โบท็อกซ์ตัวช่วยหลัก ช่วยลดความเหี่ยวย่นบนใบหน้า!
แน่นอนว่าเมื่อกล่าวถึงตัวช่วยในการแก้ไขปัญหาผิวเหี่ยวย่น “โบทูลินัม ท็อกซิน หรือโบท็อกซ์” ถือเป็นสิ่งที่คนส่วนใหญ่มักนึกถึงเสมอ แต่ในยุคปัจจุบันที่มีเทคโนโลยีความสวยใหม่ ๆ เกิดขึ้นมากมาย โบทูลินัม ท็อกซินจะยังถือเป็นตัวเลือกในการทำให้ผิวเรียบตึงที่ใช่ ที่คุ้มกับความเสี่ยงอยู่หรือเปล่า ? ในบทความนี้ เราจะพาทุกท่าน ไปไขข้อสงสัยดังกล่าวให้กระจ่างกัน
สิ่งที่น่าสนใจในบทความนี้
- โบท็อกซ์ คืออะไร ? ช่วยแก้ไขปัญหาใดบ้าง ?
- บริเวณที่มักมีการใช้ โบท็อกซ์
- ผลประโยชน์ของการใช้ โบท็อกซ์ อย่างต่อเนื่องในระยะยาว
- ยี่ห้อ โบท็อกซ์ ที่แพร่หลายในประเทศไทย
- ข้อปฏิบัติหลังทำ โบท็อกซ์ (ข้อควรระวัง)
- โบท็อกซ์ กับ Lienjang
โบท็อกซ์ คืออะไร ? ช่วยแก้ไขปัญหาใดบ้าง ?
โบท็อกซ์ หรือโบทูลินัม ท็อกซิน เป็นสารที่ได้จากแบคทีเรียที่มีชื่อว่า คลอสตริเดียม โบทูลินัม (Clostridium Botulinum) โบทูลินัม ท็อกซิน จะออกฤทธิ์โดยทำให้กล้ามเนื้อทำงานลดลง ซึ่งจะทำให้ในบริเวณรอยเหี่ยวย่นที่เกิดจากการขยับกล้ามเนื้อเรียบตึง ไม่มีริ้วรอย อย่างไรก็ตามแม้เราจะจดจำโบทูลินัม ท็อกซิน ในฐานะตัวช่วยเรื่องการแก้ไขปัญหาผิวเหี่ยวย่น แต่ในความเป็นจริงแล้วสารดังกล่าวยังถูกใช้เพื่อระงับการทำงานของต่อมเหงื่อ และลดรูขุมขนอีกด้วย
การใช้ในต่อมเหงื่อ – สำหรับการใช้เพื่อลดการผลิตเหงื่อ แพทย์จะทำการใช้โบทูลินัม ท็อกซินไปในบริเวณที่มีการผลิตเหงื่อออกมามากเกินปกติ เช่น ใต้วงแขน ฝ่ามือ หรือเท้า เป็นต้น โดยการรักษาดังกล่าวมักทำในผู้ที่ต้องการลดกลิ่นตัว กลิ่นเท้า หรือผู้ที่ไม่มั่นใจจากการที่มีเหงื่อออกมากเกินไป ดังนั้นจึงมีการใช้ในต่อมเหงื่อ เพื่อลดการทำงานของต่อมไขมันและยังสามารถใช้เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้อีกด้วย
การใช้เพื่อลดรูขุมขน – ปัญหารูขุมขนกว้างมีสาเหตุมากมาย ทั้งกรรมพันธ์ุ การเผชิญกับแสดงแดดมากเกินไป และการดูแลผิวหน้าที่ไม่เหมาะสม เมื่อรูขุมขนกว้าง ก็จะทำให้หน้าดูไม่เรียบเนียน
บริเวณที่มักมีการใช้ โบท็อกซ์
- ใต้ตา ตีนกา: ดวงตาเปรียบเสมือนหน้าต่างสู่ดวงใจ แน่นอนว่าบริเวณดวงตาของเราก็ถือเป็นอีกหนึ่งส่วนที่แสดงอารมณ์บนผิวหน้าค่อนข้างเยอะ ในจุดนี้จึงมักมีการใช้ โบท็อกซ์ เพื่อลดริ้วรอย โดยปริมาณที่ใช้จะอยู่ที่ 15 – 20 ยูนิต
- กล้ามเนื้อกราม: หากผู้อ่านทุกท่านลองกัดฟันและจับบริเวณกรามของตนเอง ก็จะพบว่ามีกล้ามเนื้อในบริเวณดังกล่าว ดังนั้นหลายคนจึงนิยมใช้ โบท็อกซ์ บริเวณกรามเพื่อทำให้ใบหน้าดูเล็กลง ในบริเวณนี้จะใช้ประมาณ 50 – 100 ยูนิต
