บทความ

Article

โปรแกรมโบท็อกรักแร้ แก้กลิ่นตัวแรง รักแร้เปียกเป็นดวง
Facebook
X
Email

โปรแกรมโบท็อกรักแร้ แก้กลิ่นตัวแรง รักแร้เปียกเป็นดวง

หัวข้อที่น่าสนใจ

รักแร้เปียก รักแร้ดำ กลิ่นตัวแรง จนทำให้เสียบุคลิก ถึงแม้จะทาโรลออนดับกลิ่นก็เอาไม่อยู่ จนทำเอาหลายคนเสียความมั่นใจไม่กล้ายกแขน การฉีดโบท็อกรักแร้หรือโบท็อกลดเหงื่อ เป็นอีกหนึ่งวิธีที่นิยมนำใช้เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาใต้วงแขน และเป็นวิธีที่แก้ปัญหาเหงื่อใต้วงแขนได้อย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับใครที่มีปัญหาเหล่านี้อยู่ และสนใจอยากลองฉีดโบท็อก แต่ก็ไม่รู้ว่าจะต้องฉีดกี่ยูนิตให้รักแร้หายเหม็น และต้องเลือกฉีดยี่ห้อไหนดี ? ในบทความนี้ลีเอนจาง คลินิกจะมาช่วยไขข้อข้องใจต่าง ๆ เกี่ยวกับการฉีดโบท็อกรักแร้ไปพร้อมกันค่ะ

โบท็อกรักแร้ คืออะไร ?

โบท็อกรักแร้ (Botox underarm) คือการฉีดสารโบทูลินัม ท็อกซิน (Botulinum Toxin) เข้าไปบริเวณรักแร้เพื่อช่วยลดเหงื่อ ซึ่งเป็นวิธีการรักษาภาวะเหงื่อออกมากผิดปกติ (Hyperhidrosis) โดยโบท็อกจะทำงานโดยการยับยั้งการทำงานของเส้นประสาทที่กระตุ้นการหลั่งเหงื่อ ทำให้บริเวณรักแร้มีเหงื่อออกน้อยลง การฉีดโบท็อกมักมีผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ และสามารถกลับมาฉีดใหม่ได้หากต้องการรักษาผลลัพธ์ไว้ นอกจากช่วยลดเหงื่อแล้ว ยังช่วยลดกลิ่นตัวได้อีกด้วย

อ่านบทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับ : โบท็อกซ์

โบท็อกรักแร้ ช่วยลดเหงื่อได้อย่างไร ?

โบท็อกรักแร้ ช่วยลดเหงื่อได้อย่างไร ?

โบท็อกรักแร้ช่วยลดเหงื่อโดยการยับยั้งการทำงานของเส้นประสาทที่ควบคุมการทำงานของต่อมเหงื่อ สารโบทูลินัม ท็อกซิน (Botulinum Toxin) ซึ่งเป็นสารที่ใช้ในโบท็อก เมื่อถูกฉีดเข้าไปในบริเวณรักแร้จะทำให้สัญญาณประสาทที่ส่งไปยังต่อมเหงื่อถูกระงับชั่วคราว ส่งผลให้ต่อมเหงื่อผลิตเหงื่อลดลง โบท็อกเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่มีปัญหาเหงื่อออกมากผิดปกติ (Hyperhidrosis) ซึ่งวิธีนี้สามารถลดเหงื่อได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีความปลอดภัย

รักแร้เปียก มีเหงื่อเยอะ เกิดจากอะไร ?

รักแร้เปียกและเหงื่อออกมาก (ภาวะ Hyperhidrosis) เกิดจากหลายสาเหตุที่ทำให้ร่างกายผลิตเหงื่อมากเกินความจำเป็น ซึ่งอาจแบ่งได้เป็นสองประเภทหลัก ดังนี้

