หากคุณกำลังเผชิญปัญหารอยดํา รอยแดงบนใบหน้า ทาครีมบำรุงมากแค่ไหนก็ยังไม่จาง ไม่หายสักที ลองมาอ่านบทความนี้เพื่อรู้จักวิธีแก้ไขที่ได้ผล! ด้วยโปรแกรมผิวฟิลเตอร์ที่ ลีเอนจาง คลินิก โปรแกรมที่ช่วยให้รอยดำและรอยแดงจางลง ช่วยปรับผิวให้เรียบเนียน กระจ่างใส เหมือนใช้ฟิลเตอร์สุดเนียน พร้อมทั้งแนะนำวิธีป้องกันที่จะไม่ให้เกิดรอยดำ รอยแดงเกิดขึ้นซ้ำ หากคุณอยากให้ผิวหน้ากลับมาสดใสอีกครั้ง ห้ามพลาดในบทความนี้!
รอยดำ รอยแดง บนใบหน้าคืออะไร ?
รอยดํา รอยแดงเป็นปัญหาผิวที่พบได้บ่อยหลังจากการเกิดสิว การระคายเคืองผิว หรือการสัมผัสแสงแดดโดยไม่ป้องกัน โดย รอยดำ (Hyperpigmentation) มักเกิดจากการสร้างเม็ดสีเมลานินมากเกินไปหลังจากที่ผิวเกิดการอักเสบ จะมีสีเข้มกว่าสีผิวปกติ และมักมีสีสม่ำเสมอ เช่น สีน้ำตาลหรือสีดำ ส่วนรอยแดง (Post-inflammatory Erythema – PIE) มักเกิดขึ้นจากการขยายตัวของเส้นเลือดฝอยใต้ผิวหนัง เนื่องจากการอักเสบของผิว โดยรอยแดงจะมีสีแดงหรือชมพูและเกิดขึ้นบ่อยในผู้ที่มีผิวบอบบาง
รอยดํา รอยแดง เกิดจากอะไร ?
รอยดํา รอยแดงเกิดจากการอักเสบหรือการระคายเคืองของผิว ซึ่งมีสาเหตุต่าง ๆ ดังนี้
สาเหตุของรอยดำ (Hyperpigmentation)
- สิวอักเสบหรือการบีบสิว: เมื่อสิวหายแล้ว การอักเสบจากสิวสามารถกระตุ้นการผลิตเม็ดสีเมลานินมากขึ้น จนเกิดรอยดำบนผิว
- การบาดเจ็บหรือระคายเคือง: การถูกขีดข่วน การเกา หรือบาดเจ็บบนผิวทำให้เกิดการอักเสบ และเกิดเม็ดสีเมลานินสะสมมากขึ้นจนเกิดรอยดำ
- การโดนแสงแดด: แสง UV กระตุ้นให้ผิวผลิตเมลานินเพื่อปกป้องตัวเอง ทำให้รอยดำที่มีอยู่เข้มขึ้น
- ฮอร์โมน: ฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลง เช่น ในระหว่างตั้งครรภ์ หรือการใช้ยาคุมกำเนิด ก็อาจกระตุ้นการสร้างเม็ดสีเพิ่มขึ้นเช่นกัน
สาเหตุของรอยแดง (Post-inflammatory Erythema – PIE)
- สิวอักเสบ: เมื่อสิวอักเสบ ร่างกายจะส่งเลือดไปบริเวณนั้นเพื่อทำการรักษา ส่งผลให้เส้นเลือดฝอยใต้ผิวหนังขยายตัวจนเกิดเป็นรอยแดง
- การบีบหรือกดสิว: การกดหรือบีบสิวทำให้เส้นเลือดฝอยเสียหาย เกิดเป็นรอยแดงที่ใช้เวลานานกว่าจะจางลง
- การระคายเคืองจากการใช้ผลิตภัณฑ์: การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารระคายเคือง เช่น สารที่มีค่า pH สูง สารเคมีเข้มข้น หรือการทำทรีทเมนต์ที่รุนแรงกับผิว อาจทำให้เกิดการอักเสบและรอยแดงได้
- แสงแดด: การได้รับแสงแดดมากเกินไปอาจทำให้เส้นเลือดฝอยขยายตัวมากขึ้น รอยแดงจึงมองเห็นได้ชัดเจนขึ้น
รอยดํา รอยแดง ต่างกันอย่างไร ?