- กรอบหน้า: เป็นการใช้ โบท็อกซ์ เพื่อคลายกล้ามเนื้อส่วนคอ จะทำบริเวณกรอบหน้าและใต้คาง ทำให้ใบหน้าดูคมชัดขึ้น แก้มลดลง หน้าเรียวขึ้น ใช้ โบท็อกซ์ ประมาณ 30 – 50 ยูนิต
- จมูก / ปีกจมูก: ในบริเวณนี้จะเป็นการใช้เพื่อลดรอยย่นในบริเวณจมูก สำหรับบริเวณปีกจมูกจะทำเพื่อให้มีการขยับน้อยลง ส่งผลให้สันจมูกดูเด่นชัดขึ้น สันจมูกจะใช้ประมาณ 4 – 6 ยูนิต และปีกจมูกใช้ 15 – 20 ยูนิต
- แขน: สำหรับผู้ที่มีปัญหากล้ามแขนใหญ่ ไม่มั่นใจเวลาใส่เสื้อแขนกุด การใช้ โบท็อกซ์ ก็จะช่วยลดปัญหาดังกล่าวได้ ในกรณีที่แขนใหญ่จากไขมันอาจต้องมีการสลายไขมันร่วมด้วย ในบริเวณนี้จะใช้ โบท็อกซ์ ประมาณ 200 ยูนิต
- น่องขา: ผู้ที่ต้องใส่ส้นสูงในการทำงาน หรือต้องเดินค่อนข้างบ่อย อาจมีปัญหาน่องขาใหญ่จากกล้ามเนื้อมัดที่ใช้บ่อย การใช้ โบท็อกซ์ ก็จะช่วยให้กล้ามเนื้อบริเวณน่องขาเล็กลงได้ โดยในบริเวณนี้ก็ใช้ปริมาณค่อนข้างเยอะเพราะเป็นกล้ามเนื้อมัดใหญ่ ใช้ข้างละ 200 – 300 ยูนิต แต่คนเราสามารถรับโบท็อกซ์ได้ในปริมาณ 300 ยูนิต ภายใน 3 เดือน ดังนั้นแพทย์ส่วนใหญ่จึงแนะนำให้ทยอยทำข้างละ 200 ยูนิต
ผลประโยชน์ของการใช้ โบท็อกซ์อย่างต่อเนื่อง
ในระยะยาว
- ป้องกันการเกิดริ้วรอย รอยเหี่ยวย่น และร่องลึกบนใบหน้า
- คอลลาเจนถูกสร้างอย่างต่อเนื่องเพราะได้รับการกระตุ้นจากโบท็อกซ์บางชนิด
- สามารถทำได้ต่อเนื่อง ไม่มีผลข้างเคียงในระยะยาว
ยี่ห้อ ที่แพร่หลายในประเทศไทย
- Allergan (โบทูลินัม ท็อกซินจากประเทศสหรัฐอเมริกา) – เป็นโบทูลินัม ท็อกซินที่มีความบริสุทธิ์มากถึง 99.5 % ตัวยาสามารถกระจายได้อย่างคงที่ เห็นผลเร็วภายใน 2 – 3 วันหลัง และสามารถอยู่ได้ยาวนาน 6 – 8 เดือน
- Xeomin (โบทูลินัม ท็อกซินจากประเทศเยอรมัน) – เป็นโบทูลินัม ท็อกซินโมเลกุลเล็กเมื่อเทียบกับยี่ห้ออื่น ๆ มีการกำจัดโปรตีนที่ไม่จำเป็นออก ทำให้มีความบริสุทธิ์สูง ลดอาการดื้อยาในบุคคลที่ได้รับการรักษา เห็นผลภายใน 3 วัน และอยู่ได้นานประมาณ 4 – 6 เดือน
- Nabota (โบทูลินัม ท็อกซินจากประเทศเกาหลี) – เป็นโบทูลินัม ท็อกซินยี่ห้อเดียวจากเกาหลีที่ได้รับการรองรับจาก USFDA (สำนักงานอาหารและยาสหรัฐอเมริกา) ออกฤทธิ์ค่อนข้างไว เห็นผลเต็มที่ภายในระยะเวลา 1 เดือน และอยู่ได้นานถึง 4 – 6 เดือน
ข้อปฏิบัติหลังทำ
- หลังทำการรักษาควรรีบขยับเกร็งกล้ามเนื้อทันที 1-2 ครั้ง
- งดนอนราบ 3 ชม.
- หลีกเลี่ยงความร้อนทุกชนิดและกิจกรรมที่ทำให้หน้าแดง
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด หมูกระทะ ปิ้งย่าง ชาบู หรืออาหารที่ต้องนั่งหน้าเตาร้อน ๆ
- หากมีคอร์สทำหน้า นวดหน้า ควรงด 2 สัปดาห์หลังทำ