  • สาเหตุจากการทำงานผิดปกติของระบบประสาท (Primary Hyperhidrosis) ระบบประสาทส่วนกลาง ทำงานมากเกินไป ส่งสัญญาณให้ต่อมเหงื่อผลิตเหงื่อแม้ในสถานการณ์ที่ไม่จำเป็น มักเกิดเฉพาะจุด เช่น ที่รักแร้ ฝ่ามือ ฝ่าเท้า โดยไม่มีโรคหรือภาวะทางสุขภาพอื่น ๆ ที่เป็นสาเหตุ รวมถึงอาจมีโอกาสถ่ายทอดผ่านทางพันธุกรรม เพราะคนที่มีภาวะนี้มักพบว่ามีคนในครอบครัวเป็นด้วย
  • สาเหตุจากโรคหรือปัจจัยภายนอก (Secondary Hyperhidrosis) เกิดจากโรคหรือภาวะสุขภาพอื่น ๆ ที่ส่งผลต่อการผลิตเหงื่อ ซึ่งทำให้เหงื่อออกทั่วร่างกายหรือในบริเวณเฉพาะ เช่น โรคภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานเกิน (Hyperthyroidism) ทำให้ระบบเมตาบอลิซึมทำงานหนักเกินไป ภาวะฮอร์โมนเปลี่ยนแปลง เช่น วัยทอง หรือช่วงตั้งครรภ์ ความเครียด หรือความวิตกกังวล การใช้ยาบางชนิด และการดื่มแอลกอฮอล์หรือคาเฟอีนมากเกินไป

ใครบ้างที่เหมาะสำหรับฉีดโบท็อกรักแร้

ผู้ที่เหมาะสำหรับการฉีดโบท็อกรักแร้ส่วนใหญ่เป็นผู้ที่มีปัญหาเหงื่อออกมากผิดปกติหรือภาวะ Hyperhidrosis โดยเฉพาะในบริเวณรักแร้ ซึ่งส่งผลต่อความมั่นใจหรือการใช้ชีวิตประจำวัน โดยผู้ที่เหมาะสมในการฉีดโบท็อก ได้แก่

ใครบ้างที่เหมาะสำหรับฉีดโบท็อกรักแร้

  1. ผู้ที่มีปัญหาเหงื่อออกมากผิดปกติ (Hyperhidrosis) : คนที่มีเหงื่อออกมากที่รักแร้จนส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิต เช่น เสื้อเปียกบ่อย เกิดกลิ่นตัวง่าย การที่เหงื่อออกมากทำให้เกิดความไม่มั่นใจในการสวมใส่เสื้อผ้า
  2. ผู้ที่ไม่ตอบสนองต่อวิธีการรักษาอื่น ๆ : หากการใช้โรลออนระงับเหงื่อหรือยารักษาไม่ให้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจ การฉีดโบท็อกสามารถเป็นทางเลือกที่มีประสิทธิภาพมากกว่า
  3. ผู้ที่ไม่ต้องการทำการผ่าตัด : การฉีดโบท็อกเป็นวิธีที่ไม่ต้องผ่าตัดหรือเจ็บตัวมาก สามารถทำในคลินิกและใช้เวลาไม่นาน
  4. ผู้ที่มีความกังวลเกี่ยวกับกลิ่นตัว : การฉีดโบท็อกสามารถช่วยลดการผลิตเหงื่อ ซึ่งมีส่วนในการลดกลิ่นตัวที่เกิดจากแบคทีเรียที่เจริญเติบโตในบริเวณที่เปียกชื้น

ต้องฉีดโบท็อกรักแร้ กี่ยูนิต ?

การฉีดโบท็อกรักแร้เพื่อช่วยลดเหงื่อโดยทั่วไปจะใช้ประมาณ 50-100 ยูนิต ต่อข้าง ขึ้นอยู่กับระดับของปัญหาเหงื่อที่ออกมากและการตอบสนองของแต่ละบุคคล โดยทั่วไปจะใช้ ข้างละ 50 ยูนิต สำหรับผู้ที่มีเหงื่อออกปานกลาง และข้างละ 100 ยูนิต สำหรับผู้ที่มีเหงื่อออกมาก โดยการฉีดกระจายตัวยาไปทั่วรักแร้ราวๆ 20-30 จุด ทำให้สามารถลดเหงื่อออกที่ใต้วงแขนได้ถึง 80% สำหรับผู้ที่มีเหงื่อออกมากผิดปกติ โดยแพทย์จะทำการประเมินปริมาณที่เหมาะสมในการฉีดตามปัญหาและบริเวณที่ต้องการรักษา