รอยดํา รอยแดงมีความแตกต่างกันที่สาเหตุ ลักษณะ และวิธีการดูแล ดังนี้
- รอยดำ (Hyperpigmentation): เป็นจุดที่มีสีเข้มกว่าสีผิวปกติ มักจะเป็นสีน้ำตาลหรือสีดำ เกิดจากการสะสมของเม็ดสีเมลานินมากเกินไปบริเวณผิวที่เคยมีการอักเสบ มักเกิดจากการอักเสบ เช่น สิว การระคายเคือง การบาดเจ็บ หรือการโดนแสงแดด ซึ่งกระตุ้นการผลิตเม็ดสีเมลานินจนเกิดรอยคล้ำ การรักษามักเน้นที่การลดเม็ดสี อาจใช้เวลานานหลายเดือนในการจางลง ขึ้นอยู่กับความเข้มของสีและสภาพผิว
- รอยแดง (Post-inflammatory Erythema – PIE): เป็นจุดที่มีสีแดงหรือชมพู เกิดจากการขยายตัวของเส้นเลือดฝอยใต้ผิวหนัง อาจมองเห็นได้ชัดเจนเมื่ออยู่ในแสงแดดหรือหลังออกกำลังกาย เกิดจากการขยายตัวของเส้นเลือดฝอยหลังการอักเสบ เช่น สิวหรือการบีบสิว โดยไม่เกี่ยวข้องกับการผลิตเม็ดสี การรักษาจะเน้นการลดการขยายตัวของเส้นเลือดฝอย มีโอกาสจางลงเร็วกว่าในบางกรณี แต่หากเส้นเลือดฝอยขยายตัวมากก็อาจต้องใช้การรักษาเพิ่มเติม
รอยดํา รอยแดง ดูยังไง ?
การแยกความแตกต่างระหว่างรอยดำและรอยแดงสามารถสังเกตได้จากสีและลักษณะของรอยบนผิว เช่น รอยดำมักมีสีเข้มกว่าสีผิวปกติ เช่น น้ำตาล หรือดำ และจะมีสีสม่ำเสมอและไม่มีอาการบวม หรืออาการอักเสบที่ยังคงอยู่ รอยดำที่เกิดจากสิวมักจะมีขอบเขตชัดเจน ส่วนรอยแดงมีสีออกแดงหรือชมพู โดยเฉพาะในบริเวณที่เคยเกิดการอักเสบหรือเป็นสิวใหม่ ๆ เคล็ดลับการสังเกต ลองสังเกตว่าเมื่อกดนิ้วลงบนรอยนั้นแล้วสีจางลงหรือไม่ ถ้าจางลง อาจเป็นรอยแดง แต่ถ้าสีไม่เปลี่ยนแปลงและยังคงเป็นสีเข้มอยู่ ก็น่าจะเป็นรอยดำ
รอยดํา รอยแดงสามารถหายเองได้ไหม ?
รอยดำและรอยแดงจากสิวสามารถจางลงได้เอง แต่ระยะเวลาขึ้นอยู่กับสภาพผิวและระดับความเข้มของรอยแต่ละแบบ รอยดำสามารถจางลงได้เองตามธรรมชาติ แต่กระบวนการนี้อาจใช้เวลาหลายเดือนหรืออาจนานกว่านั้น ขึ้นอยู่กับความเข้มของรอยดำและการผลิตเม็ดสีของผิวแต่ละคนส่วนรอยแดงบางกรณี
สามารถจางลงได้เองเมื่อเส้นเลือดฝอยกลับสู่สภาพปกติ แต่หากเป็นรอยแดงที่เกิดจากการอักเสบรุนแรง อาจใช้เวลานานขึ้น โดยทั่วไปแล้ว ทั้งรอยดำและรอยแดงสามารถจางได้เอง แต่หากต้องการให้รอยเหล่านี้จางเร็วขึ้น การดูแลและใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมสามารถช่วยได้
รอยดํา รอยแดง รักษาอย่างไรดี ?
การรักษารอยดำและรอยแดงจากสิวมีหลายวิธีขึ้นอยู่กับความเข้มและสภาพผิว ซึ่งสามารถใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหรือทำทรีทเมนต์ต่าง ๆ เพื่อช่วยให้รอยจางลงได้เร็วขึ้น ดังนี้
การรักษารอยดำ
- ครีมลดเลือนจุดด่างดำ: ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมช่วยลดการสร้างเม็ดสี เช่น วิตามินซี ช่วยให้ผิวกระจ่างใสและลดการสร้างเม็ดสี ไนอะซินาไมด์ (Niacinamide) ช่วยลดการผลิตเม็ดสีและฟื้นฟูผิว อาร์บูติน (Arbutin) หรือ กรดโคจิก (Kojic Acid) ลดการสร้างเม็ดสีและทำให้รอยดำจางลง
- การผลัดเซลล์ผิว: ช่วยขจัดเซลล์ผิวที่มีเม็ดสีเกินออก เช่น AHA/BHA กรดผลัดเซลล์ผิวที่ช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ ทำให้รอยดำจางลงเร็วขึ้น และเรตินอยด์ (Retinoid) ช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ ลดเลือนจุดด่างดำ และช่วยให้ผิวเรียบเนียน
- การทำทรีทเมนต์: เลเซอร์ลดรอยดำ เช่น Q-switched, Pico Laser ที่ช่วยลดเม็ดสีในชั้นผิวโดยตรง Microneedling: กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ช่วยฟื้นฟูผิวและลดรอยดำ
การรักษารอยแดง
- ครีมลดการอักเสบ: เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยลดอาการอักเสบ เช่น สารสกัดจากใบบัวบก (Centella Asiatica) ช่วยลดรอยแดงและซ่อมแซมเซลล์ผิว สารสกัดชาเขียว ช่วยลดการระคายเคืองและต้านอนุมูลอิสระ และ Aloe Vera ช่วยปลอบประโลมผิวและลดรอยแดง
- การทาครีมกันแดด: การใช้ครีมกันแดด SPF สูงช่วยป้องกันไม่ให้รอยแดงเข้มขึ้น เพราะแสงแดดจะกระตุ้นการขยายตัวของเส้นเลือดฝอยใต้ผิวหนัง ทำให้รอยแดงเห็นชัดขึ้น
- ทรีทเมนต์ในคลินิก: IPL (Intense Pulsed Light) ช่วยลดรอยแดงจากเส้นเลือดฝอยใต้ผิวหนังและปรับสีผิวให้เรียบเนียน
*การเลือกวิธีการรักษาควรพิจารณาความเหมาะสมกับสภาพผิวและปัญหาผิวของคุณ หากต้องการคำแนะนำเพิ่มเติม อาจลองปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อเลือกวิธีที่ดีที่สุด*
แก้รอยดำ รอยแดงด้วยโปรแกรมผิวฟิลเตอร์ที่ลีเอนจาง
โปรแกรมผิวฟิลเตอร์ที่ ลีเอนจาง คลินิก นับว่าเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับการรักษารอยดำและรอยแดง โดยโปรแกรมนี้ จะช่วยลดรอยดํา รอยแดงอย่างมีประสิทธิภาพโดยใช้เทคโนโลยีเลเซอร์ TONING FULL FACE ที่ช่วยปรับสภาพผิว ลดเลือนจุดด่างดำและรอยแดงจากสิวได้อย่างรวดเร็วและกระชับตรงจุด ทำให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้น พร้อมฟื้นฟูผิวและลดการอักเสบด้วย K-STAR DEWY REJUVENATE ที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและช่วยซ่อมแซมผิวที่ถูกทำลาย ทำให้ผิวดูสุขภาพดี แข็งแรงขึ้น และรอยจางลงเร็วกว่าเดิม
ผลลัพธ์หลังทำโปรแกรมผิวฟิลเตอร์
- ผิวดูเรียบเนียนเป็นธรรมชาติ
- ช่วยให้สีผิวสม่ำเสมอ
- ลดเลือนรอยดำ และรอยแดง
- ทำให้ผิวดูโกลว์แบบสุขภาพดีโดยไม่ต้องใช้ฟิลเตอร์แต่งภาพ
ในการรักษาสามารถปรับได้ตามสภาพผิวของแต่ละคน ดังนั้นไม่ว่าคุณจะมีผิวบอบบางหรือผิวธรรมดา โปรแกรมนี้ออกแบบมาเพื่อดูแลผิวให้ปลอดภัยและเหมาะกับสภาพผิวเฉพาะตัว การทำโปรแกรมนี้ที่ลีเอนจาง ยังมีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญให้คำแนะนำและดูแลอย่างใกล้ชิด เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
อ่านบทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับ: หน้าเนียนใส Glass skin แบบฉบับลีเอนจาง
รอยดํา รอยแดง กี่เดือนหาย ?
ระยะเวลาที่รอยดำและรอยแดงจะจางลงนั้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ประเภทของรอย สภาพผิว และการดูแลรักษาที่ทำอย่างต่อเนื่อง
- รอยแดงจากสิว: มักจางลงเองภายใน 1-3 เดือน แต่หากต้องการผลที่เร็วขึ้น สามารถใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของวิตามินซี เรตินอล หรือครีมที่ช่วยลดการอักเสบ หรือเข้ารับการรักษาด้วยการทำทรีทเมนต์ก็ช่วยเร่งกระบวนการให้หายเร็วขึ้นได้
- รอยดำจากสิว: ใช้เวลานานกว่ารอยแดงเล็กน้อย อาจใช้เวลาประมาณ 3-6 เดือน แต่สามารถเร่งการฟื้นฟูได้โดยการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของไวท์เทนนิ่ง หรือวิตามิน C รวมถึงการทรีทเมนต์ด้วยโปรแกรมผิวฟิลเตอร์ที่ลีเอนจาง ก็สามารถช่วยเร่งให้รอยดำจางลงได้เช่นกัน
วิธีป้องกันรอยดํา รอยแดงบนใบหน้า
การป้องกันรอยดํา รอยแดงบนใบหน้า ทำได้ด้วยการดูแลผิวอย่างเหมาะสมและระวังการเกิดสิวหรือการอักเสบที่เป็นสาเหตุหลัก โดยมีวิธีป้องกันดังนี้
- ใช้ครีมกันแดดเป็นประจำ: รังสียูวีจากแสงแดดเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้รอยดำเข้มขึ้น ควรใช้ครีมกันแดดที่มี SPF 30 ขึ้นไปทุกวัน รวมถึงทาซ้ำระหว่างวันเมื่อจำเป็น
- รักษาความสะอาดของผิวหน้า: ล้างหน้าให้สะอาดและอ่อนโยน หลีกเลี่ยงการล้างหน้าบ่อยเกินไปหรือการขัดหน้าที่รุนแรง ซึ่งอาจทำให้เกิดการระคายเคืองและเพิ่มโอกาสเกิดรอยแดงได้
- หลีกเลี่ยงการบีบหรือกดสิว: การบีบหรือกดสิวอาจทำให้ผิวเสียหายและกลายเป็นรอยแดงหรือรอยดำ แนะนำให้ปล่อยให้สิวหายเองหรือไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษาที่ถูกต้อง
- บำรุงผิวด้วยผลิตภัณฑ์ที่ลดการอักเสบ: เลือกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารที่ลดการอักเสบ เช่น ว่านหางจระเข้ ไนอาซินาไมด์ หรือเซราไมด์ เพื่อช่วยบรรเทาอาการแดงของผิว
- รักษาสมดุลความชุ่มชื้นของผิว: การให้ความชุ่มชื้นเพียงพอจะช่วยลดการระคายเคืองและการเกิดรอยแดง ควรใช้มอยเจอร์ไรเซอร์ที่เหมาะกับสภาพผิว
- รักษาปัญหาสิวที่ต้นเหตุ: ปรึกษาแพทย์เพื่อรับการรักษาสิวที่เหมาะสม หรือเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยควบคุมความมันและลดสิว เพื่อลดโอกาสการเกิดรอยแดงและรอยดำ
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้าบ่อย ๆ: การสัมผัสใบหน้าอาจทำให้เกิดการระคายเคืองและสิ่งสกปรกเข้าสู่ผิว ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสโดยไม่จำเป็น
หากรักษารอยดํา รอยแดงแล้วจะกลับมาเป็นได้อีกไหม ?
รอยดำและรอยแดงสามารถกลับมาเกิดขึ้นใหม่ได้หากยังมีปัจจัยที่ทำให้ผิวอักเสบหรือระคายเคือง ดังนั้นแม้จะรักษารอยดำรอยแดงแล้ว ก็ยังควรดูแลผิวอย่างเหมาะสมเพื่อลดโอกาสการกลับมาเกิดซ้ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่มีปัญหาสิวหรือมีการระคายเคืองผิวบ่อยครั้ง การทำโปรแกรมดูแลผิวอย่างโปรแกรมผิวฟิลเตอร์ที่ลีเอนจาง หรือการใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ช่วยลดการเกิดสิวและรักษาผิวให้อยู่ในสภาพที่แข็งแรงก็จะช่วยป้องกันการเกิดรอยดำรอยแดงใหม่ ปัจจัยที่ทำให้รอยดำและรอยแดงกลับมา ได้แก่
- สิวและการอักเสบที่เกิดซ้ำ: สิวที่เกิดใหม่อาจทำให้เกิดรอยแดงหรือรอยดำใหม่ การป้องกันและรักษาสิวอย่างถูกต้องจึงเป็นสิ่งสำคัญ
- การสัมผัสแสงแดดโดยไม่มีการป้องกัน: แสงแดดทำให้รอยดำเข้มขึ้นและทำให้ผิวเกิดรอยแดงได้ง่าย ควรใช้ครีมกันแดดทุกวัน
- การบีบหรือกดสิว: การบีบหรือกดสิวจะเพิ่มโอกาสการเกิดรอยดำรอยแดง ควรหลีกเลี่ยงพฤติกรรมนี้
- การดูแลผิวไม่เหมาะสม: การใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะกับผิวหรือการดูแลผิวไม่ถูกวิธีอาจทำให้ผิวเกิดการระคายเคืองและเกิดรอยใหม่ได้
- ฮอร์โมนและสภาพผิว: ในบางกรณี การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนก็มีส่วนทำให้เกิดสิวและรอยใหม่ได้
สรุป
รอยดํา รอยแดงบนใบหน้าเป็นปัญหาผิวที่เกิดจากการอักเสบ เช่น สิว หรือการระคายเคืองของผิว โดยรอยแดงมักเป็นรอยที่เกิดขึ้นใหม่และสามารถจางลงเองได้ในระยะเวลาไม่กี่เดือน ส่วนรอยดำมักใช้เวลานานกว่าจะจางหาย แต่สามารถฟื้นฟูให้จางเร็วขึ้นได้ด้วยการรักษาและใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม ปัจจัยที่ทำให้รอยดำรอยแดงเกิดซ้ำ ได้แก่ การบีบสิว แสงแดด และการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะกับผิว การป้องกันที่ดีคือการใช้ครีมกันแดด รักษาความชุ่มชื้นของผิว หลีกเลี่ยงการบีบสิว และดูแลผิวอย่างเหมาะสม
หากท่านใดสนใจโปรแกรมผิวฟิลเตอร์ ที่ลีเอนจาง สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Line Official Account : @Lienjangthailand หรือสามารถเข้ามาติดต่อโดยตรงที่ Lienjang Clinic Thailand ทุกสาขาใกล้บ้าน เจ้าหน้าที่พร้อมให้บริการและคุณหมอพร้อมให้การดูแลอย่างใกล้ชิด เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด