หากคุณกำลังคิดที่จะฉีดฟิลเลอร์เพื่อเสริมความสวยงามของใบหน้า แต่ยังไม่มั่นใจในข้อปฏิบัติและข้อห้ามที่ควรรู้หลังการฉีด เพื่อให้ฟิลเลอร์อยู่ได้นานและปลอดภัย บทความนี้จะให้คำแนะนำเกี่ยวกับวิธีดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ ทั้งการหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงและวิธีการรักษาความสวยงามของคุณให้ดีที่สุด พร้อมเคล็ดลับที่ช่วยให้คุณเห็นผลลัพธ์ที่ดีขึ้นและลดความเสี่ยงจากอาการบวมและช้ำ
ไม่ว่าคุณจะเพิ่งเริ่มต้นหรือเคยฉีดฟิลเลอร์มาก่อน บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจถึงสิ่งที่ควรทำและควรหลีกเลี่ยงหลังการฉีดฟิลเลอร์ได้อย่างครบถ้วน ซึ่งจะช่วยให้การฟื้นฟูร่างกายเป็นไปได้อย่างรวดเร็วและทำให้คุณได้รับผลลัพธ์ที่ดีที่สุด อย่าพลาด! มาอ่านกันเลยเพื่อเสริมความมั่นใจในการตัดสินใจ
การปฏิบัติตัวหลังฉีดฟิลเลอร์มีความสำคัญอย่างไร ?
การปฏิบัติตัวหลังฉีดฟิลเลอร์ที่ดีมีความสำคัญอย่างมาก เพราะช่วยให้ผลลัพธ์ของการฉีดเป็นไปตามที่ต้องการและลดความเสี่ยงจากผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น การดูแลตัวเองอย่างเหมาะสมจะช่วยให้ฟิลเลอร์คงตัวและทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ รวมถึงลดโอกาสการบวมช้ำหรือการติดเชื้อ การปฏิบัติตัวที่ถูกต้องไม่เพียงช่วยให้ผลลัพธ์เป็นไปตามที่คาดหวัง แต่ยังช่วยรักษาความปลอดภัยและสุขภาพของผิวในระยะยาวด้วย แต่หากมีอาการผิดปกติ เช่น บวมแดงมากเกินไปหรือปวด ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อความปลอดภัยและการดูแลที่เหมาะสมต่อไป
ก่อนฉีดฟิลเลอร์ควรหลีกเลี่ยงอะไรบ้าง ?
ก่อนฉีดฟิลเลอร์ ควรหลีกเลี่ยงสิ่งต่อไปนี้เพื่อเตรียมร่างกายให้พร้อมและลดความเสี่ยงของผลข้างเคียง
- ยาที่ทำให้เลือดแข็งตัวช้า: หลีกเลี่ยงการใช้ยาในกลุ่มแอสไพริน (Aspirin), ไอบูโพรเฟน (Ibuprofen) หรือยาต้านการแข็งตัวของเลือด เช่น วิตามินอี หรืออาหารเสริมบางชนิด เช่น น้ำมันปลา อย่างน้อย 1 สัปดาห์ก่อนการฉีด เพราะอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดรอยฟกช้ำหรือเลือดออกง่าย
- เครื่องดื่มแอลกอฮอล์: ควรงดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 24 ชั่วโมงก่อนการฉีด เพราะแอลกอฮอล์สามารถเพิ่มความเสี่ยงของการบวมและรอยช้ำได้
- การใช้ผลิตภัณฑ์หรือการทำทรีตเมนต์ผิวที่ระคายเคือง: หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกรดผลไม้หรือเรตินอล รวมถึงงดการทำเลเซอร์ ขัดผิว หรือแว็กซ์บริเวณที่จะฉีดในช่วง 2-3 วันก่อนการฉีด เพื่อลดความเสี่ยงของการระคายเคือง
- การสูบบุหรี่: ควรลดหรือหลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ เนื่องจากส่งผลต่อการไหลเวียนของเลือดและอาจชะลอการฟื้นตัวของผิวหลังการฉีด
