุก ๆ 3-6 เดือนค่ะ เพื่อคงประสิทธิภาพของโบท็อกซ์ในการลดริ้วรอย

ฉีดโบลดริ้วรอยแต่ละจุดใช้กี่ยูนิต ?

จำนวนยูนิตของการฉีดโบลดริ้วรอยแต่ละจุดจะแตกต่างกันขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น ขนาดของกล้ามเนื้อ ความลึกของริ้วรอย และเป้าหมายของการรักษา โดยจำนวนยูนิตที่ใช้สำหรับริ้วรอยแต่ละจุดมีดังนี้

  • ริ้วรอยบริเวณหน้าผาก 10-30 ยูนิต
  • ริ้วรอยบริเวณระหว่างคิ้ว 10-20 ยูนิต
  • ริ้วรอยบริเวณหางตา 15-20 ยูนิตต่อข้าง
  • ริ้วรอยบริเวณมุมปาก 5-10 ยูนิตต่อข้าง
  • ริ้วรอยบริเวณคาง 5-10 ยูนิต
  • ริ้วรอยบริเวณร่องแก้ม 10-20 ยูนิต
  • ริ้วรอยบริเวณใต้ตา 5-10 ยูนิต

*หมายเหตุ จำนวนยูนิตที่แนะนำเป็นเพียงแนวทางทั่วไป และอาจมีการปรับเปลี่ยนตามความต้องการและลักษณะเฉพาะของผู้เข้ารับบริการ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อให้ได้จำนวนยูนิตที่เหมาะสมและปลอดภัยตามลักษณะผิวและความต้องการของแต่ละบุคคล การได้รับแนะนำและการวิเคราะห์จากแพทย์จะช่วยให้คุณได้รับผลลัพธ์ที่ดีที่สุดค่ะ*

ฉีดโบลดริ้วรอย ราคาอยู่ที่เท่าไร ?

ฉีดโบลดริ้วรอย ราคาอยู่ที่เท่าไร ?

การฉีดโบลดริ้วรอย ราคาอาจแตกต่างกันไปตามหลายปัจจัย เช่น สถานที่ที่ทำการฉีด ปริมาณยูนิตที่ใช้ และยี่ห้อของโบท็อกซ์ ราคาทั่วไปในประเทศไทยจะอยู่ในช่วงประมาณ 3,000 – 10,000 บาทต่อครั้ง แต่ละจุดที่ฉีดอาจมีราคาที่แตกต่างกัน ที่ลีเอนจาง คลินิก ราคาโปรโมชั่นของโปรแกรมราชินีโบราคาเริ่มต้นที่ 2,500 บาท แก้ไขปัญหาริ้วรอยได้ถึง 3 จุด คุ้มมาก ๆ และยังมีโปรโมชั่นอื่น ๆ อีกมากมาย หากสนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับราคาโบท็อกซ์ริ้วรอย สามารถติดต่อได้ที่ Line Official Account : @Lienjangthailand ค่ะ

สรุป

การฉีดโบลดริ้วรอยเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมในวงการความงามอย่างมาก โดยใช้สารโบทูลินัมท็อกซินเพื่อช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อที่ทำให้เกิดริ้วรอยบนใบหน้า เช่น ริ้วรอยรอบดวงตาและหน้าผาก ผลลัพธ์มักจะเห็นได้ชัดเจนภายในไม่กี่วัน ดังนั้นการเลือกใช้โปรแกรมราชินีโบที่ลีเอนจาง คลินิกจึงเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการลดริ้วรอยอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสาว ๆ ที่ต้องการดูแลผิวหน้าให้เรียบเนียน ดูมีสุขภาพดีในทุกช่วงวัย

สอบถามปรึกษาแพทย์ฟรี

สอบถามปรึกษาแพทย์ฟรี