บทความ

Article

โปรแกรมโบท็อกริ้วรอย แก้หน้าแก่ ควรรู้อะไรบ้างก่อนตัดสินใจ
Facebook
X
Email

โปรแกรมโบท็อกริ้วรอย แก้หน้าแก่ ควรรู้อะไรบ้างก่อนตัดสินใจ

หัวข้อที่น่าสนใจ

หากคุณกำลังมองหาวิธีลดริ้วรอยและอยากกลับมามีผิวหน้าที่ดูอ่อนเยาว์และสดใส การฉีดโปรแกรมโบท็อกริ้วรอยเป็นหนึ่งในวิธีที่ได้รับความนิยมสูง ด้วยผลลัพธ์ที่เห็นได้ชัดเจนและรวดเร็ว ทั้งยังปลอดภัยและไม่ต้องการเวลาฟื้นตัวมากมาย แต่ก่อนที่คุณจะตัดสินใจเข้ารับการรักษา สิ่งสำคัญที่คุณควรรู้คือข้อมูลเกี่ยวกับโปรแกรมโบท็อก เช่น วิธีการทำงาน ความปลอดภัย การเตรียม และการดูแลตัวเองหลังฉีด

ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับการฉีดโปรแกรมโบท็อกริ้วรอยอย่างละเอียด พร้อมทั้งคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญที่ช่วยให้คุณสามารถตัดสินใจได้อย่างมั่นใจ และไม่เสี่ยงต่อผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น การเลือกคลินิกที่มีความน่าเชื่อถือและแพทย์ที่มีประสบการณ์เป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้คุณได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและปลอดภัยที่สุด อย่าพลาดที่จะอ่านบทความนี้ เพื่อเตรียมตัวให้พร้อมก่อนการฉีดโปรแกรมโบท็อกริ้วรอย

โบท็อกมีกระบวนการในการลดริ้วรอยอย่างไร ?

โบท็อกมีกระบวนการในการลดริ้วรอยอย่างไร ?

โปรแกรมโบท็อกริ้วรอย ทำงานโดยยับยั้งการทำงานของสารสื่อประสาท (Acetylcholine) ที่ทำให้กล้ามเนื้อหดตัว เมื่อฉีดโบท็อกเข้าสู่บริเวณที่มีริ้วรอย เช่น หน้าผาก ระหว่างคิ้ว หรือหางตา สาร Botulinum Toxin Type A จะไปยับยั้งการส่งสัญญาณระหว่างเส้นประสาทและกล้ามเนื้อ ส่งผลให้กล้ามเนื้อในบริเวณนั้นคลายตัว ผิวจึงดูเรียบเนียนขึ้นและริ้วรอยลดลง 

นอกจากช่วยลดเลือนริ้วรอยแล้ว โบท็อกยังช่วย ป้องกันการเกิดริ้วรอยใหม่ โดยลดการขยับของกล้ามเนื้อที่ทำให้เกิดรอยพับของผิว เมื่อฉีดเป็นประจำอย่างเหมาะสม จะช่วยให้กล้ามเนื้อฝึกตัวไม่ขยับมากเกินไป ทำให้ผิวเรียบเนียนและดูอ่อนเยาว์ขึ้นในระยะยาว อย่างไรก็ตาม การฉีดโบท็อกควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติและปลอดภัย

อ่านบทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับ : โบท็อกซ์ริ้วรอย

ฉีดโบลดริ้วรอย อันตรายไหม ?

โปรแกรมโบท็อกริ้วรอย โดยทั่วไปถือว่าปลอดภัย หากใช้โบท็อกของแท้และฉีดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ โบท็อกทำงานโดยช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อที่ก่อให้เกิดริ้วรอยชั่วคราว ทำให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้น อย่างไรก็ตาม หากฉีดมากเกินไปหรือฉีดผิดตำแหน่ง อาจทำให้กล้ามเนื้อบางจุดอ่อนแรง เช่น หนังตาตก คิ้วตก หรือใบหน้าแลดูแข็งไม่เป็นธรรมชาติ ซึ่งอาการเหล่านี้มักเป็นเพียงชั่วคราวและจะค่อย ๆ ดีขึ้นเมื่อโบท็อกเริ่มหมดฤทธิ์ภายในไม่กี่เดือน

โปรแกรมโบท็อกริ้วรอยมีข้อดี-ข้อด้อย อะไรบ้าง ?

โปรแกรมโบท็อกริ้วรอยถือเป็นโปรแกรมที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัยหากทำอย่างถูกต้อง แต่ควรศึกษาและเลือกฉีดกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด โยมีข้อดีและข้อด้อยดังนี้

โปรแกรมโบท็อกริ้วรอยมีข้อดี-ข้อด้อย อะไรบ้าง ?

ข้อดีของโปรแกรมโบท็อกริ้วรอย

  • ช่วยลดริ้วรอยอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ผิวเรียบเนียนขึ้น เห็นผลภายใน 3-7 วัน
  • ป้องกันการเกิดริ้วรอยใหม่ ลดการขยับของกล้ามเนื้อที่ทำให้เกิดรอยพับบนผิว
  • ไม่ต้องพักฟื้น สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติหลังฉีด
  • ให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ หากฉีดอย่างเหมาะสม ใบหน้าจะยังคงดูเป็นธรรมชาติ ไม่แข็งตึง
  • อยู่ได้นาน 3-6 เดือน ช่วยให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ได้อย่างต่อเนื่องเมื่อฉีดเป็นประจำ
  • สามารถฉีดซ้ำได้ เมื่อหมดฤทธิ์สามารถฉีดเพิ่มเติมเพื่อคงผลลัพธ์

ข้อด้อยของโปรแกรมโบท็อกริ้วรอย

  • ผลลัพธ์ไม่ถาวร ต้องฉีดซ้ำทุก 3-6 เดือนเพื่อคงผลลัพธ์
  • อาจมีผลข้างเคียงชั่วคราว เช่น บวม ช้ำ หรือปวดเล็กน้อยบริเวณที่ฉีด
  • ความเสี่ยงจากการฉีดผิดตำแหน่ง อาจทำให้หนังตาตก คิ้วตก หรือใบหน้าแข็งตึง หากฉีดมากเกินไป
  • ต้องฉีดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ หากฉีดกับผู้ที่ไม่มีประสบการณ์ อาจเกิดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์
  • มีโบท็อกปลอมในตลาด ควรเลือกฉีดกับคลินิกที่ได้มาตรฐานและใช้โบท็อกของแท้เท่านั้น

โปรแกรมโบท็อกริ้วรอยสามารถฉีดจุดไหนได้บ้าง ?

การฉีดโบท็อกในแต่ละจุดควรได้รับการประเมินจากแพทย์เพื่อกำหนดปริมาณที่เหมาะสม เพื่อให้ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ ไม่แข็งตึง และช่วยลดริ้วรอยได้อย่างมีประสิทธิภาพ จุดที่สามารถฉีดโบท็อกเพื่อลดริ้วรอยได้มีดังนี้ 

  • หน้าผาก ลดรอยย่นจากการเลิกคิ้ว ทำให้ผิวเรียบเนียนขึ้น
  • ระหว่างคิ้ว (รอยขมวดคิ้ว) ลดรอยขมวดคิ้วที่ทำให้หน้าดูเคร่งเครียดหรือดุ
  • หางตา (ตีนกา) ลดริ้วรอยหางตาที่เกิดจากการยิ้มหรือหัวเราะ
  • ใต้ตา ช่วยให้ผิวใต้ตาดูเรียบเนียน ลดรอยเหี่ยวย่นเล็กๆ
  • มุมปาก ลดรอยร่องน้ำหมากที่ทำให้หน้าดูเศร้าหรือดูแก่กว่าวัย
  • คาง ลดริ้วรอยจากการขยับคางมากเกินไป ทำให้คางดูเรียบเนียนและสวยขึ้น

ต้องเตรียมตัวก่อนฉีดโปรแกรมโบท็อกอย่างไร ?

ต้องเตรียมตัวก่อนฉีดโปรแกรมโบท็อกอย่างไร ?

การเตรียมตัวก่อนฉีดโปรแกรมโบท็อกเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและลดความเสี่ยงของผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น นี่คือแนวทางการเตรียมตัวที่แนะนำ

  1. หลีกเลี่ยงยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด ควรหยุดยาและอาหารเสริมบางชนิดอย่างน้อย 3-7 วัน ก่อนฉีดโปรแกรมโบท็อก เช่น แอสไพริน (Aspirin) ไอบูโพรเฟน (Ibuprofen) วิตามินอี เพื่อป้องกันอาการฟกช้ำและเลือดออกง่าย
  2. งดแอลกอฮอล์อย่างน้อย 24 ชั่วโมง เครื่องดื่มแอลกอฮอล์อาจทำให้เส้นเลือดขยายตัว เพิ่มความเสี่ยงต่อการฟกช้ำ
  3. หลีกเลี่ยงความร้อนสูงก่อนฉีด ไม่ควรเข้าซาวน่า อบไอน้ำ หรือทำเลเซอร์ร้อน ๆ อย่างน้อย 24 ชั่วโมงก่อนฉีด
  4. งดออกกำลังกายหนัก ๆ 24 ชั่วโมงก่อนฉีด เพื่อลดโอกาสที่โบท็อกจะเคลื่อนย้ายจากตำแหน่งที่ฉีด
  5. หากมีโรคประจำตัวหรือแพ้ยา ควรแจ้งแพทย์ล่วงหน้า โดยเฉพาะผู้ที่ตั้งครรภ์ ให้นมบุตร หรือมีภาวะกล้ามเนื้ออ่อนแรง (Myasthenia Gravis) อาจไม่เหมาะกับโบท็อก
  6. เลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน และแพทย์ที่มีประสบการณ์ ควรตรวจสอบว่าใช้โบท็อกแท้ที่ได้รับการรับรอง เช่น Allergan, Dysport, Xeomin, Nabota