สิ่งที่ควรรู้ก่อนฉีดโบท็อกรักแร้

สิ่งที่ควรรู้ก่อนฉีดโบท็อกรักแร้

ก่อนการตัดสินใจฉีดโบท็อกรักแร้เพื่อลดเหงื่อ มีสิ่งสำคัญที่ควรรู้และพิจารณาดังนี้

  1. หลีกเลี่ยงการโกนขนรักแร้หรือการทำทรีตเมนต์ผิวที่อาจทำให้ระคายเคืองบริเวณนั้นอย่างน้อย 24-48 ชั่วโมงก่อนฉีด
  2. หลีกเลี่ยงการใช้ยาบางชนิด เช่น ยาแก้อักเสบหรือยาลดการแข็งตัวของเลือด (เช่น แอสไพริน) เพื่อป้องกันรอยช้ำหรือการมีเลือดออกง่ายหลังฉีด
  3. หากมีโรคประจำตัวหรือทานยาประจำ ควรแจ้งให้แพทย์ทราบล่วงหน้า
  4. การฉีดโบท็อกเป็นกระบวนการที่ใช้เวลาไม่นาน โดยแพทย์จะทำการฉีดสารโบท็อกเข้าไปในผิวหนังบริเวณรักแร้ที่มีปัญหาเหงื่อออก
  5. ไม่จำเป็นต้องดมยาสลบ อาจมีการทายาชาบางๆ เพื่อลดความรู้สึกเจ็บในขณะฉีด
  6. โบท็อกไม่ใช่วิธีการลดเหงื่อแบบถาวร แต่ช่วยลดเหงื่อได้เพียงชั่วคราว โดยจะต้องฉีดซ้ำเพื่อคงผลลัพธ์
  7. หากคุณมีโรคประจำตัวที่เกี่ยวกับระบบประสาทหรือกล้ามเนื้อ หรือกำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร ควรหลีกเลี่ยงการฉีดโบท็อก

วิธีการดูแลหลังฉีดโบท็อกรักแร้

หลังการฉีดโบท็อกรักแร้เพื่อลดเหงื่อ ควรมีการดูแลตัวเองอย่างเหมาะสมเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและป้องกันผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น วิธีการดูแลหลังฉีดมีดังนี้

  1. ห้ามนวด กด หรือถูบริเวณรักแร้ที่ฉีดโบท็อกเป็นเวลาอย่างน้อย 24 ชั่วโมง เพื่อป้องกันการเคลื่อนย้ายของสารโบท็อกไปยังบริเวณอื่น
  2. งดการใช้ผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกายที่มีสารเคมีรุนแรงหรือแอลกอฮอล์ในช่วง 24 ชั่วโมงแรก
  3. งดการออกกำลังกายหนัก ๆ หรือกิจกรรมที่ต้องใช้แรงมากที่ทำให้เหงื่อออกมาก เช่น วิ่ง ยกน้ำหนัก เป็นเวลา 24-48 ชั่วโมง หลังการฉีด
  4. หลีกเลี่ยงการอาบน้ำร้อน อบไอน้ำ หรือการแช่น้ำอุ่นที่ทำให้อุณหภูมิร่างกายสูงขึ้น
  5. ให้ร่างกายได้พักผ่อนอย่างเพียงพอ เพื่อให้ร่างกายปรับตัวและลดการระคายเคืองหลังการฉีด
  6. หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่อาจทำให้ผิวบริเวณที่ฉีดเกิดการระคายเคือง เช่น ครีมที่มีส่วนผสมของกรดหรือแอลกอฮอล์ อย่างน้อย 1-2 วันหลังฉีด
  7. หากรู้สึกระคายเคืองหรือมีรอยแดง แพทย์อาจแนะนำให้ใช้ยาทาหรือครีมที่ช่วยลดการอักเสบ
  8. งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 24 ชั่วโมงหลังการฉีด เพราะอาจทำให้เกิดการระคายเคืองหรือรอยช้ำได้ง่ายขึ้น
  9. แม้ผลข้างเคียงจากการฉีดโบท็อกมักจะไม่รุนแรง แต่อาจมีอาการบวม ช้ำ หรือระคายเคืองบริเวณที่ฉีดในระยะสั้น หากมีอาการแพ้รุนแรง เช่น ผื่นแพ้ หายใจลำบาก หรืออาการบวม ควรรีบพบแพทย์ทันที

โบท็อกรักแร้ อยู่ได้นานไหม ?

โบท็อกรักแร้สามารถอยู่ได้นานประมาณ 4-6 เดือน หลังการฉีด ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น ปริมาณโบท็อกที่ใช้ การตอบสนองของร่างกาย และกิจกรรมในชีวิตประจำวันของแต่ละคน หลังจากนั้นเหงื่อจะเริ่มกลับมาอย่างค่อยเป็นค่อยไป เนื่องจากสารโบท็อกที่ยับยั้งการทำงานของเส้นประสาทจะค่อย ๆ เสื่อมประสิทธิภาพลง การฉีดซ้ำจะช่วยรักษาผลลัพธ์ให้อยู่ได้นานขึ้น

ฉีดโบท็อกรักแร้ กี่ครั้งเห็นผล ?

ฉีดโบท็อกรักแร้ กี่ครั้งเห็นผล ?

การฉีดโบท็อกเพื่อลดเหงื่อจะเริ่มเห็นผลตั้งแต่ครั้งแรก โดยปกติแล้วผลลัพธ์จะเริ่มปรากฏภายใน 2-7 วัน หลังจากการฉีด ซึ่งคุณจะสังเกตได้ว่าเหงื่อออกน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด และผลลัพธ์สามารถคงอยู่ได้นานประมาณ 4-6 เดือน ขึ้นอยู่กับการตอบสนองของร่างกายแต่ละคน หากต้องการรักษาผลลัพธ์ให้อยู่ต่อเนื่อง สามารถฉีดซ้ำได้ตามความเหมาะสม ซึ่งส่วนใหญ่จะฉีดประมาณปีละ 2-3 ครั้ง ทุก 4-6 เดือนค่ะ

ฉีดโบท็อกรักแร้ ราคาเท่าไร ?

โบท็อกรักแร้ ราคาจะแตกต่างกันไปตามคลินิกและปริมาณยูนิตที่ใช้ในการรักษา โดยทั่วไปจะมีราคาเริ่มต้นที่ 8,000 บาทขึ้นไป (ซึ่งอาจใช้ประมาณ 50-100 ยูนิตต่อข้าง) หลายคลินิกอาจมีโปรโมชั่นหรือแพ็คเกจราคาพิเศษในบางช่วง ดังนั้นควรสอบถามรายละเอียดและเปรียบเทียบราคาจากคลินิกต่าง ๆ เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ชัดเจนและตรงตามงบประมาณที่ต้องการ

ฉีดโบท็อกรักแร้ ยี่ห้อไหนดี ?

ฉีดโบท็อกรักแร้ ยี่ห้อไหนดี ?

การเลือกยี่ห้อโบท็อกสำหรับการฉีดลดเหงื่อที่รักแร้ ควรพิจารณายี่ห้อที่ได้รับการรับรองและมีชื่อเสียงในวงการแพทย์ โดยปกติแล้ว ยี่ห้อที่นิยมใช้และมีความน่าเชื่อถือมีดังนี้

  • Botox Allergan เป็นยี่ห้อโบท็อกที่ได้รับความนิยมและใช้กันแพร่หลายมากที่สุด ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยา (FDA) และมีประวัติการใช้งานที่ยาวนาน
  • Dysport Ipsen เป็นอีกหนึ่งยี่ห้อที่ได้รับความนิยม ใช้ในหลายประเทศและมีการศึกษาความปลอดภัยและประสิทธิภาพที่ชัดเจน
  • Botox Xeomin เป็นผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีส่วนผสมของสารโปรตีน ซึ่งอาจช่วยลดโอกาสในการเกิดอาการแพ้ และผู้ที่มีอาการดื้อโบ
  • Neuronox ผลิตภัณฑ์โบท็อกจากเกาหลี ซึ่งมีคุณภาพดีและได้รับการยอมรับในหลายประเทศ รวมถึงในประเทศไทย

*คำแนะนำ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อเลือกยี่ห้อที่เหมาะสมตามปัญหาที่คุณมี การใช้ยี่ห้อโบท็อกที่มีคุณภาพและมาตรฐานสามารถช่วยให้ผลลัพธ์มีประสิทธิภาพและลดความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียงได้*

เลือกฉีดโบท็อกรักแร้ ที่ไหนดี ?

การเลือกสถานที่ฉีดโบท็อกที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและปลอดภัย และต่อไปนี้คือแนวทางในการเลือกคลินิกที่ดีมีคุณภาพ

  1. ค้นหาคลินิกที่มีชื่อเสียงและรีวิวจากผู้ใช้บริการที่ดี เช่น คลินิกที่มีความชำนาญด้านการรักษาความงามและมีประสบการณ์ในด้านการฉีดโบท็อก
  2. ควรเลือกคลินิกที่มีแพทย์ผู้ชำนาญในการฉีดโบท็อกโดยเฉพาะ แพทย์ควรมีประสบการณ์และได้รับการรับรองในการทำหัตถการนี้
  3. ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าคลินิกนั้นได้รับอนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ในประเทศไทย
  4. คลินิกควรให้ข้อมูลที่ชัดเจนเกี่ยวกับขั้นตอนการรักษา ราคา ผลลัพธ์ที่คาดหวัง และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น
  5. อ่านรีวิวจากผู้ที่เคยใช้บริการที่คลินิกนั้น ๆ เพื่อประเมินประสบการณ์และผลลัพธ์ที่ได้

*ข้อควรรู้ ควรนัดหมายเพื่อปรึกษาแพทย์ก่อนการตัดสินใจ เพื่อให้คุณได้รับข้อมูลที่ตรงตามความต้องการและสบายใจในการรักษา*

สนใจฉีดโบท็อกรักแร้ ที่ลีเอนจาง ต้องทำอย่างไรดี ?

หากคุณสนใจฉีดโบท็อกรักแร้ที่ ลีเอนจาง คลินิก คุณสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Line Official Account : @Lienjangthailand หรือสามารถเข้ามาติดต่อโดยตรงที่ Lienjang Clinic Thailand ทุกสาขา ไม่ว่าจะเป็น สาขาสยามสแคป สาขารังสิต สาขาบางกะปิ สาขาเอกมัย และสาขาอุดรธานี เพื่อทำการนัดหมายเข้าพบแพทย์เพื่อปรึกษาเกี่ยวกับปัญหาเหงื่อออกและความต้องการของคุณ

แพทย์จะทำการประเมินและให้คำแนะนำที่เหมาะสม รวมถึงราคาโปรโมชั่น จำนวนยูนิตที่ต้องใช้ ขั้นตอนการรักษา รวมถึงการดูแลหลังการฉีด เพื่อให้คุณเข้าใจทั้งหมดก่อนการตัดสินใจ หรือสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ลีเอนจาง คลินิก ผ่านเว็บไซต์นี้ได้เลย เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ชัดเจนและละเอียดมากขึ้น มั่นใจได้เลยว่า คุณจะได้รับคำแนะนำอย่างตรงไปตรงมา และแก้ปัญหาที่ตรงจุดอย่างแน่นอน

สรุป

การโบท็อกรักแร้ ต้องยอมรับเลยว่าเป็นการรักษาที่ลดเหงื่อออกมากในบริเวณรักแร้ได้จริง ๆ เพราะสามารถลดการผลิตเหงื่อได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาเหงื่อออกมากในชีวิตประจำวัน อย่างไรก็ตาม ควรเลือกคลินิกที่มีชื่อเสียงและแพทย์ที่มีประสบการณ์ เพื่อให้มั่นใจในความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ดี แม้การฉีดโบท็อกจะมีประโยชน์ แต่ควรตระหนักถึงข้อจำกัดและผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น พร้อมทั้งทำการปรึกษาแพทย์ก่อนการตัดสินใจเพื่อให้ได้ข้อมูลที่เหมาะสมและครบถ้วน

สอบถามปรึกษาแพทย์ฟรี

สอบถามปรึกษาแพทย์ฟรี