- การออกกำลังกายหนัก: งดการออกกำลังกายหนักในวันก่อนการฉีดเพื่อลดการไหลเวียนของเลือดที่อาจทำให้เกิดอาการบวมและช้ำได้ง่ายขึ้น
หลังฉีดฟิลเลอร์ ห้ามอะไรบ้าง ? มาดูกัน
หลังฉีดฟิลเลอร์ ควรหลีกเลี่ยงสิ่งต่อไปนี้เพื่อป้องกันผลข้างเคียงและช่วยให้ฟิลเลอร์คงตัวได้ดี
หลังฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก
Body – ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือกดนวดบริเวณหน้าผากในช่วง 24-48 ชั่วโมงแรก เพื่อป้องกันการเคลื่อนที่ของฟิลเลอร์และรักษารูปทรงที่ฉีดไว้ ห้ามออกกำลังกายหนักหรือทำกิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออกมาก รวมถึงหลีกเลี่ยงการสัมผัสความร้อนสูง เช่น การอบซาวน่า อาบน้ำร้อน หรือใช้ไดร์เป่าผมร้อนใกล้บริเวณหน้าผาก นอกจากนี้ ควรงดดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่เพื่อลดความเสี่ยงของการอักเสบหรือบวมแดง หากจำเป็นต้องนอน ควรนอนหงายและยกศีรษะสูงในคืนแรกเพื่อป้องกันแรงกดทับบนหน้าผาก
อ่านบทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับ : ฟิลเลอร์หน้าผาก
หลังฉีดฟิลเลอร์ปาก
ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือกดบริเวณริมฝีปากในช่วง 24-48 ชั่วโมงแรกเพื่อป้องกันการเคลื่อนตัวของฟิลเลอร์ ห้ามจูบหรือใช้ปากทำกิจกรรมที่มีแรงกดดัน เช่น การดูดหลอดน้ำหรือการกัดอาหารแข็ง นอกจากนี้ ควรงดการดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่เพื่อลดความเสี่ยงของการอักเสบหรือการระคายเคือง หลีกเลี่ยงการสัมผัสความร้อน เช่น การดื่มเครื่องดื่มร้อน อาบน้ำอุ่นจัด หรือซาวน่าในช่วงวันแรกหลังการฉีด
อ่านบทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับ : ฟิลเลอร์ปาก
หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
ควรหลีกเลี่ยงการกด นวด หรือถูบริเวณใต้ตาในช่วง 24-48 ชั่วโมงแรก เพื่อป้องกันการเคลื่อนตัวของฟิลเลอร์ ห้ามออกกำลังกายหนักหรือทำกิจกรรมที่ทำให้เลือดไหลเวียนมากเกินไป รวมถึงหลีกเลี่ยงการสัมผัสความร้อนสูง เช่น การอบซาวน่า อาบน้ำร้อน หรือใช้ไดร์เป่าผมร้อนใกล้ใบหน้า นอกจากนี้ ควรงดดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่เพื่อลดความเสี่ยงของการอักเสบและบวมแดง การแต่งหน้าในบริเวณใต้ตาควรหลีกเลี่ยงในวันแรกเพื่อป้องกันการระคายเคืองหรือการติดเชื้อ
อ่านบทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับ : ฟิลเลอร์ใต้ตา
หลังฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม
ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือกดนวดบริเวณร่องแก้มในช่วง 24-48 ชั่วโมงแรก เพื่อป้องกันการเคลื่อนตัวของฟิลเลอร์ ห้ามออกกำลังกายหนักหรือทำกิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออกมาก รวมถึงหลีกเลี่ยงการสัมผัสความร้อนสูง เช่น การอบซาวน่า อาบน้ำร้อน หรือการใช้ไดร์เป่าผมร้อนใกล้ใบหน้า นอกจากนี้ ควรงดดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่เพื่อลดความเสี่ยงของการอักเสบและบวมช้ำ หากจำเป็นต้องแต่งหน้า ควรรออย่างน้อย 24 ชั่วโมงและแต่งหน้าเบา ๆ เพื่อป้องกันการระคายเคือง
อ่านบทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับ : ฟิลเลอร์ร่องแก้ม
หลังฉีดฟิลเลอร์ขมับ
ควรหลีกเลี่ยงการกด นวด หรือสัมผัสแรง ๆ บริเวณขมับในช่วง 24-48 ชั่วโมงแรก เพื่อป้องกันการเคลื่อนตัวของฟิลเลอร์ ห้ามออกกำลังกายหนักหรือทำกิจกรรมที่ทำให้เกิดความร้อนในร่างกายมาก เช่น การอบซาวน่า หรือการอาบน้ำร้อน นอกจากนี้ ควรงดดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่เพื่อลดความเสี่ยงของการบวมช้ำหรือการอักเสบ หากต้องนอน ควรหลีกเลี่ยงการนอนตะแคงทับบริเวณขมับและพยายามนอนหงายในคืนแรก
อ่านบทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับ : ฟิลเลอร์ขมับ
หลังฉีดฟิลเลอร์คาง
ควรหลีกเลี่ยงการกด นวด หรือสัมผัสบริเวณคางในช่วง 24-48 ชั่วโมงแรก เพื่อป้องกันการเคลื่อนตัวของฟิลเลอร์ ห้ามออกกำลังกายหนักหรือทำกิจกรรมที่ทำให้เลือดไหลเวียนมากเกินไป รวมถึงหลีกเลี่ยงการสัมผัสความร้อนสูง เช่น การอบซาวน่า หรือการใช้ไดร์เป่าผมร้อนใกล้ใบหน้า นอกจากนี้ ควรงดดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่เพื่อลดความเสี่ยงของการบวมและการอักเสบ หากจำเป็นต้องนอน ควรหลีกเลี่ยงการนอนท่าคว่ำหรือท่าตะแคงที่ทำให้เกิดแรงกดทับบริเวณคาง
หลังฉีดฟิลเลอร์ห้ามกินอะไรบ้าง ?
หลังฉีดฟิลเลอร์ ควรหลีกเลี่ยงอาหารบางประเภทเพื่อช่วยให้ฟิลเลอร์คงตัวได้ดีและลดความเสี่ยงของผลข้างเคียง ดังนี้
- อาหารรสจัด: หลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสเค็มหรือเผ็ดมาก เพราะอาจทำให้เกิดการบวมบริเวณที่ฉีดได้ง่ายขึ้น
- อาหารที่มีน้ำตาลสูง: การบริโภคน้ำตาลในปริมาณมากอาจส่งผลต่อการอักเสบหรือการติดเชื้อ ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีน้ำตาลสูงในช่วง 1-2 วันแรกหลังการฉีด
- อาหารที่มีส่วนผสมของไขมันสูง: อาหารที่มีไขมันมาก เช่น อาหารทอด หรือของหวานที่มีไขมันสูง ควรงดเพื่อไม่ให้เกิดการบวมหรือทำให้ร่างกายฟื้นตัวช้าลง
- อาหารและเครื่องดื่มที่ทำให้เลือดบาง: เช่น อาหารเสริมที่มีวิตามินอี หรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ควรงดในช่วง 24-48 ชั่วโมงแรกหลังการฉีด เพราะอาจเพิ่มโอกาสในการเกิดรอยช้ำและเลือดออก
- อาหารที่มีส่วนผสมของคาเฟอีนสูง: คาเฟอีนสามารถกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดและทำให้เกิดการบวมได้
อาการที่อาจเกิดขึ้นได้หลังฉีดฟิลเลอร์
หลังฉีดฟิลเลอร์ อาจมีอาการบางอย่างเกิดขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นอาการชั่วคราวและสามารถหายไปได้เองในไม่กี่วัน ต่อไปนี้คืออาการที่อาจเกิดขึ้นได้
- บวม: เป็นอาการที่พบได้บ่อยหลังการฉีดฟิลเลอร์ โดยเฉพาะบริเวณที่ฉีด เช่น ริมฝีปาก, ขมับ, คาง หรือใต้ตา อาการบวมจะหายไปภายใน 1-2 วันหรือมากกว่านั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ
- ช้ำ: การฉีดฟิลเลอร์อาจทำให้เกิดรอยฟกช้ำในบริเวณที่ฉีดได้ อาจใช้เวลาหลายวันหรือสัปดาห์ในการหาย
- ปวดหรือรู้สึกไม่สบาย: อาจรู้สึกปวดหรือตึงบริเวณที่ฉีด ฟิลเลอร์สามารถทำให้เกิดความรู้สึกไม่สบายในช่วงแรก ๆ ซึ่งมักจะลดลงภายใน 1-2 วัน
- การระคายเคืองหรืออักเสบ: บางคนอาจรู้สึกระคายเคือง หรือมีอาการอักเสบเล็กน้อยหลังการฉีด โดยปกติจะหายไปภายในไม่กี่วัน
- การเปลี่ยนแปลงของรูปร่าง: ฟิลเลอร์อาจเคลื่อนที่หรือไม่ตั้งตัวในตำแหน่งที่ต้องการได้ หากเกิดอาการนี้ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อขอคำแนะนำ
- การติดเชื้อ: แม้จะมีความเสี่ยงน้อย แต่ก็เป็นไปได้ที่ฟิลเลอร์จะเกิดการติดเชื้อที่บริเวณที่ฉีด หากมีอาการแดง ร้อน หรือหนอง ควรรีบปรึกษาแพทย์ทันที
- ความผิดปกติของการหายใจหรือมองเห็น: อาการเหล่านี้เกิดขึ้นได้ยาก แต่หากมีอาการปวดรุนแรง หรือการเปลี่ยนแปลงในการมองเห็น ควรไปพบแพทย์ทันที
คำถามที่พบบ่อย
Q : หลังฉีดฟิลเลอร์ แต่งหน้าได้ไหม ?
A : ควรหลีกเลี่ยงการแต่งหน้าบริเวณที่ฉีดในช่วง 24 ชั่วโมงแรก เพื่อป้องกันการระคายเคืองและการติดเชื้อจากการใช้เครื่องสำอางที่มีสารเคมีหรือแบคทีเรีย ส่วนการแต่งหน้าหลังจากนั้นสามารถทำได้ แต่ควรระวังไม่ให้แรงกดทับหรือสัมผัสแรง ๆ บริเวณที่ฉีด เพื่อไม่ให้ฟิลเลอร์เคลื่อนที่หรือเสียรูปทรง ควรเลือกใช้เครื่องสำอางที่มีคุณสมบัติอ่อนโยนและทำความสะอาดอย่างระมัดระวังหลังการใช้
Q : หลังฉีดฟิลเลอร์ ล้างหน้าได้ไหม ?
A : ควรหลีกเลี่ยงการล้างหน้าบริเวณที่ฉีดในช่วง 6 ชั่วโมงแรก เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการระคายเคืองหรือการติดเชื้อ ควรล้างหน้าอย่างเบามือในช่วงแรกหลังการฉีด และหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมรุนแรง เช่น กรดผลไม้หรือสครับ ควรใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่อ่อนโยนและไม่กระตุ้นการระคายเคือง หากล้างหน้า ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือกดแรง ๆ บริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ เพื่อไม่ให้ฟิลเลอร์เคลื่อนที่
Q : หลังฉีดฟิลเลอร์กินปลาร้าได้ไหม ?
A : หลังฉีดฟิลเลอร์สามารถกินปลาร้าได้ แต่ควรระวังเรื่องความเค็ม เพราะอาหารที่มีรสเค็มมากอาจกระตุ้นให้เกิดการบวมบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ได้ง่ายขึ้น ควรเลือกทานอาหารที่มีโซเดียมในปริมาณพอเหมาะ และหากจะทานปลาร้าหรืออาหารรสจัด ควรทานในปริมาณที่ไม่มากเกินไปเพื่อป้องกันการเกิดบวมหรืออาการระคายเคืองที่อาจตามมา นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ในช่วงนี้ด้วย เพื่อไม่ให้เกิดผลข้างเคียงจากฟิลเลอร์
Q : หลังฉีดฟิลเลอร์แล้วเป็นก้อน แก้ไขอย่างไร ?
A : หากหลังฉีดฟิลเลอร์แล้วเกิดก้อนบริเวณที่ฉีด อาจเกิดจากฟิลเลอร์เคลื่อนที่หรือไม่กระจายตัวเท่าที่ควร การแก้ไขสามารถทำได้โดยการนวดเบา ๆ หรือการใช้ยาละลายฟิลเลอร์ที่แพทย์จ่ายให้ (เช่น Hyaluronidase) เพื่อให้ฟิลเลอร์กระจายตัวหรือสลายไป หากก้อนยังคงอยู่หรือมีอาการไม่สบาย ควรปรึกษาแพทย์ที่ทำการฉีดเพื่อประเมินสถานการณ์และรับการรักษาที่เหมาะสม แพทย์อาจแนะนำการนวดหรือการรักษาอื่น ๆ ขึ้นอยู่กับลักษณะของก้อนและสภาพฟิลเลอร์ที่ฉีด
Q : หลังฉีดฟิลเลอร์ ล้างหน้าด้วยน้ำอุ่นได้ไหม ?
A : ควรหลีกเลี่ยงการล้างหน้าด้วยน้ำอุ่นในช่วง 24-48 ชั่วโมงแรก เพราะน้ำอุ่นอาจกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดและทำให้เกิดการบวมบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ได้ ควรใช้น้ำอุณหภูมิห้องหรือน้ำเย็นในการล้างหน้าในช่วงแรก เพื่อไม่ให้เกิดการระคายเคืองและลดความเสี่ยงของการบวม หากจำเป็นต้องล้างหน้าด้วยน้ำอุ่น ควรทำอย่างระมัดระวังและไม่ให้ความร้อนสัมผัสบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์โดยตรง
สรุป
หลังฉีดฟิลเลอร์ ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาดีและลดความเสี่ยงของผลข้างเคียง เช่น ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือกดบริเวณที่ฉีดในช่วง 24-48 ชั่วโมงแรก รวมถึงการออกกำลังกายหนัก การสัมผัสความร้อนสูง เช่น ซาวน่า และการดื่มแอลกอฮอล์ ควรหลีกเลี่ยงการแต่งหน้าหรือการล้างหน้าด้วยน้ำร้อนในช่วงแรกและให้ระมัดระวังการนอนหงายเพื่อป้องกันแรงกดทับบริเวณที่ฉีด หากเกิดอาการบวม ช้ำ หรือผิดปกติ ควรปรึกษาแพทย์ทันทีเพื่อรับคำแนะนำและการดูแลเพิ่มเติม
หากท่านใดสนใจในการฉีดฟิลเลอร์อย่างปลอดภัย สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Line Official Account : @Lienjangthailand หรือสามารถเข้ามาติดต่อโดยตรงที่ Lienjang Clinic Thailand ทุกสาขาใกล้บ้านท่าน เจ้าหน้าที่พร้อมให้บริการและคุณหมอพร้อมให้การดูแลอย่างใกล้ชิด เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด