บทความ

Article

ดื้อโบท็อก ฉีดแล้วไม่เห็นผล มีวิธีแก้และป้องกันอย่างไร ?
Facebook
X
Email

ดื้อโบท็อก ฉีดแล้วไม่เห็นผล มีวิธีแก้และป้องกันอย่างไร ?

หัวข้อที่น่าสนใจ

หากคุณเคยฉีดโบท็อกแล้วไม่เห็นผล หรือกล้ามเนื้อไม่คลายตัวเหมือนที่ผ่านมา อาจเป็นสัญญาน ภาวะดื้อโบท็อก! ภาวะนี้เกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัยและอาจทำให้คุณต้องเผชิญกับการฉีดโบท็อกที่ไม่ได้ผลเหมือนเดิม ในบทความนี้เราจะมาช่วยคุณทำความเข้าใจเกี่ยวกับสาเหตุ วิธีการป้องกัน และวิธีการแก้ไขภาวะดื้อโบท็อก เพื่อให้คุณสามารถรับมือและดูแลผิวพรรณได้อย่างมั่นใจและยั่งยืน มาดูกันเลยว่าจะมีวิธีไหนบ้าง!

ภาวะดื้อโบท็อก คืออะไร ?

ภาวะดื้อโบท็อก คืออะไร ?

ดื้อโบท็อก คือภาวะที่ร่างกายไม่ตอบสนองต่อการฉีดโบท็อก (Botulinum Toxin) อีกต่อไป หรือผลของการฉีดลดลงอย่างเห็นได้ชัดเจน ทำให้การฉีดโบท็อกไม่สามารถให้ผลลัพธ์ที่ต้องการได้ เช่น ริ้วรอยไม่ลดลงหรือกล้ามเนื้อไม่คลายตัวตามที่คาดหวัง ภาวะนี้เกิดจากการที่ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันต่อสารโบทูลินั่มท็อกซิน ซึ่งทำให้การฉีดโบท็อกไม่สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ดื้อโบท็อก เกิดจากอะไร ?

ภาวะดื้อโบท็อกเกิดจากการที่ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันหรือแอนติบอดี้มาต่อต้านสารโบทูลินั่มท็อกซิน (Botulinum Toxin) ซึ่งเป็นสารออกฤทธิ์ในโบท็อก โดยสาเหตุหลัก ๆ ที่ทำให้เกิดภาวะนี้ ได้แก่

  • การฉีดโบท็อกบ่อยเกินไป: การฉีดบ่อยครั้งหรือไม่เว้นระยะเวลาให้เหมาะสม (เช่น ทุก ๆ 3-6 เดือน) ทำให้ร่างกายเริ่มตอบสนองและสร้างภูมิคุ้มกัน
  • การใช้ปริมาณโบท็อกสูงในแต่ละครั้ง: เมื่อฉีดในปริมาณสูงหรือใช้โบท็อกที่มีโปรตีนประกอบในปริมาณมาก ร่างกายมีแนวโน้มที่จะรู้สึกว่าต้องป้องกันสารนี้ และกระตุ้นการสร้างแอนติบอดีขึ้น
  • คุณภาพและชนิดของโบท็อก: โบท็อกบางแบรนด์มีโปรตีนมากหรือน้อยต่างกัน ซึ่งโปรตีนเหล่านี้สามารถกระตุ้นให้ระบบภูมิคุ้มกันตอบสนองได้ โบท็อกที่มีความบริสุทธิ์สูงหรือโปรตีนน้อยมีโอกาสที่จะเกิดภาวะดื้อน้อยกว่า
  • สภาพร่างกายและการตอบสนองของแต่ละบุคคล: ร่างกายของแต่ละคนตอบสนองต่อสารโบท็อกต่างกัน บางคนอาจมีความไวต่อการสร้างภูมิคุ้มกันได้ง่ายกว่า

ลักษณะอาการดื้อโบท็อกเป็นอย่างไร ?

ลักษณะอาการดื้อโบท็อกเป็นอย่างไร ?

ลักษณะอาการของภาวะดื้อโบท็อกจะแสดงออกเมื่อการฉีดโบท็อกไม่สามารถให้ผลลัพธ์ที่ต้องการได้ หรือผลลัพธ์ลดลงอย่างมาก ซึ่งอาจทำให้ผู้รับการฉีดสังเกตได้ดังนี้

  1. ริ้วรอยไม่ลดลง: หลังการฉีดโบท็อก ริ้วรอยยังคงอยู่เหมือนเดิม หรือเห็นผลน้อยกว่าที่คาดหวัง
  2. กล้ามเนื้อไม่คลายตัว: ปกติการฉีดโบท็อกจะทำให้กล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดผ่อนคลาย แต่ในกรณีที่ดื้อโบ กล้ามเนื้ออาจไม่ผ่อนคลายหรือไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงเท่าที่ควร
  3. ผลของโบท็อกลดลงอย่างรวดเร็ว: แม้ผลลัพธ์จะเห็นอยู่บ้าง แต่ระยะเวลาที่โบท็อกทำงานอาจสั้นลง เช่น ผลลัพธ์อยู่ได้เพียงไม่กี่สัปดาห์ ทั้งที่โดยปกติจะอยู่ได้นาน 3-6 เดือน

อาการดื้อโบท็อกแบ่งเป็น 3 ระดับดังนี้

  • ระดับเล็กน้อย (Mild Resistance) มีการตอบสนองต่อโบท็อกลดลงเล็กน้อย ผลลัพธ์ที่ได้อาจคงอยู่ช่วงเวลาสั้นลง เช่น แทนที่จะเห็นผลนาน 3-6 เดือน อาจเห็นผลเพียง 2-3 เดือน ผู้รับการฉีดยังพอเห็นการเปลี่ยนแปลงบ้าง แต่ไม่เทียบเท่ากับครั้งก่อน ๆ
  • ระดับปานกลาง (Moderate Resistance) ผลลัพธ์ของโบท็อกลดลงอย่างชัดเจน เช่น ริ้วรอยลดลงเพียงเล็กน้อย หรือกล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดไม่คลายตัวเต็มที่ ระยะเวลาที่โบท็อกมีผลสั้นลงมาก โดยอาจอยู่ได้เพียงไม่กี่สัปดาห์ ในบางกรณี อาจต้องฉีดเพิ่มหรือใช้โบท็อกปริมาณสูงขึ้น ซึ่งไม่แนะนำเพราะอาจเสี่ยงต่อการเกิดดื้อโบถาวร
  • ระดับรุนแรง (Severe Resistance) ร่างกายตอบสนองน้อยมากหรือไม่ตอบสนองต่อโบท็อกเลย แม้จะฉีดในปริมาณมากหรือเลือกใช้โบท็อกชนิดบริสุทธิ์ ผู้รับการฉีดไม่เห็นผลลัพธ์ที่ต้องการ ไม่ว่าจะเป็นการลดริ้วรอยหรือการคลายตัวของกล้ามเนื้อ ทำให้การฉีดโบท็อกไม่เกิดผลเลย ในระดับนี้ มักเป็นผลจากการที่ร่างกายสร้างแอนติบอดีที่ต่อต้านโบท็อกอย่างสมบูรณ์

*หมายเหตุ หากมีอาการดื้อโบท็อกในระดับใดระดับหนึ่ง ควรหยุดพักการฉีดและปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อหาแนวทางในการดูแลและป้องกันการดื้อโบที่รุนแรงขึ้น*

ภาวะดื้อโบท็อกอันตรายไหม ?

ภาวะดื้อโบท็อกอันตรายไหม ?

ภาวะดื้อโบท็อกโดยทั่วไปไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ แต่จะทำให้โบท็อกไม่สามารถให้ผลลัพธ์ที่ต้องการได้ ซึ่งอาจส่งผลต่อประสิทธิภาพและความคุ้มค่าของการรักษา โดยเฉพาะหากต้องการลดริ้วรอยหรือคลายกล้ามเนื้อบางส่วน อย่างไรก็ตาม การดื้อโบอาจทำให้ต้องหยุดใช้โบท็อกไปชั่วคราวหรือหันไปใช้วิธีการรักษาอื่นแทน

สำหรับผู้ที่มีอาการดื้อโบท็อก ในแง่การใช้เพื่อความงามนั้น จะต้องพักการฉีดโบท็อกเพื่อรอให้ภูมิคุ้มกันโบทูลินัมท็อกซินลดลงก่อน แต่สิ่งที่ต้องคำนึงคือ หากมีภาวะดื้อโบท็อกแล้ว เมื่อมีอาการป่วยด้วยโรคเกี่ยวกับกล้ามเนื้อ ระบบประสาท หรือโรคอื่น ๆ ที่จำเป็นจะต้องใช้โบทูลินัมท็อกซินในการรักษา ก็จะไม่ได้ประสิทธิภาพเท่าที่ควรเช่นเดียวกัน

ดื้อโบท็อก ทําไงดี ? แก้ไขได้ไหม ?

ปัจจุบันยังไม่สามารถรักษาได้ ผู้ที่มีอาการดื้อโบ จะต้องรอให้ภูมิต้านทานที่มีต่อโบท็อกหมดไป โดยส่วนใหญ่จะใช้ระยะเวลาประมาณ 3 – 5 ปี และในบางกรณีอาจต้องรอนาน 10 – 20 ปี จะช่วยให้ร่างกายมีเวลาพักและลดโอกาสการสร้างแอนติบอดีที่ต่อต้านโบท็อก เมื่อกลับมาฉีดอีกครั้ง อาจพบว่าผลลัพธ์ดีขึ้น ควรปรึกษาแพทย์ที่มีประสบการณ์ด้านการฉีดโบท็อก ที่สามารถวิเคราะห์ปัญหาเพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสมและติดตามผลอย่างใกล้ชิด

โบท็อกยี่ห้อไหนที่เหมาะสำหรับคนดื้อโบ

โบท็อกยี่ห้อไหนที่เหมาะสำหรับคนดื้อโบ

สำหรับผู้ที่มีภาวะดื้อโบท็อก แพทย์มักแนะนำโบท็อกที่มีความบริสุทธิ์สูงและมีโปรตีนน้อย เนื่องจากมีโอกาสกระตุ้นให้เกิดภูมิคุ้มกันน้อยกว่า ซึ่งแบรนด์ที่เหมาะสม ได้แก่

  • โบท็อกจากสหรัฐอเมริกา (Allergan) เป็นโบท็อกที่ได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลาย มีความบริสุทธิ์สูงและโปรตีนน้อย ทำให้ลดโอกาสในการกระตุ้นภูมิคุ้มกัน
  • โบท็อกจากเกาหลีใต้ (Nabota) เป็นโบท็อกเกรดบริสุทธิ์สูงที่ได้รับความนิยม มีโอกาสดื้อน้อยลงเมื่อเทียบกับแบรนด์อื่น ๆ โดยเฉพาะในผู้ที่เริ่มมีภาวะดื้อโบ
  • โบท็อกจากจากเยอรมัน (Xeomin) โบท็อกชนิดนี้มีโปรตีนประกอบน้อยมาก ทำให้มีความบริสุทธิ์สูง เหมาะสำหรับผู้ที่มีแนวโน้มดื้อต่อโบท็อกแบรนด์ทั่วไป

*ทั้งนี้ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินสภาพผิวและภาวะดื้อโบในระดับต่าง ๆ ของแต่ละบุคคล แพทย์จะช่วยแนะนำแบรนด์ที่เหมาะสมให้*

อ่านบทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับ: โบท็อกยี่ห้อไหนดี 

การป้องกันการเกิดอาการดื้อโบท็อก

การป้องกันภาวะดื้อโบท็อกทำได้โดยการปฏิบัติตามแนวทางและคำแนะนำจากแพทย์ เพื่อให้การรักษาด้วยโบท็อกมีประสิทธิภาพและยืดระยะการตอบสนองต่อโบท็อกไปได้นานขึ้น โดยการปฏิบัติตามวิธีดังต่อไปนี้จะช่วยลดความเสี่ยงของการดื้อโบ และทำให้สามารถใช้การฉีดโบท็อกเพื่อความงามได้อย่างต่อเนื่องวิธีป้องกันมีดังนี้

  1. เว้นระยะการฉีดโบท็อกให้เหมาะสม: ควรฉีดโบท็อกห่างกันประมาณ 3-6 เดือน หรือทำตามคำแนะนำจากแพทย์เพื่อให้ร่างกายมีเวลาพัก ลดโอกาสที่ร่างกายจะสร้างแอนติบอดีต่อต้านสารโบท็อก
  2. เลือกใช้โบท็อกที่มีความบริสุทธิ์สูงและโปรตีนน้อย: โบท็อกที่มีโปรตีนต่ำ เช่น Xeomin มีความบริสุทธิ์สูงและกระตุ้นภูมิคุ้มกันน้อย ทำให้เหมาะสำหรับการใช้ระยะยาวโดยไม่ดื้อโบ
  3. ไม่ใช้โบท็อกในปริมาณมากเกินไป: การฉีดโบท็อกในปริมาณที่เหมาะสมช่วยลดความเสี่ยงต่อการสร้างภูมิคุ้มกัน ปริมาณที่มากเกินไปอาจกระตุ้นให้ร่างกายต่อต้านได้
  4. ใช้บริการจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ: การฉีดโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์จะช่วยให้คุณได้รับคำแนะนำและการรักษาที่เหมาะสม อีกทั้งยังช่วยลดความเสี่ยงจากการใช้โบท็อกในปริมาณหรือช่วงเวลาที่ไม่ถูกต้อง
  5. หลีกเลี่ยงการฉีดซ้ำบ่อยครั้ง: การฉีดโบท็อกซ้ำๆ ที่จุดเดิมบ่อยเกินไปอาจทำให้เกิดการตอบสนองทางภูมิคุ้มกัน การกระจายพื้นที่การฉีดหรือเลือกจุดที่เหมาะสมช่วยลดโอกาสการดื้อโบ

ผลกระทบของภาวะดื้อโบท็อก

ภาวะดื้อโบท็อกส่งผลกระทบหลัก ๆ ต่อประสิทธิภาพของการฉีดโบท็อกและความพึงพอใจในการรักษา ซึ่งอาจทำให้ผู้รับการฉีดไม่ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการและเสียค่าใช้จ่ายโดยเปล่าประโยชน์ ผลกระทบสำคัญของดื้อโบท็อก ได้แก่

  1. การลดประสิทธิภาพของโบท็อก: โบท็อกไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มที่ เช่น ริ้วรอยไม่ลดลง กล้ามเนื้อไม่คลายตัว ผลลัพธ์ที่ควรอยู่ได้ 3-6 เดือนอาจลดลงเหลือเพียงไม่กี่สัปดาห์หรือไม่เกิดผลเลย
  2. เพิ่มค่าใช้จ่ายในการรักษา: ผู้ที่มีภาวะดื้อโบอาจต้องฉีดในปริมาณที่มากขึ้นหรือฉีดซ้ำบ่อยครั้ง ทำให้มีค่าใช้จ่ายในการรักษาสูงขึ้น นอกจากนี้ หากโบท็อกไม่ทำงาน อาจต้องหาวิธีรักษาอื่นเพิ่มเติม
  3. เสียโอกาสในการใช้โบท็อกในอนาคต: เมื่อร่างกายสร้างแอนติบอดีต้านโบท็อกอย่างถาวร อาจไม่สามารถใช้โบท็อกได้อีกในอนาคต และต้องหาวิธีอื่นมาทดแทน เช่น ฟิลเลอร์ เลเซอร์ หรือการยกกระชับด้วยเทคโนโลยีอื่น ๆ
  4. ผลกระทบทางจิตใจ: ผู้ที่เคยได้รับผลลัพธ์ที่ดีจากการฉีดโบท็อกอาจรู้สึกผิดหวังหรือไม่มั่นใจในรูปลักษณ์เมื่อโบท็อกไม่สามารถให้ผลลัพธ์ที่ต้องการได้

ควรฉีดโบท็อกกี่ยูนิตถึงจะไม่เสี่ยงต่อการดื้อโบ

ควรฉีดโบท็อกกี่ยูนิตถึงจะไม่เสี่ยงต่อการดื้อโบ

การฉีดโบท็อกในปริมาณที่เหมาะสมจะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะดื้อโบท็อก แต่ไม่สามารถกำหนดจำนวนยูนิตที่แน่นอนได้ตามหลักการทั่วไป เนื่องจากปริมาณที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น สภาพผิวและความต้องการของแต่ละบุคคล ซึ่งการฉีดโบท็อกในปริมาณสูงเกินไปหรือบ่อยครั้งเกินไปอาจกระตุ้นให้ร่างกายสร้างแอนติบอดีต่อต้านโบท็อกมากขึ้น ซึ่งจะเพิ่มความเสี่ยงของการดื้อโบได้ ดังนั้น ควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินปริมาณที่เหมาะสมสำหรับแต่ละบุคคล โดยการฉีดโบท็อกในปริมาณที่เหมาะสมและเว้นระยะห่างที่ดีจะช่วยลดความเสี่ยงในการดื้อโบ

อ่านบทความที่น่าสนใจเกี่ยวกับ : โบท็อก 100 u

สรุป

ภาวะดื้อโบท็อกคือสภาวะที่ร่างกายพัฒนาแอนติบอดีต่อต้านโบท็อก ส่งผลให้ประสิทธิภาพของการฉีดโบท็อกลดลง หรือไม่สามารถให้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการ เช่น ริ้วรอยไม่ลดลงหรือกล้ามเนื้อไม่คลายตัวเต็มที่ โดยอาจเกิดจากการฉีดโบท็อกบ่อยครั้งในปริมาณสูงหรือไม่เหมาะสม การดื้อโบสามารถป้องกันได้ด้วยการเว้นระยะการฉีดที่เหมาะสม ใช้โบท็อกที่มีความบริสุทธิ์สูงและโปรตีนน้อย

รวมทั้งปรึกษาแพทย์เพื่อเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสมและหลีกเลี่ยงการฉีดบ่อยเกินไป เพื่อให้สามารถรักษาผลลัพธ์ได้ยาวนานและลดความเสี่ยงต่อการดื้อโบท็อก หากท่านใดสนใจอยากปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับการฉีดโบท็อก สามารถสอบถามรายละเอียดที่ Line Official Account : @Lienjangthailand

สอบถามปรึกษาแพทย์ฟรี

สอบถามปรึกษาแพทย์ฟรี