โปรแกรมฉีดโบลดริ้วรอย ข้อห้ามหลังฉีดมีอะไรบ้าง ?

หลังฉีดโปรแกรมโบท็อกเพื่อลดริ้วรอย ควรปฏิบัติตามข้อควรระวังเพื่อให้ตัวยาออกฤทธิ์ได้เต็มที่และลดความเสี่ยงของผลข้างเคียง ต่อไปนี่คือข้อห้ามสำคัญหลังฉีดโปรแกรมโบท็อก

  • ห้ามนอนราบภายใน 4 ชั่วโมงแรก เพื่อป้องกันโบท็อกไหลไปยังบริเวณที่ไม่ต้องการ และลดความเสี่ยงของอาการหนังตาตก
  • ห้ามกด นวด หรือจับบริเวณที่ฉีด ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้าแรง ๆ อย่างน้อย 24 ชั่วโมง ไม่ควรทำหัตถการที่มีแรงกดทับ เช่น นวดหน้า กดสิว ทำ HIFU หรือ RF (คลื่นวิทยุ) เป็นเวลา 2 สัปดาห์
  • หลีกเลี่ยงความร้อนสูง งดซาวน่า อบไอน้ำ หรือโดนแดดจัด ๆ อย่างน้อย 48 ชั่วโมง หลีกเลี่ยงการใช้ไดร์เป่าผมที่ร้อนมากใกล้กับใบหน้า
  • งดออกกำลังกายหนัก ๆ 24 ชั่วโมง การออกกำลังกายหนักอาจทำให้เลือดไหลเวียนเร็วและลดประสิทธิภาพของโบท็อก
  • หลีกเลี่ยงการแต่งหน้าอย่างน้อย 6 ชั่วโมง เพื่อป้องกันการกดหรือถูบริเวณที่ฉีดโดยไม่ตั้งใจ

หลังฉีดโบลดริ้วรอย ห้ามกินอะไรบ้าง ?

หลังฉีดโบลดริ้วรอย ห้ามกินอะไรบ้าง ?

หลังฉีดโบลดริ้วรอย ควรหลีกเลี่ยงอาหารบางประเภทที่อาจส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของโบท็อกและลดความเสี่ยงของอาการข้างเคียง อาหารที่ควรงดหลังฉีดโบท็อก มีดังนี้

  1. อาหารที่มีฤทธิ์ทำให้เลือดไหลเวียนเร็ว อาจเพิ่มความเสี่ยงของรอยช้ำและบวม ได้แก่ แอลกอฮอล์ (เบียร์ ไวน์ สุรา) ควรงด อย่างน้อย 24 ชั่วโมง กาแฟและชาเข้มข้น อาจกระตุ้นระบบไหลเวียนโลหิต ควรลดปริมาณ และเครื่องดื่มชูกำลัง
  2. อาหารที่มีฤทธิ์ต้านการแข็งตัวของเลือด อาจทำให้เกิดรอยฟกช้ำได้ง่ายขึ้น เช่น อาหารที่มีไขมันปลาและน้ำมันปลา (แซลมอน ทูน่า วอลนัท น้ำมันตับปลา) อาหารเสริมบางชนิด เช่น วิตามินอี โสม แปะก๊วย กระเทียม ขิง
  3. อาหารหมักดองและอาหารโซเดียมสูง อาจทำให้เกิดอาการบวมหลังฉีด ของหมักดอง (กิมจิ, ปลาร้า, หน่อไม้ดอง) และอาหารที่มีโซเดียมสูง (บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ขนมขบเคี้ยว อาหารแปรรูป)
  4. อาหารรสจัด เผ็ดจัด อาจทำให้เกิดการอักเสบหรือระคายเคือง เช่น ส้มตำเผ็ด ๆ ต้มยำ แกงเผ็ด
  5. อาหารร้อนจัด เช่น ชาบู หมูกระทะ ปิ้งย่าง ซุปเดือด ๆ เพราะความร้อนสูงอาจส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของโบท็อก

อ่านบทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับ : หลังฉีดโบท็อก

ฉีดโปรแกรมโบท็อกริ้วรอย กี่วันเห็นผล ?

หลังจากฉีดโปรแกรมโบท็อกริ้วรอย ผลลัพธ์เริ่มเห็นได้ภายใน 3-7 วัน โดยริ้วรอยจะเริ่มลดเลือนลงอย่างชัดเจนเมื่อ 14 วัน หลังการฉีด ซึ่งเป็นช่วงที่โบท็อกซ์ออกฤทธิ์เต็มที่ โดยการฉีดโบท็อกจะช่วยให้กล้ามเนื้อที่รับผิดชอบในการทำให้เกิดริ้วรอยผ่อนคลาย ส่งผลให้ผิวหน้าดูเรียบเนียนขึ้น แต่ละคนอาจมีการตอบสนองที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับการดูแลหลังการฉีดและลักษณะผิวของแต่ละบุคคล ซึ่งอาจต้องติดตามผลกับแพทย์เพื่อตรวจสอบพิ่มเติมหากจำเป็น

ฉีดโบลดริ้วรอย อยู่ได้กี่เดือน ?

ฉีดโบลดริ้วรอย อยู่ได้กี่เดือน ?

การฉีดโบลดริ้วรอยสามารถอยู่ได้นานประมาณ 3-6 เดือน ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ประเภทของโบท็อกที่ใช้ พฤติกรรมการดูแลผิว อายุ และการเผาผลาญของร่างกาย โดยทั่วไปแล้วผลลัพธ์จะค่อย ๆ ลดลงตามเวลาเมื่อกล้ามเนื้อเริ่มฟื้นตัวและกลับมาเคลื่อนไหวตามปกติ หากต้องการผลลัพธ์ที่ยาวนานขึ้นหรือเป็นการรักษาริ้วรอยซ้ำ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อติดตามและฉีดโบท็อกเพิ่มเติมตามความเหมาะสม

ฉีดโบท็อกลดริ้วรอยใช้กี่ยูนิต ?

จำนวนยูนิตที่ใช้ในการฉีดโบลดริ้วรอยจะขึ้นอยู่กับพื้นที่ที่ต้องการรักษาและลักษณะของริ้วรอยที่ต้องการลด โดยทั่วไปสำหรับการรักษาริ้วรอยบนใบหน้าจะใช้ยูนิตประมาณ 10-20 ยูนิต ต่อบริเวณ เช่น ริ้วรอยหน้าผาก ริ้วรอยหางตา (ตีนกา) หรือร่องแก้ม การใช้ยูนิตจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับความลึกและความชัดเจนของริ้วรอยในแต่ละคน และปริมาณยูนิตที่ใช้จะถูกปรับตามลักษณะการตอบสนองของกล้ามเนื้อในแต่ละบุคคล เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติและเหมาะสม

ฉีดโบลดริ้วรอย ราคาจะอยู่ที่เท่าไร ?

ราคาของการฉีดโบท็อกลดริ้วรอยจะขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น ยี่ห้อของโบท็อกที่ใช้ จำนวนยูนิตที่ฉีด และคลินิกที่ให้บริการ โดยทั่วไป ราคาจะเริ่มที่ประมาณ 1,000 บาทขึ้นไป ซึ่งถ้าฉีดในบริเวณที่ต้องใช้หลายยูนิต เช่น ริ้วรอยหน้าผาก ตีนกา หรือร่องแก้ม ราคาทั้งหมดอาจสูงขึ้นตามจำนวนยูนิตที่ใช้ บางคลินิกอาจมีโปรโมชั่นหรือแพ็คเกจราคาพิเศษสำหรับการรักษาหลายพื้นที่ในคราวเดียว ดังนั้นควรสอบถามราคาและรายละเอียดจากคลินิกโดยตรงเพื่อให้ได้ข้อมูลที่แม่นยำ

โปรแกรมโบท็อกริ้วรอยที่ลีเอนจาง เห็นผลจริงไหม ?

โปรแกรมโบท็อกริ้วรอยที่  ลีเอนจาง คลินิก (Lienjang Clinic Thailand) ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดีและได้รับความนิยมสูงจากผู้ที่ต้องการรักษาริ้วรอยบนใบหน้า โดยลีเอนจางใช้โบท็อกแท้ที่ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยา (FDA) และมีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ในการฉีดโบท็อกเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด 

และการฉีดโบท็อกที่ ลีเอนจาง คลินิก สามารถช่วยลดริ้วรอยได้จริง ซึ่งจะช่วยให้ริ้วรอยดูจางลงและผิวหน้าดูอ่อนเยาว์ขึ้น โดยรวมแล้ว ลีเอนจาง คลินิก ถือว่าเป็นคลินิกที่มีมาตรฐานและให้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ สำหรับท่านใดที่สนใจโปรแกรมโบท็อกริ้วรอยที่ลีเอนจางหรือต้องการคำแนะนำจากแพทย์ สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ Line Official Account : @Lienjangthailand

คำถามที่พบบ่อย เกี่ยวกับโปรแกรมโบท็อกริ้วรอย

ทำหัตถการอื่นมาสามารถฉีดโปรแกรมโบท็อกริ้วรอยได้ไหม ?

สามารถฉีดโบท็อกริ้วรอยหลังทำหัตถการอื่น ๆ ได้ แต่ต้องคำนึงถึงระยะเวลาและประเภทของหัตถการที่ทำไปก่อนหน้านั้น โดยทั่วไป ควรรอ 1-2 สัปดาห์ หลังการทำเลเซอร์หรือการรักษาด้วยเครื่องยกกระชับ เพื่อให้ผิวหน้าฟื้นตัวก่อนฉีดโบท็อก หากเพิ่งทำการฉีดฟิลเลอร์ ควรรอให้ฟิลเลอร์เซ็ตตัวก่อนประมาณ 2 สัปดาห์ เพื่อป้องกันการเคลื่อนตัวของฟิลเลอร์ การรอระยะเวลานี้จะช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและลดความเสี่ยงของอาการข้างเคียง ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสมสำหรับแต่ละบุคคล

ดื้อโบท็อกแต่ริ้วรอยเยอะ ฉีดโบท็อกยี่ห้อไหนดี ? 

หากมีปัญหาดื้อโบท็อกแต่ยังคงต้องการลดริ้วรอย การเลือกโบท็อกที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญ เช่น Xeomin เป็นยี่ห้อที่มักแนะนำในกรณีนี้ เพราะมีความบริสุทธิ์สูงและไม่มีโปรตีนที่อาจกระตุ้นการดื้อยา ซึ่งอาจช่วยในกรณีที่ไม่ตอบสนองต่อโบท็อกยี่ห้ออื่นได้ เป็นอีกทางเลือกที่ได้รับการรับรองจาก FDA อย่างไรก็ตาม ควรปรึกษาแพทย์เพื่อเลือกยี่ห้อที่เหมาะสมกับสภาพร่างกายและปัญหาริ้วรอยของแต่ละคน

อายุเท่าไรถึงสามารถฉีดโบลดริ้วรอยได้ ?

โดยทั่วไปแล้วการฉีดโโบท็อกริ้วรอยสามารถทำได้ตั้งแต่อายุ 25 ปีขึ้นไป เมื่อเริ่มมีริ้วรอยบาง ๆ หรือความหย่อนคล้อยที่เกิดจากการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อใบหน้า เช่น ริ้วรอยหน้าผากหรือตีนกา ซึ่งจะช่วยป้องกันไม่ให้ริ้วรอยลึกลงไปมากกว่านี้ โดยโบท็อกช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อที่เป็นสาเหตุของการเกิดริ้วรอย แต่หากต้องการใช้โบท็อกในกรณีที่มีริ้วรอยลึกที่มองเห็นชัดเจน อาจทำได้ตั้งแต่อายุ 30-40 ปี ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของแต่ละบุคคล

สรุป

โปรแกรมโบท็อกริ้วรอยมีประโยชน์หลายด้าน เนื่องจากช่วยลดการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อที่ทำให้เกิดริ้วรอย เช่น ริ้วรอยหน้าผาก ตีนกา และร่องแก้ม ทำให้ผิวหน้าดูเรียบเนียนและอ่อนเยาว์ขึ้น โดยไม่ต้องมีการผ่าตัดหรือการฟื้นตัวที่ยาวนาน นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันการเกิดริ้วรอยลึกในอนาคต หากทำการรักษาอย่างสม่ำเสมอ ด้วยเหตุผลเหล่าจึงทำให้โบท็อกเป็นทางเลือกที่มีประสิทธิภาพในการดูแลผิวหน้าที่มีริ้วรอยโดยไม่ต้องใช้วิธีการที่ซับซ้อนหรือมีความเสี่ยงสูง

สอบถามปรึกษาแพทย์ฟรี

สอบถามปรึกษาแพทย์ฟรี